การปรากฏขึ้นของ #อยากย้ายประเทศ กำลังก่ออาการ”ช็อก”ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

ไม่เพียง”หงุดหงิด” หากแต่ยังระคนด้วยความ”งุนงง”สงกา

แม้ในเบื้องต้นจะก่อให้เกิดอารมณ์เยาะเย้ยไยไพและมองไม่เห็นแนวโน้มและความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในทางเป็นจริง แต่เมื่อเห็นจำนวนคนที่เข้าร่วมกว่า 5 แสนคนในเวลาอันรวดเร็ว

จึงก่อให้เกิดสภาวะอย่างที่เรียกว่า “ตื่นตะลึง” เกิดความไม่แน่ใจว่านี่คือเงาสะท้อนอะไร

เสมอเป็นเพียงแฟชั่น เสมอเป็นเพียงอารมณ์”ชั่ววูบ” แต่คำถามอันตามมาก็คือ สภาวะที่เรียกว่า”ชั่ววูบ”นั้นมีรากฐานความ เป็นมาอย่างไร

ที่น่าตระหนกเป็นอย่างมากก็คือ เป็นการแสดงออกของ”คนรุ่น ใหม่” สะท้อนความเรียกร้องต้องการลึกๆอย่างที่อาจสรุปได้ว่าเป็น “ความฝัน”หลังจากประสบกับสภาวะอึดอัดตีบตันในสังคม

เป็นความน่าตระหนกอันทำให้เสียงตะโกน”ขับไล่”เมื่อหลายปีก่อนหมดความหมายไปอย่างสิ้นเชิง

 

จำนวน 5 แสนที่ทะยานไปยัง 5 แสน 5 หมื่นเพียงการเปิดห้องสนทนาใน Clubhouse อาจประเมินว่าเป็นอาการวูบไปวูบมาจริงของอารมณ์

แต่เมื่อเข้าไปศึกษาแต่ละรายละเอียดที่มีการแบ่งเป็นกลุ่มในแต่ละประเทศ ก็ยิ่งชวนให้ฉงน

ในความเป็นจริง ภายใน 5 แสน 5 หมื่นคนนี้มีเพียงจำนวนหนึ่ง เท่านั้นที่สามารถจะแปรความฝันของตนให้เป็นจริงได้ แต่คำถามก็คือ ปัจจัยอะไรทำให้พวกเขาคิดฝันไปในกระสวนเช่นนี้

แรกที่เกิดปรากฏการณ์ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ได้เกิดกระแส”ไล่”คนออกนอกประเทศ แต่เพียงไม่กี่ปีต่อมาก็เริ่มมีคนที่ อยากย้ายประเทศเกิดขึ้นในทางเป็นจริง

ภายใต้การปกครองของ”คณะรัฐประหาร”จาก 2549 ถึง 2557

ระบอบ”รัฐประหาร” แทนที่จะสร้าง”ความหวัง”ให้กับสังคม กลับกลายเป็นเครื่องมือในการ”ดับฝัน”เช่นนั้นหรือ

 

มองในทาง”ความคิด” ปรากฏการณ์#อยากย้ายประเทศ สะท้อนให้เห็นหัวเลี้ยวใหม่อันแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง และจะก่อให้เกิดการปะทะอย่างแหลมคมต่อไปอย่างแน่นอน

นี่สามารถสรุปได้ว่าเป็นปรากฏการณ์”ชังชาติ”อย่างเด่นชัด เพียงแต่คำถามก็คือ ใครทำให้”ปรากฏการณ์”อันเลวร้ายนี้เกิดขึ้น