ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต /โตโยต้า อัลติส ‘1.8 SPORT’ หน้าตาเรียบหรูแต่ซิ่งสะใจ

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

โตโยต้า อัลติส ‘1.8 SPORT’

หน้าตาเรียบหรูแต่ซิ่งสะใจ

 

ด้วยยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้า แถมยังโดนคู่แข่งชิงตลาดเก๋ง “ซี-เซ็กเมนต์” ไปไม่น้อย ทำให้ “โตโยต้า” ต้องปรับทัพ “โคโรลล่า อัลติส” อีกครา

โดยส่งรุ่นย่อยใหม่ “1.8 SPORT” MY2021 มาเสริมความแข็งแกร่งให้เป็นตัวเลือก

เพราะแต่เดิมอัลติสเน้นทำตลาดในรุ่นไฮบริดมากกว่า เพราะมีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย

ส่วนรุ่น 1.6 ลิตร มีรุ่น 1.6 G และ Limo ที่จับตลาดแท็กซี่เป็นหลัก

ขณะที่รถเพื่อผู้บริโภคทั่วไปเน้นที่รุ่น 1.8 GR-SPORT เพียงรุ่นเดียว ซึ่งราคาทะลุล้านไปนิดหน่อย

โตโยต้าจึงต้องเสริมรุ่นใหม่เพื่อชนกับคู่แข่งโดยตรงทั้ง “ฮอนด้า ซีวิค 1.8 EL” และ “มาสด้า 3”

ผมมีโอกาสหยิบจับรถรุ่นนี้มาทดลองอยู่พักหนึ่ง ต้องบอกว่าเป็นรถที่ขับสนุกเกินคาด ทั้งฟิลลิ่ง และช่วงล่างที่ได้อารมณ์สปอร์ตเต็มๆ

แม้หน้าตาภายนอกจะดูเรียบหรู ขัดกับความรู้สึกเมามันส์ในการขับขี่ก็ตาม

 

หน้าตาภายนอกไม่ต่างจากอัลติส 1.8 GR-SPORT เพียงแต่ไม่มีชุดแต่งรอบคันหรือไฟตัดหมอกมาให้เท่านั้น

กระจังหน้าเป็นเอกลักษณ์ใช้สีดำเงา Piano Black

ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED ปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และมี Follow-me-home ไฟหน้าจะติดอยู่สักพักหลังจากดับเครื่อง

ไฟท้าย แบบ Full LED

กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว รับและพับด้วยไฟฟ้า พับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ มีข้อดีตรงที่เพิ่มความปลอดภัยและไม่ดับเบิลเช็กว่าล็อกรถแล้วหรือยัง

เพราะเมื่อกระจกพับเก็บแสดงว่าเรากดล็อกแล้ว

ส่วนเวลาจะคลายล็อกเพียงเอื้อมไปที่มือเปิดประตูแบบโครเมียม รถจะคลายล็อกให้อัตโนมัติ

ชายด้านข้างแม้ไม่มีชุดแต่งมาให้ แต่ออกแบบคล้ายมีสเกิร์ตแบบเบาๆ

ขณะที่ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายทูโทนดูสวยเด่น พร้อมยางแก้มต่ำ 225/45 เพิ่มความสปอร์ต

ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ

 

ภายในเน้นความเรียบหรู เน้นสีโทนสีดำส่วนเพดานเป็นสีเบจ

ห้องโดยสารบุด้วยวัสดุแบบนิ่มดูหรูหรามากขึ้น แซมด้วยวัสดุตกแต่งสีดำเงา Piano Black และสีเงิน

พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มหนังแบบ 3 ก้านปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียง-โทรศัพท์ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control

ชุดมาตรวัดเรืองแสง Optitron ตกแต่งด้วยขอบสีเงินดูไฮโซทีเดียว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เหมือนกับรุ่น Hybrid

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เจาะช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาให้ด้วย

หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth

มีช่องเชื่อมต่อ USB 2 จุด สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และในช่องเก็บของ

ลำโพง 6 ตำแหน่ง

ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger

หัวเกียร์ขนาดเหมาะมือหุ้มหนัง

เบาะหนังสีดำเดินด้ายสีขาว

ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB ระบบ Auto Brake Hold

 

กดปุ่มสตาร์ต เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบ แม้ตอนออกตัวและในย่านความเร็วกลางถือว่าเก็บเสียงได้ดี ทั้งจากการกรุรอบคันบวกกับกระจกหน้าแบบ “อะคูสติก กลาส”

พวงมาลัยถือว่าน้ำหนัก-เบาดีแต่ไม่ถึงกับโหวง เรียกว่าหมุนได้สบายเวลาความเร็วต่ำหรือถอยจอดเข้าซอง แต่ให้ความมั่นใจในย่านความเร็วสูง

เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้าพร้อมปุ่มดันหลัง คู่หน้านั่งได้สบายเพราะกว้างขวางทีเดียว เนื่องจากบีบคอนโซลกลางให้เล็กลงเพราะไม่มีก้านเบรกมือมาเกะกะ

ส่วนเบาะด้านหลังผมลองเข้าไปนั่งสบายพอประมาณ พื้นที่วางขาและเหนือศีรษะเหลือๆ

ตรงกลางของเบาะหลังดึงลงมาเป็นที่เท้าแขน พร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง

ความกว้างขวางของห้องโดยสารอยู่ภายใต้มิติตัวรถ (กว้าง x ยาว x สูง) 1,780 x 4,630 x 1,435 ม.ม. ส่วนระยะฐานล้อให้มาถึง 2,700 ม.ม.

เครื่องยนต์เป็นบล็อกเดียวกับ 1.8 GR-SPORT แบบเบนซิน 4 สูบ 1,798 ซีซี Dual VVT-i กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เติมน้ำมันเกรดสูงสุดที่ E85

เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมโหมดแมนวล 7 จังหวะ ทำงานราบเรียบและไม่ดึงกำลังเวลาเปลี่ยนเกียร์

อัตราเร่งมาแบบไม่ต้องรอในทุกย่านความเร็ว

ช่วงล่างจัดมาแบบสปอร์ตจ๋า ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังมัลติลิงก์ ดับเบิลวิชโบน พร้อมเหล็กกันโคลง

เรียกว่าเป็นช่วงล่างเน้นความสปอร์ตและเพิ่มความสนุกในการขับขี่มากกว่ารุ่นอื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกัน

ยิ่งตอนสาดโค้งหนักๆ จะสัมผัสได้ชัดเจนว่าเสถียรมากๆ บวกกับพวงมาลัยคมๆ ถึงจะเข้าโค้งแรงไปหน่อยก็ไม่วืดวาด หวาดเสียว

 

การเก็บเสียงทำให้ผมประทับใจสุดๆ เพราะเป็นคนชอบขับรถภายในเงียบๆ อยู่แล้ว และปกติผมไม่ค่อยเปิดเพลงเวลาขับรถด้วย

มาเจอรถเก็บเสียงดีๆ เพลิดเพลินในการขับขี่มากๆ

ส่วนเครื่องเสียงที่ลองเปิดฟังถือว่าดีทีเดียว ไม่ใช่หูเทพ ไม่ต้องไปปรับเปลี่ยนให้เสียตังค์

ความปลอดภัยและตัวช่วยต่างๆ มีให้ใช้งานเพียงพอ

ทั้งถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่ง

ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง แสดงสัญญาณไฟเตือนที่กระจกและเสียงเตือนเวลาจะเปลี่ยนเลนหากมีรถคันอื่นอยู่ในระยะใกล้เกินไป

ระบบ ABS, EBD, BA, TRC, VSC และ HAC

ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ กล้องช่วยถอยจอด มาพร้อมระบบปรับระดับกระจกข้างอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น

ที่ชอบอีกอย่างคือกระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน

โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส “1.8 SPORT” จัดเป็นรถที่ขับสนุกรุ่นหนึ่ง แม้รูปลักษณะภายนอกและการตกแต่งภายในจะติดเรียบหรูไม่ได้สปอร์ตจ๋าก็ตาม แต่หากเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยแล้วบอกเลยว่าเร้าใจเสียเหลือเกิน

สนนราคา 964,000 บาท

ส่วนรุ่นย่อยอื่นๆ เริ่มต้นที่ 839,000-1,099,000 บาท