อนุสรณ์ ติปยานนท์ : In Books We Trust (2) ความอบอุ่นในสวนดอกไม้ฟิลาเดลเฟีย

[email protected]

 

In Books We Trust (2)

 

“คุณเป็นในสิ่งที่คุณอ่าน”

ออสการ์ ไวลด์ นักเขียนชาวอังกฤษ

 

เมื่อใดก็ตามที่เราคิดถึงร้านหนังสือ เราไม่อาจละเลยผู้เป็นเจ้าของร้านหนังสือได้

ความสนใจใคร่อ่านในหนังสือนั้นมักมีแรงกระตุ้นและแรงปรารถนาตั้งแต่เยาว์วัย ผู้ที่หลงใหลในวรรณกรรมเยาวชนอาจเปิดร้านหนังสือที่มีของเล่นและสวนเด็กเล่นอยู่เบื้องนอก

ผู้ที่สนใจและใคร่รู้ในอาหารย่อมมีร้านหนังสือที่รวบรวมตำราอาหารมากมายได้ในวันหนึ่ง

เฉกเช่นเดียวกับผู้ที่หลงใหลในเกมกีฬา ร้านหนังสือที่เนืองแน่นไปด้วยหนังสือกีฬา บนฝาผนังมีรูปภาพของนักกีฬาดัง และเสียงถ่ายทอดสดกีฬาที่แว่วมาจากวิทยุของผู้เป็นเจ้าของย่อมถูกสร้างสรรค์ขึ้นได้ไม่ยากเย็น

คำกล่าวที่ว่า “คุณอ่านสิ่งใดก็ย่อมเป็นสิ่งนั้น (“You are what You read”) ของออสการ์ ไวลด์ มีความเป็นจริงอย่างสูง

และสำหรับร้านหนังสือแล้วมันก็คือสิ่งที่เจ้าของร้านหนังสืออ่านนั่นเอง

 

แม้จะร่วมวงสนทนานับครั้งไม่ถ้วน ผมก็แทบไม่เคยเอื้อนเอ่ยถามเจี๊ยบ วิทยากร โสวัตร ผู้เป็นเจ้าของร้านหนังสือฟิลาเดลเฟีย ว่าหนังสือประเภทใดเล่าที่เขาให้มันอยู่ในดวงใจเป็นอันดับแรกๆ นวนิยาย เรื่องสั้น หนังสืออาหาร หรือหนังสือกีฬา (แม้ว่าผมจะรู้ว่าเขาเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลแบบหนึ่งเดียวและเป็นผู้รอบรู้ในประวัติศาสตร์มวยไทยอย่างหาตัวจับยากก็ตาม)

เดินทางด้วยกันแต่ละครั้ง หนังสือที่เขานำติดมือมาหลากหลายไปตามสภาพการณ์

ในบางครั้งเขาพกพาหนังสืออัตโนประวัติของคุรุอาจารย์สายธรรมที่เขาชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นของอาจารย์เขมานันทะหรือหลวงปู่ทองรัตน์

บางครั้งเขาพกนวนิยายหนักอึ้งของออนอเร่ เดอ บัลซัค

และในบางครั้งเขาพกพาเพียงสมุดบันทึกเล่มเล็กและหนังสือพิมพ์ประจำวันเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ในคืนหนึ่งที่ผมลุกออกจากเตียงมานั่งอยู่เพียงลำพังในสวนดอกไม้แห่งร้านหนังสือของเขา ผมก็รู้สึกได้ว่าหนังสือที่เจ้าของร้านหนังสือฟิลาเดลเฟียหลงใหลน่าจะเป็นบทกวี

สวนของเขา สวนของร้านหนังสือฟิลาเดลเฟียคือบทกวีบทหนึ่ง

 

ในยามเช้า ดอกไม้เหล่านั้นทำหน้าที่รับแสงอรุณ

ในยามบ่ายดอกไม้เหล่านั้นทำหน้าที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือน

และในยามค่ำดอกไม้เหล่านั้นทำหน้าที่เป็นจุดพักสายตาจากกิจกรรมนานาที่เกิดขึ้นที่ร้านแห่งนี้อยู่เสมอ

ดอกไม้ในสวนเหล่านี้ไม่เคยปฏิเสธผู้ใด

ดอกไม้ในสวนเหล่านี้ไม่เคยเมินหน้า ถอยหนีจากผู้ใด มันเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติรอบๆ และทำหน้าที่ดังบทกวีที่ปราศจากเสียงมโหรีเคลียคลอ

ว่าไปทำไมมี หากดอกไม้เหล่านี้มีโสตสัมผัสที่ละเอียดอ่อน ดอกไม้เหล่านี้น่าจะได้สดับตรับฟังบทกวีมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

ภายใต้บริเวณเล็กๆ ของสวนหน้าร้านหนังสือฟิลาเดลเฟีย มีการอ่านบทกวีอยู่เสมอ

บางครั้งเป็นบทกวีพื้นถิ่นคล้ายดังพญาที่มีทำนองพ้องล้อไปกับเสียงซึงของพ่อใหญ่เซียม

บางครั้งเป็นกลอนเปล่าไร้ท่วงทำนองที่พูดถึงความคับแค้นและความอยุติธรรมภายในประเทศนี้

บางครั้งเป็นบทกวีดนตรีที่ขับขานเป็นเพลงรักและเพลงลา

ในคืนใดที่มีมิตรสหายใกล้ชิดของร้านและเครื่องดนตรีของพวกเขาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์หนึ่งตัวของอาจารย์ธีรพล อันมัย หรือไวโอลินของศักดินันท์ จันทคณานุรักษ์ เราแทบไม่เคยพลาดโอกาสที่จะได้ยินเสียงเพลงบรรเลงลอยลมมา

จนหลายครั้งผมอดอิจฉาแทนหมู่ดอกไม้ในสวนแห่งนี้ไม่ได้ที่เติบโตขึ้นมาไม่ใช่เพียงเพราะน้ำและแดด แต่หากยังมีเสียงเพลงหล่อเลี้ยงให้งอกงามอีกด้วย

ดอกไม้ในสวนเหล่านี้แม้ไม่ใช่ดอกไม้ที่พบหาได้ยากเย็น กระนั้นมันกลับเป็นดอกไม้ที่เติบโตในที่พิเศษและมีชีวิตที่พิเศษอย่างยิ่ง

 

คํ่าคืนใดก็ตามที่มีเสียงดนตรีบรรเลง หากคุณเป็นผู้ผ่านทางมายังร้านหนังสือฟิลาเดลเฟียแห่งนี้ มุมมองของคุณที่มีต่อร้านหนังสือจะเปลี่ยนแปรไป

แน่นอนร้านหนังสือย่อมเป็นที่เก็บสะสมหนังสือไว้แต่หนังสือนั้นเป็นสิ่งของที่แปลก เพราะพลานุภาพของหนังสืออยู่ที่การถูกหยิบและเปิดอ่าน

จริงอยู่ อาจมีคนกล่าวท้วง มีดเล่า มีดหากไม่ถูกหยิบขึ้นใช้งาน หั่น เฉือน ในสิ่งต่างๆ มีดก็ย่อมเป็นเพียงเศษเหล็กธรรมดา

รถยนต์หากไม่ถูกขับขี่มันก็ไม่ต่างจากวัตถุขนาดใหญ่ที่ปราศจากประโยชน์ สิ่งของทุกอย่างหากไม่ถูกใช้สอยมันก็จะเป็นเพียงแค่วัสดุธรรมดามิใช่หรือ ถูกต้องทีเดียว สิ่งของทุกอย่างมีค่าแค่เพียงวัสดุธรรมดา

ทว่าหนังสือต่างจากกระดาษที่มันอาศัยอยู่มากมายทีเดียว กระดาษหนึ่งแผ่นอาจเป็นเพียงกระดาษ แต่เมื่อมันกลายสภาพเป็นหนังสือเสียแล้ว มันย่อมมิใช่กระดาษอีกต่อไป

หนังสือเมื่อเป็นหนังสือย่อมมีพลานุภาพมากกว่าวัสดุพื้นฐานมากมายนัก

หนังสือการต่อสู้ของข้าพเจ้าที่ถูกแต่งโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ถูกกักบริเวณมิให้จัดพิมพ์ซ้ำก็เพราะอานุภาพของมันไม่ว่าในทางดีหรือร้ายก็ตาม

พระคัมภีร์ไบเบิลเมื่อแรกพิมพ์มีค่าไม่ต่างจากสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ ถ้อยคำในหนังสือ จินตนาการ ความฝันที่เราได้จากหนังสือคือภาพฉายให้เห็นถึงพลานุภาพของมัน

หนังสือมีพลานุภาพและร้านหนังสือคือสถานที่อันปลอดภัยที่จัดระเบียบพลานุภาพเหล่านั้น

 

ร้านหนังสือไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ปลอดภัยของหนังสือเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสถานที่ปลอดภัยของคนรักหนังสืออีกด้วย คุณอาจเป็นคนแปลกหน้าของสถานที่แห่งนั้น

แต่หากคุณไม่ใช่คนแปลกหน้าของหนังสือ คุณย่อมไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวเลย

คุณเดินเข้ามาในร้าน โค้มศีรษะทักทายผู้ดูแล มองไปที่ผนัง มองไปที่ชั้นหนังสือ คุณไล่สายตาไปทีละชั้น มองหาหนังสือเล่มที่คุณสนใจ

บางร้านมีหนังสือเนืองแน่นจนจัดวางได้แต่สันปก

บางร้านมีพื้นที่ให้หนังสือได้อวดปกสวยของมัน คุณขยับเข้าไปใกล้ อ่านรายชื่อผู้เขียนหรือรายชื่อของหนังสือก่อนจะตัดสินใจหยิบมันจากชั้น

ร้านหนังสือที่ดีนั้นมีเก้าอี้อยู่เสมอ และหากเก้าอี้ดังกล่าวยังปราศจากผู้ครอบครอง คุณย่อมมีเสรีภาพที่จะถือหนังสือไปที่นั่น

คุณนั่งลงเปิดหนังสือในมืออย่างทะนุถนอมเพราะคุณเป็นคนอ่านหนังสือที่รู้ดีว่าน้ำหนักมือเพียงใดที่พอจะพลิกหน้าหนังสือ และน้ำหนักมือเพียงใดที่จะทำให้หนังสือเล่มนั้นเสียหาย

คุณสั่งเครื่องดื่มซึ่งแน่นอนว่ามักเป็นกาแฟหรือชา กาแฟหรือชาไม่ต่างจากแมวซึ่งมักพบว่าร้านหนังสือคือสถานที่คู่ควรกับมัน

คุณพิงหลังเอนกายในท่วงท่าที่สบาย พลิกหนังสือทีละหน้า ดื่มด่ำกับเรื่องราวในนั้น เสียงใครคนหนึ่งปลุกคุณจากภวังค์ บอกคุณว่าเครื่องดื่มของคุณมาถึงแล้ว

คุณรับเครื่องดื่มจากเขา จากผู้ดูแลร้านหนังสือ ก่อนที่เขาจะเชื้อเชิญคุณว่าหากคุณไม่มีธุระเร่งร้อนใดๆ ช่วงบ่ายหรือเย็นของร้านขอเชิญคุณเข้าร่วมกิจกรรมของร้านหนังสือเราด้วยตามความสมัครใจ

พื้นที่ของร้านหนังสือไม่เคยตายตัว บางวันมันกลายเป็นสนามเด็กเล่นเมื่อหนังสือเยาวชนเล่มใหม่ออกวางจำหน่าย พ่อ-แม่พาลูกมารับหนังสือกับมือ เสียงเด็กอวดหนังสือของตนเองดังเป็นระยะให้สุขใจ

บางวันมันกลายเป็นความเงียบขรึมเมื่อหนังสือปรัชญาหนักอึ้งถูกหยิบยกขึ้นมาสนทนา

บางวันมันมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศเมื่อหนังสือด้านอาหารถูกนำเสนอ แต่ละวันของร้านหนังสือไม่เคยเหมือนเดิม แต่ละวันของร้านหนังสือไม่เคยมีสีหน้าที่เหมือนกัน ผู้คนในร้านหนังสือคือเครื่องประทินโฉมล้ำค่า

พวกเขาแต่งแต้มร้านหนังสือและพื้นที่ในร้านหนังสือให้งดงามแตกต่างกันออกไป จนถึงเวลาเย็นหรือค่ำที่ประตูของร้านปิด สีหน้าสงบสุขของร้านหนังสือจะกลับมาดังเดิม

เพียงเพื่อที่จะเปลี่ยนแปรไปในวันรุ่งขึ้น

 

ผมเคยใช้พื้นที่ในสวนดอกไม้ของร้านหนังสือฟิลาเดลเฟีย จัดกิจกรรมหลายครั้ง บางครั้งเป็นนวนิยายหนักอึ้ง

บางครั้งเป็นรวมเรื่องสั้นเฉพาะแนว

บางครั้งเป็นงานแปลด้านความคิดเฉพาะทาง

แต่ครั้งหนึ่งพื้นที่ในร้านแห่งนี้ถูกเปลี่ยนเป็นครัวกลางแจ้งสำหรับหนังสือด้านอาหารเล่มหนึ่งของผม

เตาถ่านถูกลำเลียงวางลงในมุมที่เหมาะสม ถังน้ำแข็ง โต๊ะสำหรับประกอบอาหาร ชั้นวางจานและอุปกรณ์

เมื่อเวลาค่ำมาถึงหลังบทสนทนาเกี่ยวกับหนังสือสิ้นสุดลง ผู้ประกอบอาหารแต่ละคนลงมือปรุงอาหารที่ตนเองถนัด

กวยจั๊บฝีมือภรรยาของเจ้าของร้าน แกงขี้เหล็กใส่หนังควายของพ่อครัวจำเป็น ปลาเผาของใครบางคนที่เพิ่งได้ปลาสดๆ จากตลาด ไก่ย่าง ไปจนถึงส้มตำที่เป็นอาหารหลักก็อยู่ในอีกมุม

เสียงครก เสียงน้ำมันเดือดในกระทะ ควันจากปลาที่กำลังแห้งและหอมได้ที่

มุมต่างๆ มีผู้คนพร้อมด้วยจานอาหาร มุมต่างๆ มีบทสนทนาทั้งที่เกี่ยวข้องกับหนังสือของผมและไม่เกี่ยวข้องใดเลย

เสียงดนตรีบรรเลงพร้อมกับเสียงอ่านบทกวีจากผู้เป็นเจ้าของร้าน ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีกำหนดการ

โลกทั้งใบของนักอ่านอยู่ตรงนั้น

อยู่ในร้านหนังสือ

 

และในมุมหนึ่งของร้านนั้นเอง ผมเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนหลบมุมแอบแฝงตนเองอย่างเงียบๆ

ผมทักทายเขาและทราบว่าเขาติดตามหญิงคนรักมาร่วมงาน

เขาสารภาพว่าเขาไม่ใช่นักอ่านและไม่ใช่คนที่เข้าร้านหนังสือ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีประสบการณ์แตกต่างออกไปกับร้านหนังสือ เขาอาจแวะเข้าร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้าบางครั้งแต่ก็เพียงเพื่อซื้อเครื่องเขียนเท่านั้น

เขาไม่คาดคิดว่าร้านหนังสือจะสร้างสภาพอันอบอุ่นได้เช่นนี้

ผมยื่นแก้วเครื่องดื่มให้เขา เขาจิบมัน ผมบอกเขาว่านี่คือร้านหนังสือที่ควรจะเป็น

ร้านหนังสือที่สร้างความแปลกใจให้กับเราได้เสมอ ร้านหนังสือที่คุณรู้สึกราวกับเป็นบ้านของคุณเอง ร้านหนังสือที่เราไม่ควรรู้สึกแปลกหน้ากับมัน เราอาจเรียกร้านหนังสือฟิลาเดลเฟียว่าเป็นร้านหนังสือในสวนดอกไม้

แต่ในขณะเดียวกันมันก็คือสวนดอกไม้ในร้านหนังสือด้วยเช่นกัน

สวนดอกไม้ที่เราไม่เคยเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเลย