บทความพิเศษ

ศัลยา ประชาชาติ

 

สรยุทธ ‘คัมแบ๊ก’

ผนึก ‘กรรชัย’ คืนชีพช่อง 3

แนวรบช่องข่าวสะเทือน

 

“…ผมก็อยู่ช่อง 3 อยู่แล้ว 100%”

นี่คือคำตอบของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง หลังการได้รับพักโทษ ที่ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่า

“จะย้ายช่อง หรือจะย้ายไปสังกัดไหนหรือเปล่า?”

พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า “จะกลับมาอ่านข่าวเมื่อไหร่?”

ตำนานนักเล่าข่าวชื่อดัง ตอบว่า “…ทำอย่างอื่นไม่เป็น ขอคิดดูนิดหนึ่งว่าอย่างไร เมื่อไหร่”

“…ไม่ได้ทำงานมาถึง 5 ปี ในยุคนั้น ทำในยุคที่คนไม่ดูข่าว ทำให้คนหันมาดูข่าว ผมยังงงๆ ขอกลับไปคิด ไปปรับตัว”

 

นี่คือความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแวดวงข่าวจอแก้ว ที่กำลังจะทำให้สมรภูมิเล่าข่าวร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง

สะท้อนจาก www.tvdagitalwatch.com ที่รายงานว่า “วงการข่าวกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะรายการข่าวเช้า เรื่องเล่าเช้านี้” ที่เป็นรายการของตำนานนักเล่าข่าวชื่อดังรายนี้ที่อยู่คู่กับช่อง 3 มานาน

เมื่อ “สรยุทธ” ได้รับการพักโทษ ออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 และดูเหมือนว่าจะพร้อมกลับมาทำหน้าที่พิธีกรข่าวที่ช่อง 3 อีกครั้ง

สำหรับสมรภูมิรายการข่าวเช้า กลุ่มผู้นำเป็นการชิงตำแหน่งกันระหว่างรายการข่าวจากช่อง 7 “เช้านี้…ที่หมอชิต” และ “เรื่องเล่าเช้านี้” ซึ่งส่วนใหญ่ช่อง 7 เรตติ้งดีกว่า

แต่สัญญาณความเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏให้เห็นทันที โดยวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” เรตติ้งดีกว่า ได้ 1.052 ขณะที่ “เช้านี้…ที่หมอชิต” ได้ 1.013

นอกจากนี้ รายการข่าวเช้าตรู่ ก่อน 6 โมงเช้า อาทิ รายการ “เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง” ที่มีรายงานข่าวสรยุทธ ก็เรตติ้ดีกว่าคู่แข่ง วันนี้ได้ 0.718 ในขณะที่ “เช้าข่าว 7 สี” เรตติ้ง 0.454

สำหรับรายการข่าวช่วง 6 โมงเช้า ช่องที่เรตติ้งอยู่ในอันดับ 3 ได้แก่ “ข่าวอรุณอมรินทร์” เรตติ้ง 0.590 “ข่าวเช้าเวิร์คพอยท์” 0.537 โดยมีรายการข่าวเช้าจากไทยรัฐทีวี เรตติ้งดีขึ้นมาใกล้กัน วันนี้ได้ 0.504

 

อีกด้านหนึ่ง อาจจะกล่าวได้ว่า การที่ “สรยุทธ” กำลังจะหวนคืนจอแก้วครั้งนี้ ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญและเป็นโอกาสทองของช่อง 3 ที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

หลังจากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำ ที่เป็นผลพวงของเทคโนโลยีดิจิตอลดิสรัปชั่น หรือความนิยมของสื่อใหม่ๆ อย่างโซเชียลมีเดีย ยูทูบ และสตรีมมิ่ง ที่เข้ามามีบทบาทและชิงผู้ชมรุ่นใหม่ไปครอบครอง

รวมถึงความท้าทายจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้บรรดาผู้ลงโฆษณาต่างชะลอการใช้งบฯ

ทั้งนี้ หนึ่งในยุทธ์ศาสตร์ที่ “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” กรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจโทรทัศน์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ย้ำมาอย่างต่อเนื่องว่า “คอนเทนต์ถือเป็นกุญแจสำคัญของธุรกิจสื่อ”

พร้อมทั้งประกาศไว้ว่า ช่อง 3 จะเดินหน้าพัฒนาคอนเทนต์ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นฐานผู้ชมให้กลับมาอีกครั้ง ภายใต้แนวคิด Single content multiple platform ที่จะใช้ 1 คอนเทนต์ต่อการออกอากาศในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นมือถือ คอมพิวเตอร์ แท็บเลต และทีวี ที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกกลุ่ม เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น

 

สําหรับ “รายการข่าว” ที่ถือเป็นหน้าเป็นตาและเป็นรายการที่เป็นชื่อเสียงของช่อง 3 มานาน ที่ผ่านมา แม่ทัพใหญ่ช่อง 3 ประกาศแนวทางอย่างชัดเจนว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ผู้ประกาศ ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ทั้งในช่วงข่าวเช้า สาย บ่าย เที่ยง และเย็น นอกเหนือจากละคร ถือเป็นหัวใจหลักและสร้างรายได้ให้ช่องมากที่สุด

เพื่อสร้างรายการข่าวให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่อง 3 พร้อมที่จะเติมบุคลากรให้กับฝ่ายข่าวมาเสริมทัพกับ “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ซึ่งปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกาศข่าวคนสำคัญของสถานี และจะเป็นคีย์แมนคนสำคัญในอนาคต

โดยเป้าหมายใหญ่อยู่ที่การเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ “อันดับ 1 ของไทย” ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ

 

จากรูปการณ์ดังกล่าว หากช่อง 3 จะนำเอาความเก๋าและมากประสบการณ์ของ “สรยุทธ” มาผนวกรวมกับความฮอตของ “หนุ่ม กรรชัย” ที่ตอนนี้เปรียบเสมือนกราฟกำลังพุ่งแรง อะไรจะเกิดขึ้นกับสมรภูมิข่าวทีวีจอแก้ว

โดยในฝากฝั่งของสรยุทธนั้นเป็นที่ยอมรับของคนในวงการว่า เขาคือผู้ประกาศข่าวที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นนักวิเคราะห์ข่าวการเมืองตัวยง มาตั้งแต่สมัยที่อยู่ภายใต้ร่วมเงาของเนชั่น มีผลงานรายการทีวีที่ได้รับความนิยมหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น ถึงลูกถึงคน และคุยคุ้ยข่าว

ก่อนจะย้ายค่ายไปร่วมบริหารและผลิตรายการให้กับช่อง 3 จนได้รับความนิยมสูง คือ เรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเด่นเย็นนี้, เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ และจับเข่าคุย

ขณะที่ “หนุ่ม กรรชัย” นาทีนี้ไม่มีใครปฏิเสธว่า เขาเป็นพิธีกรรายการที่สุดฮอตของวงการทีวี และมีผลงานอยู่ในหลายๆ ช่อง ทั้งรายการวาไรตี้ เกมโชว์ และรายการข่าว

นอกจากนี้ “หนุ่ม กรรชัย” ยังมีผลงานด้วยการเป็นพิธีกร รายการข่าวช่อง 3 อยู่หลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยงวันทันเหตุการณ์ และ “โหนกระแส” รวมถึงรายการวาไรตี้ “ตีท้ายครัว” และ “3 แซ่บ” ด้วย

ขณะเดียวกัน นักแสดงผู้มากความสามารถรายนี้ยังเป็นพิธีกรร่วมให้กับช่องไทยรัฐทีวี ในรายการ “ข่าวใส่ไข่” ที่ร่วมกับ “มดดำ คชาภา” และ “รถเมล์ คะนึงนิจ” และรายการวาไรตี้ “ตีท้ายครัว”

แต่ละรายการล้วนได้รับความนิยมและมีเรตติ้งในอยู่ในชั้นแนวหน้าทั้งสิ้น

…นี่อาจจะเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ของรายการข่าวทีวี

แม้ช่วงนี้ “สรยุทธ” จะอยู่ในช่วงของกระบวนการคุมประพฤติ โดยใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวจนกว่าจะครบกำหนดโทษ เป็นระยะเวลา 2 ปี 4 เดือน (ตั้งแต่ 14 มีนาคม 2564 ถึง 26 กรกฎาคม 2566) และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษ

แต่ก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคในการจะกลับมาทวงบัลลังก์ “แชมป์เล่าข่าว” ที่ช่อง 3

อีกด้านหนึ่งก็จะเป็นกุญแจกดอกสำคัญที่จะช่วยให้การทวงความยิ่งใหญ่ของรายการข่าวของช่อง 3 ให้ไปถึงฝั่งฝันได้เร็วขึ้นอีกด้วย