คำแนะนำจาก ‘หนุ่มเมืองจันท์’ ถึงฟรีแลนซ์มือใหม่

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์

www.facebook.com/boycitychanFC

นิสัย-ฝีมือ

 

ตอนที่ยังทำงานประจำอยู่ น้องๆ ที่มีปัญหาในองค์กร หรือมีคนเสนองานใหม่มักจะมาขอคุยกับผม

ปรึกษาว่าจะลาออกดีไหม

ผมจะหัวเราะและถามว่า มาปรึกษาผิดคนหรือเปล่า

เพราะผมทำงานที่เดียวมาทั้งชีวิต

ไม่เคยลาออกเลย

ปรึกษาเรื่อง “ลาออก” กับคนที่ไม่เคยลาออกเลย

ผมจะแนะนำง่ายๆ ตามทฤษฎี “แรงดูด-แรงผลัก” ที่คิดขึ้นเอง

ถ้าลาออกเพราะปัญหา

ผมเรียกว่าลาออกเพราะ “แรงผลัก”

น้องกลุ่มนี้มักจะมองที่ใหม่ด้วยแว่นตาสีชมพู

แบบนี้ผมจะขอให้ทบทวนดีๆ อย่าตัดสินใจตอนโมโห

ส่วนคนที่อยากลาออกเพราะที่ใหม่ให้เงินเดือนดีกว่า งานตรงกับที่เคยฝันไว้

แบบนี้เรียกว่าลาออกเพราะ “แรงดูด”

อย่าไปทัดทานมาก ได้แต่อวยพรให้โชคดี

วันนี้ ผมลาออกจากงานประจำมาเกือบ 10 ปี

พอจะมีประสบการณ์เรื่อง “ฟรีแลนซ์” บ้าง

มีน้องๆ หลายคนที่กำลังตัดสินใจลาออกจากงานประจำ ด้วยปัญหาเรื่องเศรษฐกิจหรือปัญหาภายในองค์กร

ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ทำงานประจำมาทั้งชีวิต

บางคนก็ทำงานที่เก่ามายาวนาน บางคนเคยย้ายที่ทำงานบ้าง

แต่ทุกคนรับเงินเดือนประจำมาตลอด

สิ้นเดือนก็ได้เงิน

พอต้องออกจากงานกลายมาเป็น “ฟรีแลนซ์” ที่ไม่ได้รับเงินเดือนประจำเหมือนในอดีต

ใจก็เริ่มเคว้งๆ

กลัวความไม่แน่นอน

 

ยิ่งนานวันผมยิ่งเชื่อว่า “ฝีมือ” และ “ความสามารถ” ไม่ใช่คุณสมบัติสำคัญที่สุดของคนทำงาน

โลกวันนี้เป็นโลกของการทำงานเป็นทีม

เราไม่ได้ต้องการคนที่เก่งที่สุด

แต่เราต้องการคนเก่งที่ “นิสัยดี”

เพราะ “นิสัยดี” จะทำให้คนอื่นๆ อยากทำงานด้วย

ลองนึกถึงประสบการณ์ตรงของเราสิครับ

เราอยากทำงานกับใคร

ถ้าหัวหน้ามอบหมายงานให้เรา และให้สิทธิเลือกคนไปร่วมทีม 1 คน

เราเลือกใคร

เลือกคนที่ทำงานเก่งที่สุด

หรือเลือกคนที่เก่งพอประมาณ แต่นิสัยดี

คนที่มีน้ำใจ คุยรู้เรื่อง ไม่เกี่ยงงาน เจอปัญหาแล้วไม่บ่น แต่ช่วยกันหาทางแก้ปัญหา ฯลฯ

ถ้าเราได้คนแบบนี้มาร่วมทีม

การทำงานจะสนุกมากเลยครับ

แต่ถ้าเราได้คนเก่งมากๆ แต่นิสัยไม่ดี

แค่จะคุยด้วยก็ไม่อยากคุยแล้ว

เช่นเดียวกัน ถ้าเราเป็นหัวหน้า เราจะเลือกมอบหมายงานให้ใคร

คนเก่งที่สุด อาจไม่ใช่คนแรกที่เราเลือก

ถ้าเขานิสัยไม่ดี

ผมเชื่อว่าทุกคนอยากทะเลาะกับ “งาน”

มากกว่าทะเลาะกับ “คน”

โดยเฉพาะคนในทีมเดียวกัน

ไม่มีใครไม่อยากมีความสุขในการทำงาน

ดังนั้น ถ้าตอนทำงานประจำ ใครสะสมบุญไว้เยอะ

ทำงานกับใคร คนนั้นก็รัก

แบบนี้ถือว่าเป็นคน “บุญหนัก”

ออกมาเป็น “ฟรีแลนซ์” ได้สบาย

 

น้องที่มาปรึกษาส่วนใหญ่จะกังวลว่าลาออกจากงานประจำไปทำฟรีแลนซ์แล้วจะมีปัญหาไหม

ทุกคนไม่มั่นใจว่าจะมีงานต่อเนื่องหรือเปล่า

ผมจะใช้ทฤษฎี “นิสัยดี” ในการให้คำปรึกษา

น้องคนหนึ่งเคยทำงานหนังสือพิมพ์ และไปทำงานโปรดักชั่นที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง

บริษัทเจอ “โควิด-19” เข้าไป ต้องลดพนักงาน

เธอตัดสินใจเข้าโครงการสมัครใจลาออก

ไปเป็น “ฟรีแลนซ์”

ตอนที่มาแจ้งข่าว ดูเธอกังวลพอสมควร

เป็นเรื่องธรรมดาครับ “ทางใหม่” ที่เราไม่คุ้นชินน่ากลัวเสมอ

แต่น้องคนนี้เป็นคนนิสัยดี มีน้ำใจ

มีงานอะไร ขยับตัวก่อนทุกครั้ง

ทำงานดี มีฝีมือ

อาจไม่ได้เก่งที่สุด แต่ถือว่าอยู่ในระดับ “เก่ง” ทีเดียว

ผมบอกน้องว่าอย่ากังวลเลย ให้หัด “ส่ายหน้า” ไว้ก็แล้วกัน

เพราะงานจะเข้ามาเยอะมาก

ขอแค่แจ้งคนที่รู้จัก เคยทำงานด้วยให้รู้ว่า “ลาออก” จากงานประจำ

เป็น “ฟรีแลนซ์” แล้ว

บอกเขาว่าถ้ามีงานอะไรเรียกใช้ได้เลย

เพราะคนที่เคยทำงานด้วย เขาก็จะรู้ว่าน้องคนนี้ “นิสัยดี” หรือเปล่า

ผ่านไป 2-3 เดือน น้องก็ส่งข้อความขอบคุณ

เธอบอกว่าเป็นไปอย่างที่ผมบอก

งานเข้ามาเยอะจนตกใจ

ล่าสุด “แอ๊ะ” วิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ ที่เคยดูแลสถานีวิทยุ “คลื่นความคิด” ก่อนตัดสินใจลาออกจาก อสมท

เขาโทร.มาคุยด้วย

“แอ๊ะ” เคยชวนผมไปจัดรายการวิทยุ “คุยเล่นเป็นข่าว” กับ “สายสวรรค์ ขยันยิ่ง” มาพักหนึ่ง

จากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมา

การลาออกจากองค์กรที่อยู่มานาน ใจของเขาก็คงหวิวๆ เหมือนกัน

เหมือนกับตัดสินใจทิ้ง “ความมั่นคง”

ไปผจญภัยกับดินแดนใหม่

ตอนที่คุยกัน ผมก็ใช้คำพูดเดียวกันกับที่บอกน้องคนนั้น

“หัดส่ายหน้าเอาไว้นะครับ”

เพราะ “แอ๊ะ” เป็นคนนิสัยดี มีน้ำใจ

ใครๆ ก็อยากทำงานด้วย

ครับ ออกมาไม่ถึงเดือน งานเพียบเลยครับ

มีรายการ “คุยให้คิด” กับคุณสุทธิชัย หยุ่น และคุณวีระ ธีรภัทร ทางไทยพีบีเอส

ทำรายการ ACTIVE TALK ทุกวันกับ “แวว” ณาตยา แวววีรคุปต์ ทางเพจ THE ACTIVE ให้ไทยพีบีเอส

และจัดรายการวิทยุทุกวันทางคลื่น 101

นี่แค่เริ่มต้น

ครับ “ฟรีแลนซ์” ที่เก่งและนิสัยดี ไม่มีตกงาน