เครื่องเคียงข้างจอ/ขอพบในฝัน สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

ขอพบในฝัน สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล

ผ่านไปแล้ว 3 รอบกับการแสดงละครเวที “ขอพบในฝัน สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล” ของบริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด

โดยได้ร่วมกับมูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้จัดละครชุดนี้มาเป็นปีที่ 6 แล้ว

ครั้งที่ 5 ห่างจากครั้งนี้ถึง 2 ปีครึ่ง นับว่านานโขอยู่สำหรับคนที่เป็นแฟนละครชุดนี้

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ที่ผ่านมา เป็นการแสดงรอบกาล่า มีแขกรับเชิญ ผู้คนในวงการบันเทิงและสื่อมวลชน มาให้กำลังใจกันเต็มโรงละครเอ็มเธียเตอร์

ในฐานะผู้จัดการแสดง ต้องบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นกับการแสดงในรอบนั้นมาก เพราะเป็นการเปิดการแสดงแบบเป็นทางการครั้งแรก

แต่ที่ตื่นเต้นไปกว่าคือ “การได้หวนคืนสู่บรรยากาศที่พิเศษ” อีกครั้ง

ที่ว่าบรรยากาศที่พิเศษ คือ บรรยากาศของความสุขที่ผู้ชมได้มารับไปจากละครของเรื่องนี้ เพราะอารมณ์ของละครชุดสุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล นั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ที่แฟนๆ รู้ดีคือ เพลงไพเราะร่วมสมัย ที่สอดประสานไปกับเรื่องราวที่สนุก คลุกเคล้าด้วยมุขตลกที่สอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง

“โอย…ได้หัวเราะทุก 5 นาที”

ผู้ชมคนหนึ่งเล่าให้ฟังพร้อมดวงตาแห่งความสุข

“ที่ขำก็ขำ แต่พอถึงบทดราม่าก็มีน้ำตาซึมเหมือนกัน” อีกคนบอก

นี่แหละคือเสน่ห์ของละครชุดสุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล ที่มีมาทุกครั้ง

บางคนเปรียบเปรยเหมือนได้ดูหนังไทยที่เป็นรสนิยมคนไทย คือ ครบรส ทั้งซาบซึ้ง ประทับใจ เฮฮา หัวเราะ โดยคราวนี้เพิ่มแอ๊กชั่นเข้าไปอีก ก็ยิ่งครบรสใหญ่

ละครเรื่องนี้มีนักแสดงนำอยู่ 6 คน เป็นพระนาง 3 คู่ที่มีเรื่องราวและแคแร็กเตอร์แตกต่างกันไป

คู่แรกคือ “นัททิว” และ “พิม-พิมประภา” เป็นคู่รักหวาน แต่มีเรื่องราวของผลประโยชน์ซ่อนอยู่ข้างหลัง

นัทนั้นเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว เพราะเคยผ่านงานละคร ซีรี่ส์ ตลอดจนงานเพลงถึงขั้นไปทำงานอยู่ที่เกาหลีมาพักหนึ่ง

และเขาก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เมื่อเขาสามารถถ่ายทอดบทเพลงของสุนทราภรณ์ออกมาได้อย่างไพเราะ ด้วยเนื้อเสียงที่นุ่มหวาน แต่มีทักษะสามารถไต่ไปตามช่วงของโน้ตที่กว้างได้ตามสไตล์ของเพล”สุนทราภรณ์ ทำให้นัทสอบผ่านสบาย

นัทต้องรับผิดชอบเพลงถึง 7 เพลง และก็มีเพลงเดี่ยวๆ ที่ให้เขาได้โชว์ความสามารถด้วยหลายเพลง อย่าง “พรหมลิขิต” “นางในฝัน” “ห่วงอาลัย”

โดยส่วนตัวเขาชอบเพลง “นางในฝัน” มาก ยิ่งมาได้การเรียบเรียงดนตรีจากคุณอู๋-ธรรพ์ณธร ในแนวบอสซาโนว่าด้วยแล้ว ยิ่งพาอารมณ์ฝันเคลิ้มตามกับเนื้อเพลงที่ไพเราะชวนฝันนั้นได้

“ลิปซิ้งหรือเปล่า” มีคนดูบางคนตั้งคำถาม เพราะนัทร้องได้หล่อเนียนมาก

ซึ่งนัทก็ภูมิใจที่ตนทำออกมาได้ดีอย่างนั้น นั่นเป็นผลจากการที่เขาขยันหาข้อผิดพลาดของตนเองอยู่ตลอดเวลาก็ตาม

นัทต้องแสดงเป็น 2 บทบาท เพราะจะต้องถูกสิงด้วยวิญญาณของตัวพระอีกตัวหนึ่งที่แสดงโดย “เบนซ์-จิรโรจน์” ซึ่งเขาก็เล่นให้เห็นถึงความแตกต่างได้ไม่เลวเลย

คู่ของนัทคือ “พิม-พิมประภา” ในบทของ “เมย์” สาวสวยผู้ซึ่งต้องต่อสู้กับหัวใจตัวเองว่าจะรัก “เชษฐา” ที่แสดงโดยนัทดีหรือไม่ เพราะนั่นคือการยอมตกเป็นเครื่องมือของพ่อกับพี่ชายที่หวังจะฮุบสมบัติของเชษฐา

พิมมีแก้วเสียงที่ใสมาก เมื่อมาร้องเพลงที่ต้องใช้อารมณ์รันทด เศร้าหมอง ก็ยิ่งชวนให้สงสารตาม ในเพลง “เสียแรงรักใคร่” ที่เธอร้องรำพันถึงความรักที่ผิดหวัง พิมก็ร้องไห้ออกมาทุกรอบ และพาคนดูอดสงสารไม่ได้

คู่ต่อมาเป็นคู่รักกุ๊กกิ๊กน่ารัก แต่ต้องพบกับความพลัดพรากที่เป็นปมปัญหาของเรื่องนี้นั่นคือคู่ของ “เดียว” ที่แสดงโดย “เบนซ์-จิรโรจน์”

และ “แนน” ที่แสดงโดย “เมทัล สุขขาว”

เบนซ์ไม่เคยแสดงละครเวทีมาก่อน เขาบอกว่า “ตื่นเต้นมาก และรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวที” ซึ่งก็สังเกตเห็นได้ตั้งแต่ตอนซ้อมแล้วว่า แม้จะไม่ใช่ฉากที่มีตัวเองแสดง แต่เบนซ์ก็จะเฝ้ามองดูการซ้อมของเพื่อนๆ อยู่ข้างๆ ด้วยใจจดใจจ่อ เหมือนเด็กเฝ้าดูของเล่นชิ้นโปรด

การแสดงของเขาพัฒนาขึ้นในแต่ละรอบ เหมือนกระท้อนที่ต้องทุบๆ จึงจะหวาน เขารู้จักเก็บรายละเอียดและจังหวะของการแสดงได้ดีขึ้น จนกระทั่งในฉากแรกๆ ของเรื่องที่เขาต้องจบชีวิตลง ก็พาเอาคนดูสะอื้นได้หลายคนทีเดียว

และเมื่อเป็นวิญญาณมาร้องเพลงเพื่อสื่อสารให้คนรักได้รับรู้ว่าเขามีอยู่จริง ในบทเพลง “รักเธอเสมอ” เบนซ์ก็ร้องได้ชวนเหงา เศร้า ดีทีเดียว

“รู้สึกเหมือนเราเป็นแฟนกันจริงๆ” เบนซ์หมายถึงเมทัลที่แสดงคู่กัน เขาเล่าให้ฟังอย่างนี้ในช่วงที่ยังซ้อมกันอยู่ “บางทีตื่นเช้ามาก็อยากโทร.หา เพราะคิดถึง” แล้วก็หยอดทิ้งท้ายว่า “ถ้าไม่ติดพี่โดมนะ…คงโทร.แล้ว ฮะฮ่า”

โดมที่ว่าคือ โดม-ปกรณ์ ลัมภ์ แฟนหนุ่มของเมทัล

โดมบอกหลังจากได้ดูการแสดงรอบแรกของเมทัลว่า “ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำได้ขนาดนี้ นี่เป็นงานการแสดงใหญ่งานแรกของเขาเลยนะเนี่ย”

“เมทัล” ต้องเล่นเป็น “แนน” หญิงสาวที่ต้องสูญเสียคนรักไปอย่างกะทันหัน ทั้งที่มีแผนจะแต่งงานกัน บทของแนนเล่นยากเพราะมีหลายอารมณ์ และต้องต่อสู้กับความเชื่อไม่เชื่อในเรื่องของวิญญาณอีกด้วย

เพลง “รักเธอเสมอ” ที่เมทัลร้องกับเบนซ์ จัดว่าเป็นเพลงหวานเพลงหนึ่งของละครเรื่องนี้ทีเดียว

มาถึงอีกคู่หนึ่งคือ “มาริว” กับ “เนสท์” เป็นคู่กัดมากสีสันของละคร

“เนสท์” เล่นเป็น “ป่าน” สาวอารมณ์ชัดเจน ช่างพูด และหวงแฟนมาก ตัวจริงของเนสท์เป็นคนสนุก สดใสอยู่แล้ว เพียงมาเติมความจัดจ้านและการแสดงออกที่โอเวอร์เข้าไป เนสท์ก็เอาหัวใจผู้ชมได้อยู่หมัด

เพลงที่เธอรับผิดชอบทั้งสองเพลงคือ “หวงรัก” กับ “รอคำรัก” เรียกเสียงหัวเราะและปรบมือจากผู้ชมทุกรอบ

“พี่มีอะไรให้หนูแก้อีกไหม จะให้เติมอะไรอีกไหม” เนสท์จะถามอย่างนี้ทุกวัน จนต้องแซวว่าถ้าต้องเติมมันคงล้นออกมาแล้วล่ะ…พอแล้ว

แต่บทป่านจะไม่สมบูรณ์เลย ถ้าไม่ได้บท “เต้” ที่แสดงโดยมาริวมาเป็นคู่กัดกัน โชคดีที่ในชีวิตจริงสองคนนี้เขาสนิทสนมกันอยู่แล้ว

“มาริว” เหมือนกับม้าตีนปลาย เพราะเริ่มต้นการซ้อมด้วยการขับเคี่ยวจากผู้กำกับฯ อย่างมาก ทั้งการร้อง การแสดง และการเต้น แต่เมื่อมาถึงวันนี้ถ้าจะมีรางวัลพัฒนาการยอดเยี่ยมนี่ ทีมงานยินดียกให้เขาเลยทีเดียว

เพลง “รักเพียงใจ” เป็นเพลงรักที่มาริวต้องร้อง และเขาก็ร้องได้หวานซึ้งดี ขัดกับบุคลิกที่ออกแนวแบดบอยของเขา

นอกจากนั้น ยังมีนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง “ผัดไท” ในบท “หมอแวนด้า” ที่คนดูชอบมากถึงมากที่สุด ทุกรอบผัดไทจะมีมุขใหม่ๆ สดๆ เกิดขึ้นบนเวทีเสมอ และที่สร้างความปวดหัวให้กับฝ่ายเทคนิคไม่น้อยคือ บล๊อกกิ้ง หรือการเคลื่อนไหวของเธอบนเวทีไม่เหมือนกันสักรอบ…เฮ้อ

รวมทั้งนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง “กิ๊บกิ้ว” ที่รับบท “หอมแดง” ผู้ช่วยของแวนด้า ที่ผู้ชมชอบมากอีกหนึ่งคน เพราะอะไรต้องมาชมกันเองล่ะครับ ไม่ขอเล่า

และยังมี “ปิง ฟรุ๊ตตี้” ในบททนายความเจ้าเล่ห์ กับลูกชายของเขาแสดงโดย “ปาล์ม-ธัญวิชย์ เจนอักษร” ที่เป็นตัวชูโรงเรียกเสียงหัวเราะได้ทุกฉากที่ออกแสดง

ผู้ชมชมว่าฉากสวย แสงสวย และเคลื่อนไหวได้แนบเนียนลงตัว สอดรับกับเนื้อหาละครและบทเพลงอันแสนวิเศษจากสุนทราภรณ์ถึง 24 เพลง

จึงบอกกันต่อแบบปากต่อปากจนบัตรกำลังวิ่งฉิวเลยทีเดียว รีบจับจองกันได้ทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ แสดงเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ รอบบ่าย 2 โมง จนถึงวันสุดท้ายคืออาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม

แล้วมาเสพความสุขที่สดใสตามสไตล์ “สุนทราภรณ์ เดอะมิวสิคัล” กับผลงานชิ้นที่ 6 “ขอพบในฝัน” กันนะครับ