เมื่อมีปรากฏการณ์หลั่งน้ำตาในแบบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มี ปรากฏการณ์เยาะเย้ยตามมาในแบบ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล

ราวกับ “น้ำตา” จะเป็นเรื่องน่าอับอาย

ใครที่เป็นแฟนานุแฟนแวดวง “ยุทธจักร” กำลังภายในย่อมคุ้นหูอย่างยิ่งกับคำ

“หลั่งเลือดไม่ยอมหลั่งน้ำตา”

กระนั้น หากกล่าวในทางการเมืองก็มีตัวอย่างในเรื่องของน้ำตามาแล้ว

นักรัฐประหารก็เคยมี “จอมพลเจ้าน้ำตา”

เมื่อ พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ออกมาหลั่งน้ำตาภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2490

เพราะสงสาร “ประชาชน”

 

ยิ่งกว่านั้น ภายหลังสถานการณ์สังหารประชาชนเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

ก็มีบางคนออกมากล่าว

หลังการตายของประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2553 เขานอนหลั่งน้ำตาด้วยความปวดร้าวทรมานใจ

เป็นใคร นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รู้ดี

จึงเห็นได้ว่า การหลั่งน้ำตาไม่ว่าจะมาจาก ชายชาติทหาร ไม่ว่าจะมาจากนักการเมือง มิได้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น

เพียงแต่ว่าหลั่ง”น้ำตา”เพราะเหตุใด

การหลั่งน้ำตาของบางชายชาติทหาร การหลั่งน้ำตาของบางนักการเมืองอาจกลายเป็นข้อกังขา

กังขาว่าเป็น “น้ำตาจระเข้”

 

กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บนยอดภูเขาทองเมื่อตอนสายของวันที่ 21 มิถุนายน ก็มีความแจ่มชัด

บางคนอาจมองว่า “เสแสร้ง”

บางคนอาจมองและตีความว่า เพราะคดีความรุมเร้ากระทั่งอาจต้องอาญา

ต้องติดคุก ติดตะราง ถูกยึดทรัพย์

กระนั้น ที่แน่นอนอย่างที่สุดก็เกิดขึ้นระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังพูดกับนักข่าวถึง “ชะตากรรม”ทางการเมืองของตนเองนับแต่รัฐประหารเป็นต้นมา

พูดไปก็สะเทือนใจ “น้ำตา” ก็ไหลรินออกมา