แถลงไอซ์ 1.5 ตันไร้บิ๊ก ตร.เอี่ยว จุดที่ต้องโฟกัสกลับยิ่งเบลอ ภูเขายังอยู่บนอก ‘บิ๊กปั๊ด’ / โล่เงิน

โล่เงิน

 

แถลงไอซ์ 1.5 ตันไร้บิ๊ก ตร.เอี่ยว

จุดที่ต้องโฟกัสกลับยิ่งเบลอ

ภูเขายังอยู่บนอก ‘บิ๊กปั๊ด’

 

เอกสารบันทึกข้อความ “ด่วนที่สุด” ลงนามโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. หลุดว่อน มีใจความ สั่ง ภ.6 ชี้แจงด่วน ผลคดีจับไอซ์ 1.5 ตัน ไม่คืบ หลังนายเกิดชนะ มินา พยานในคดีให้การซัดทอดถึงผู้ร่วมขบวนการ เป็นทหาร พลเรือน และ 2 ตำรวจ ยศ พล.ต.ท.-พ.ต.อ. แต่ไม่ปรากฏชี้แจงในสำนวน กลับส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ

“เพราะเหตุใดพนักงานสอบสวนจึงได้สรุปสำนวนการสอบสวน มีความเห็นเสนอพนักงานอัยการโดยไม่ได้ดำเนินคดีการสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว ไม่มีการเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวถึงมาให้ถ้อยคำ หรือแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดตามที่นายเกิดชนะกล่าวอ้าง เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด” หนังสือดังกล่าวระบุ

สื่อมวลชนประโคมข่าวฟันธงเป็น “ศึกสีกากี” ระหว่าง พล.ต.อ.-พล.ต.ท. คาดเดาชนวนเหตุไปต่างๆ นานา

บ้างบอกว่ามาจากคดีจับกุมนายสิทธิพงษ์ หรือโม่ง จ่าสอาด อายุ 23 ปี ผู้ต้องหายิง ร.ต.ต.ชาญวิทย์ หรือหมวดโย่ง ดิษฐ์เจริญ รอง สว.สส.กก.สส.บก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เสียชีวิตในปั๊มน้ำมัน ริมถนนมาลัยแมน สวนแตง-อู่ทอง ม.4 ต.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ปรากฏชื่อนายพลทั้ง 2 เป็นผู้ขับเคลื่อนคดี จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่มีรายการปาดหน้าเค้กกัน

บ้างก็บอกว่า เป็นเกมสกัดขา พล.ต.ท.ไม่ให้ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.เมษายนนี้ เพราะหากได้ขึ้น เตรียมแต่งตัวนั่ง ‘พิทักษ์ 1’ ต่อจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เกษียณปี 2565

มูลเหตุจริงๆ เป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่มีซุบซิบถึงขนาด พล.ต.อ.จะถูกเด้งไปสำนักนายกรัฐมนตรี แต่จนแล้วจนรอด ข่าวลือก็เป็นเพียงข่าวลือ

 

ขณะที่ฝั่ง พล.ต.ท.ที่ผ่านมามีผลงานเด่นๆ ให้เห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นระยะ จำต้องหลบฉาก ปิดบัญชีชั่วคราว ตัดปัญหาผู้ไม่หวังดีเอาไปสร้างประเด็นโจมตีขยายผลทางการเมือง

21 กุมภาพันธ์ หลังปล่อยให้อึมครึม จนถูกพรรคฝ่ายค้านหยิบเป็นประเด็นซักฟอก ‘บิ๊กตู่’ ในสภา

‘บิ๊กปั๊ด’ จึงสั่งการ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อม พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบประเด็นจับกุมไอซ์ 1.5 ตัน ที่ จ.ตาก ที่เรื่องเกิดตั้งแต่ 18 ตุลาคม 2562 โดยให้สืบสวนสอบสวนขยายผลทั้งในคดีสมคบกันกระทำความผิดในคดียาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับบางส่วนยังจับกุมไม่ได้ ก็ให้เร่งติดตามตัว รวมทั้งขยายผลคดีฟอกเงินที่สำนวนยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน

5 มีนาคม พล.ต.อ.สุวัฒน์ พร้อม พล.ต.อ.มนู พล.ต.ท.มนตรี พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รอง ผบช.ภ.6 พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภ.6 และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ตั้งโต๊ะแถลงผลการดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ในพื้นที่ ภ.6

พ.ต.อ.สราวุธ รอง ผบก.สส.ภ.6 รับหน้าที่อธิบายเครือข่ายขบวนการไอซ์ 1.5 ตัน พร้อมระบุว่า สำหรับตำรวจที่ถูกพาดพิง ในฐานข้อมูลมีการตรวจสอบเยอะมาก ในชั้นนี้ยังไม่พบหลักฐานที่พนักงานสอบสวนจะสามารถนำไปสู่การขออนุมัติในคดีสมคบต่อเลขาธิการ ป.ป.ส.ได้ จึงเป็นเพียงข้อมูลในการสืบสวนได้เท่านั้นเอง เมื่อยังไม่มีหลักฐาน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกเข้ามาให้การ

แต่ยืนยันว่า กรณีตำรวจถูกพาดพิง ถึงขณะนี้การสืบสวนยังไม่สิ้นข้อสงสัย ยังคงต้องทำต่อ ไม่ใช่เฉพาะประเด็นที่ถูกกล่าวอ้าง นอกเหนือที่ถูกกล่าวอ้างก็ยังทำอยู่

 

ด้าน ผบ.ตร.ชี้แจงประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่า เอกสารที่หลุดออกมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวน หากเทียบแล้วถือว่าเป็นจำนวนน้อย จึงเกิดการตั้งคำถามถึงการทำงานเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส มีการช่วยเหลือใครเป็นพิเศษหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพราะหากประชาชนไม่เชื่อกระบวนการสืบสวนสอบสวน ความเสียหายจะตามมา และจะไม่มีใครยึดกฎกติกา

“เราพยายามย้ำให้เกิดความชัดเจน เพราะถ้ายิ่งเบลอ ข้อมูลยิ่งไม่ชัดเจนก็ยิ่งเบลอ คนที่เสียหายคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาจะถูกหยิบไปเป็นประเด็นบ่อนทำลายความเชื่อถือ ความไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม” พล.ต.อ.สุวัฒน์ระบุ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารที่หลุดออกมาใครได้ประโยชน์ พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า สื่อต้องตัดสินเอง หน้าที่ตนคือทำให้ชัดเจน เพราะเรื่องนี้จะถูกหยิบไปใช้ประโยชน์ได้ตลอดเวลา เอาเรื่องนี้ไปพูดได้อีก 500 ปี ถ้ายังไม่ชัดเจน เพราะฉะนั้น จะต้องทำให้ชัดเจนให้ได้ อะไรที่ยังทำไม่เสร็จต้องไปทำ ประเด็นไหนที่มีข้อสงสัยต้องเคลียร์ วันนี้เห็นว่ามีความคืบหน้าพอสมควรจึงมาเล่าให้ฟัง แต่การสอบสวนยังไม่จบ

“ผมไม่ได้มองเป็นเรื่องความขัดแย้ง แต่มองว่าเราอยู่บนพื้นที่ที่ทำงานร่วมกัน แต่ใครหยิบไปใช้ประโยชน์แบบไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่คิดว่ามีความขัดแย้ง เพราะถึงวันนี้ทุกคนที่ร่วมมีส่วนเกี่ยวข้องในการสืบสวนสอบสวนก็ยังคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่ตลอด เพื่อทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจน เพราะทุกคนก็อยากรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร เราพยายามทำให้ชัดเจน ส่วนคลื่นใต้น้ำคืออะไรผมไม่ทราบ คงไม่มี” เจ้าของรหัส “พิทักษ์ 1” กล่าว

การแถลงตอบคำถามแบบปลายเปิด สังคมจึงต้องตัดสินเองว่าจะมองเรื่องนี้อย่างไร

แต่งานนี้ภูเขายังอยู่บนอก “บิ๊กปั๊ด” ผู้นำองค์กรสีกากีต่อไป