อำนาจ การเมือง ในมือของ ‘ภูมิใจไทย’ ผลต่อ ‘เลือกตั้ง’/ กรองกระแส

กรองกระแส

 

อำนาจ การเมือง

ในมือของ ‘ภูมิใจไทย’

ผลต่อ ‘เลือกตั้ง’

ไม่มีตัวอย่างใดสะท้อนให้เห็นผลสะเทือนจากญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจได้อย่างเด่นชัดเท่ากับกรณีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

เพราะภายในการลงมติแม้จะถูกไม่ไว้วางใจ 201 คะแนน

กระนั้น ภายในความไว้วางใจจำนวน 268 นั้น ยังปรากฏการงดออกเสียงถึง 12 เสียง และปรากฏการไม่ลงคะแนนเสียง 1 คะแนน

ที่สำคัญเป็นอย่างมากคือ ใน 12 เสียงนั้นเป็นคนจากพรรคพลังประชารัฐ

พรรคพลังประชารัฐอันเป็นแกนนำของรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐอันมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้า

จากจุดนี้จึงสร้างความไม่พอใจให้กับพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างสูง

แม้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะออกมาแสดงความเสียใจ แม้ว่า น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หัวหน้ากลุ่มดาวฤกษ์จะออกมาแสดงความเสียใจ

กระนั้น พรรคภูมิใจไทยก็ยืนยันว่าต้องมีมาตรการลงโทษมากกว่านั้น

ถามว่าเหตุใดจึงปรากฏการงดออกเสียงไว้วางใจต่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมากถึง 12 เสียง

นั่นเท่ากับเป็นการยืนยัน “ไม่ไว้วางใจ” อย่างสุภาพ

ความหมายมิได้อยู่ที่ว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจำนวน 12 คนไม่ไว้วางใจด้วยการงดออกเสียง และ 1 ไม่ลงคะแนนเสียงเท่านั้น

หากยังอยู่ที่การอภิปรายทั่วไปของฝ่ายค้านส่งผลสะเทือน

ความไม่พอใจของพรรคภูมิใจไทยต่อ ส.ส.จำนวนหนึ่งในพรรคพลังประชารัฐที่มีส่วนในการงดออกเสียงจึงเป็นความไม่พอใจอย่างเป็นทางการ

นั่นก็คือ ระหว่างพรรคภูมิใจไทยต่อพรรคพลังประชารัฐ

จำเป็นที่พรรคพลังประชารัฐต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการลงมติงดออกเสียงและหาทางออกเพื่อให้เป็นที่พอใจของพรรคภูมิใจไทย

นี่คือปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องหาทางออก

 

หากถามว่าเหตุใดท่าทีของพรรคภูมิใจไทยจึงรุนแรงและแข็งกร้าวถึงขั้นไม่ยอมรับคำขอโทษหรือแสดงความเสียใจในทางส่วนตัว

คำตอบอย่างเป็นทางการก็คือ นี่เป็นเรื่องระหว่างพรรคต่อพรรค

ในเมื่อพรรคภูมิใจไทยมีมติลงคะแนนเสียงไว้วางใจให้กับรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐครบถ้วนตามข้อตกลง จำเป็นอยู่เองที่พรรคพลังประชารัฐจักต้องกระทำอย่างเดียวกัน

แสดงความเคารพให้เกียรติระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน

คำตอบอย่างไม่เป็นทางการก็คือ พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าความผิดพลาดภายในพรรคพลังประชารัฐทำให้อำนาจในการต่อรองของตนมีมาก

ประกอบกับพรรคพลังประชารัฐต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทยซึ่งมี ส.ส.อยู่ในมือ 61 เสียงจึงเป็นเสียงที่พรรคพลังประชารัฐอันเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลจำเป็นต้องให้เกียรติและให้ความเคารพ

หากต้องการขับเคลื่อนรัฐบาลไปข้างหน้าให้ราบรื่น

 

ไม่ว่าท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าการสนองตอบอย่างรวดเร็วของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้สังคมมองว่าผลประโยชน์ทางการเมืองบางอย่างของพรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องพึ่งพิงพรรคภูมิใจไทย

มิใช่อยู่ที่การให้ความสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น

หากแต่ยังขึ้นอยู่กับรายละเอียดการเลือกตั้งซ่อมที่พรรคพลังประชารัฐกำลังสัประยุทธ์อยู่กับคนของพรรคประชาธิปัตย์อันเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมอยู่ด้วย

การขอความช่วยเหลือจากพรรคภูมิใจไทยจึงมีความหมายเป็นอย่างสูง