ไม่ว่าจะมองในด้าน “การเมือง” ไม่ว่าจะมองในด้าน “การตลาด” กรณี 6,000,000 ไลก์มากด้วยความละเอียดอ่อน

สัมผัสได้จาก “ปฏิกิริยา”
ที่ละเอียดอ่อนอย่างชนิดซับซ้อนและย้อนแย้ง คือ กระบวนท่าและท่วงทำนองในการตอบโต้
“ใคร” จะเก็บ “อาการ” ได้ดีกว่า
อาการในที่นี้มี “ความหมาย” เดียวเท่านั้น คือ การเก็บงำมิให้สภาพ “กระบอกตา ร้อนผ่าว” ปรากฏผ่าน “คำพูด”
คู่เปรียบเทียบที่ดีที่สุดในกรณีนี้เป็นใคร
แน่นอน ย่อมมิใช่ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หากแต่เป็น “คนอื่น”

ทำไมจึงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้เป็นคู่กรณี หรือคู่ขัดแย้งกับจำนวน 6,000,000 ไลก์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เพราะว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีอยู่ 2,500,000 ไลก์
จำนวน 2,500,000 ไลก์ แม้จะน้อยกว่า แม้จะเริ่มสันถวะผ่าน “เฟซบุ๊ค” มาก่อน
แต่ก็ถือว่า ไม่ “ขี้เหร่”
ยิ่งกว่านั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านการเคี่ยวกรำทางการ เมืองมาตั้งแต่ยุค 14 ตุลาคม 2516 และฝึกปรือวิทยายุทธ์จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
ย่อมได้บทเรียนจาก “การนิ่ง” เป็นอย่างดี
จึงไม่มาวอแวกับจำนวน 6,000,000 ไลก์ จึงเล่นบทขึ้นบนภูดูเสือ 2 ตัวปะทะกัน
ปล่อยให้ “คนอื่น” ยืนซดหมัดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ท่าทีของคนที่ “กระบอกตา ร้อนผ่าว” กับจำนวน 6,000,000 ไลก์ทำเหมือนกับไม่แยแส ไม่สนใจ
แต่ก็อด “แวะ”ข้างทางไม่ได้
ด้วยการยกเอากรณีจับกุมชาวจีนที่จังหวัดสระแก้ว คอยรับจ้าง “กดไลก์” เข้ามาเพื่อหวังจะเสียดแทง
เสียดแทงไปยัง 6,000,000 ไลก์
“ปฏิกิริยา” นี้เมื่อมีผู้นำไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คำตอบก็คือ อาการหัวเราะแต่พองามก่อนจะเอ่ยนิ่ม-นิ่ม
“อย่ามองแฟนเพจยิ่งลักษณ์แบบนั้นเลย”