เช็กสเตตัส ‘3 ป.-กองทัพ’ มีระยะห่าง แต่ไม่หาย ? และฟางเส้นสุดท้าย ที่ทุ่งดอนเมือง

รายงานพิเศษ

เช็กสเตตัส ‘3 ป.-กองทัพ’ ห่าง แต่ไม่หาย
‘แม่ทัพต่อ’ สตรอง สายตรง ‘บิ๊กตู่’
จับตา ‘บิ๊กบี้-รองเสธ.อ๊อบ’
และฟางเส้นสุดท้าย ที่ทุ่งดอนเมือง

หลังจากที่พี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ไม่มาร่วมงาน 111 ปี วันสถาปนากองทัพภาคที่ 1 เมื่อเช้าตรู่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่เคยมาในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 1 แบบแพ็กสามตลอด

ฝ่ายต้านรัฐบาลจับตามองว่า มีอะไรในกอไผ่หรือไม่

ด้วยเพราะเมื่อบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่มา ทั้งบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่ และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จึงไม่มาด้วย แม้จะมีประชุมในช่วงสายของวันนั้น

งานนี้แม่ทัพต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 ทำหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ ตามประเพณี

แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดทำให้ต้องจัดงานแบบนิวนอร์มอล ลดจำนวนคน และเว้นระยะห่าง

พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่มาร่วมงาน เพราะรู้ว่า ถ้านายกฯ มา จะมีทีมงานมากันอีกหลายคน ทั้งทำเนียบฯ และกลาโหม จึงส่ง พล.อ.สุชาติ หนองบัวล่าง เลขานุการ รมว.กลาโหม มาแทน และมอบ ผบ.ทบ.เป็นประธานแทน

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มา พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ก็จึงไม่มาด้วย เพราะก็มีประชุมกันในช่วงเก้าโมงเช้า

หาใช่มีนัยยะของความผิดปกติใดๆ

พลเอกประวิตร, พลเอกณรงค์พันธ์, พลโทเจริญชัย

แม้ว่าบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. จะไม่ใช่สายตรงของนายกฯ หรือพี่น้อง 3 ป.ก็ตาม แต่ก็แค่ว่าไม่ได้สนิทสนมกับนายกฯ เหมือนตอนที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.

เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็เคยเป็นลูกน้องตอน พล.อ.ประยุทธ์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1

ไม่แค่นั้น ยังเป็นที่รู้กันดีว่า พล.ท.เจริญชัยนั้นเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์เลยทีเดียว เป็นนายทหารเสือราชินีที่อยู่ ร.21 รอ.มาด้วยกันกับพี่ๆ 3 ป.

อีกทั้งยังเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. และเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เหมือนพี่ๆ 3 ป.อีกด้วย

เรียกได้ว่า ในสายคุมกำลังใน ทบ.แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังมี พล.ท.เจริญชัยเป็นสายตรง แบบไว้วางใจได้ 100% ท่ามกลาง ผบ.เหล่าทัพที่ไม่ค่อยสนิทสนม โดยเฉพาะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. ที่เติบโตมาคนละสายกับพี่น้อง 3 ป.

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงติดต่อพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพเนืองๆ ตามสถานการณ์และประเด็นปัญหาที่ต้องสั่งการทางโทรศัพท์

และมอบบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.สุชาติ หนองบัวล่าง เลขาฯ รมว.กลาโหม เป็นคนดีลแทนบ้าง

พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

แต่ตราบใดที่ยังมี พล.ท.เจริญชัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นคีย์แมนใน ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการถูกรัฐประหาร

พล.ท.เจริญชัยจึงถูกจับตามองว่า มีโอกาสสูงที่จะขึ้น 5 เสือ ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่จะเกษียณกันยายน 2566 ส่วน พล.ท.เจริญชัยเกษียณกันยายน 2567

แม้ว่าจะนานอีกเกือบ 3 ปี ที่ทำให้อะไรไม่แน่นอน แต่เมื่อ พล.ท.เจริญชัยได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วก็มีโอกาสสูง เพราะคนที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มักจะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แม้แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์เอง หรือย้อนไปบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ก็มาจากแม่ทัพภาคที่ 1

แต่ด้วยเพราะยังมีการจับตามองกันว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์มีใครเป็นว่าที่ ผบ.ทบ.ในใจไว้หรือไม่
เพราะในการโยกย้ายใหญ่เมื่อตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวสะพัดมากมาย

แต่ในที่สุด พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ.ในเวลานั้น ดัน พล.ท.เจริญชัย (ตท.23) แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 เลย

โดยมีรองอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 รุ่นน้อง ตท.24 เป็นแคนดิเดตคนสำคัญ ที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์สนับสนุน

แต่ที่สุด พล.อ.อภิรัชต์ก็เลือก พล.ท.เจริญชัยขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะอาวุโสกว่าด้วย

พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

ส่วน พล.ต.ทรงวิทย์ก็ถูกขยับพ้นกองทัพภาคที่ 1 ไม่ได้เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 แต่เข้า บก.ทบ. มาเป็นพลโท รองเสนาธิการทหารบก

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์สนับสนุน พล.ต.ทรงวิทย์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1

อีกทั้งเมื่อมาเป็นรองเสธ.ทบ. แล้ว พล.ต.ทรงวิทย์ก็ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ให้ดูแลสายงานด้านยุทธการ แม้ว่าจะไม่ได้เติบโตมาจากฝ่ายอำนวยการ สายยุทธการ หรือกรมยุทธการทหารบก
จากเดิมที่มีการคาดหมายว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะมอบหมายให้รองเสธ.โซ่ พล.ท.ชนาวุธ บุตรกินรี ที่ขึ้นจากเจ้ากรมยุทธการ ทบ. คุมงานยุทธการ แต่ก็มอบหมายให้ดูแลงานด้านการข่าว

จนทำให้ถูกมองถึงสายสัมพันธ์อันดีของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.ต.ทรงวิทย์ อีกทั้งที่ผ่านมา เมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ลงพื้นที่ ก็จะมี พล.ต.ทรงวิทย์ร่วมคณะไปด้วยเสมอ แม้จะมีบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสธ.ทบ. ร่วมคณะไปด้วยก็ตาม

วิเคราะห์กันว่า เหตุหนึ่งที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์มอบหมายให้ พล.ต.ทรงวิทย์ดูแลสายงานยุทธการ เพราะในหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) มีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมยุทธการนั่นเอง

เหล่านี้จึงยังคงทำให้จับตามองกันว่า โยกย้ายใหญ่ปลายปีนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะส่ง พล.ต.ทรงวิทย์กลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือไม่

เพราะหากกลับมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็จะทำให้ พล.ท.ทรงวิทย์มีโอกาสขึ้น 5 เสือ ทบ. และชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. กับ พล.ท.เจริญชัย ที่จะขึ้นพลเอก 5 เสือ ทบ.ก่อน และอาวุโสกว่า

แต่เพราะ พล.ต.ทรงวิทย์เกษียณกันยายน 2568 จึงสามารถที่จะเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.ท.เจริญชัยได้เช่นกัน

พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

ทั้ง พล.ท.เจริญชัย และ พล.ต.ทรงวิทย์ ถือว่ามีคุณสมบัติเป๊ะ เป็นทหารคอแดงใน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยกัน
หากแต่ พล.ต.ทรงวิทย์แม้จะเรียนเตรียมทหาร 24 แต่ทว่าก็ไปจบโรงเรียนนายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา ที่บางฝ่ายมองว่า อาจถูกสกัดกั้นไม่ให้ขึ้น ผบ.ทบ. เพราะในอดีตยังไม่เคยมีนายทหารที่จบต่างประเทศได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

แต่ทว่าในยุคเปลี่ยนผ่าน อะไรก็เกิดขึ้นได้ อีกทั้ง พล.ต.ทรงวิทย์ก็เคยเป็นทั้งผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม และผู้บัญชาการกองพล โดยเฉพาะ ผบ.พล.1 รอ. มาแล้วด้วย

แต่ในอีกเส้นทางหนึ่ง พล.ต.ทรงวิทย์ก็ถูกจับตามองว่า จะแยกกันโต ถูกส่งจาก ทบ.ไปโตที่ บก.ทัพไทย เดินตามรอยเท้าบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด คอแดงคนแรกหรือไม่

เพราะ พล.อ.เฉลิมพลมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 พร้อม พล.อ.ณรงค์พันธ์

คาดกันว่า หาก พล.ต.ทรงวิทย์จะถูกส่งไป บก.ทัพไทยก็คงจะรู้กันในตุลาคมนี้เลย แต่หากตุลาคมนี้ได้กลับนั่งเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ก็จะยิ่งน่าจับตามอง

โดยเฉพาะนายทหารใน บก.ทัพไทย ที่มีนายทหารคนเก่งๆ ที่ถูกจับตามองว่าเหมาะที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดหลายคน แต่หาก พล.ต.ทรงวิทย์ข้ามไปโตที่ บก.ทัพไทย ก็จะปิดทางดาวรุ่งทัพไทยเหล่านั้น

แต่ใน บก.ทัพไทยก็มีการจับตามองว่า หาก พล.ต.ทรงวิทย์ข้ามไปโตที่ บก.ทัพไทย จ่อคิวขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ที่เป็นทหารคอแดงคนที่ 2 ก็จะมีเจ้ากรมจุ๊ฟ พล.ท.ชิดชนก นุชฉายา เจ้ากรมยุทธการทหาร รุ่นน้อง ตท.26 เป็นคู่หูเลยทีเดียว เพราะประสานงานด้านยุทธการกันเสมอๆ และก็เป็นแคนดิเดต ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคตด้วย

แต่ทั้งนี้ก็คงต้องดูบทบาทของ พล.อ.อภิรัชต์ รองเลขาธิการพระราชวังด้วยว่าสนับสนุนหรือไม่อย่างไร เพราะยังถือว่ามีบทบาทต่อกองทัพอยู่ไม่น้อย เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ดัน พล.ท.เจริญชัยขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อน เพราะเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ และอาวุโสกว่า

พลตรีทรงพล สาดเสาเงิน พลตรีอมฤต บุญสุยา ขวามือ พลโทเจริญชัย หินเธาว์

กล่าวกันว่าสูตรที่ลงตัวที่สุดคือ พล.ท.เจริญชัยเป็น ผบ.ทบ.ก่อน แล้วต่อด้วย พล.ต.ทรงวิทย์ เพราะถือว่าเป็นนายทหารที่มีความสามารถ

หากแต่ พล.ท.เจริญชัยโตมาจากสายทหารเสือฯ จาก พล.ร.2 รอ. สายบูรพาพยัคฆ์ ส่วน พล.ต.ทรงวิทย์โตมาจาก ร.11 รอ. จนเป็น ผบ.พล.1 รอ. และเป็นสายวงศ์เทวัญ

โดยมีบรรดานายทหารดาวรุ่ง ทบ. ทั้ง ตท.26 และ ตท.27 หลายคนที่อยู่ในระดับ ผบ.พล. พร้อมที่จะขึ้นมารับไม้ต่อ

ทั้ง ผบ.เนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. ที่มีบทบาทสำคัญใน ฉก.ทม.รอ. และ ผบ.ใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.พล.ร.2 รอ. และ ผบ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 ที่จะต้องชิงชัยกันในอนาคตอันใกล้นี้

พลโทเจริญชัย, พลโททรงวิทย์
พลตรี ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล

การจัดวางตัว ผบ.ทบ. และแม่ทัพนายกองใน ทบ. ดูจะกระเถิบห่างออกจากมือ รมว.กลาโหม หรือนายกรัฐมนตรีมากขึ้นๆ เพราะ ผบ.ทบ.ในยุคนี้จะมาจากนายทหารคอแดง จาก ฉก.ทม.รอ.904 ที่ผ่านการฝึกหลักสูตร ทม.รอ.มาแล้วทั้งสิ้น รวมทั้งแม่ทัพภาคที่ 1 ผบ.พล.1 รอ.

บทบาทของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ในฐานะ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จึงมีมากขึ้นๆ รวมถึงบทบาทของสายราชสำนัก ที่ประสานงานโดยตรงกับ ผบ.ทบ. นอกเหนือจาก พล.อ.อภิรัชต์อีกด้วย

และในเดือนมีนาคม 2564 นี้ มีรายงานว่าจะมีการฝึกหลักสูตร ทม.รอ.กันอีกครั้ง โดยมีนายทหารระดับนายพลแต่ละเหล่าทัพเข้าร่วมฝึกด้วย

เพราะในเวลานี้กองทัพอากาศมีนายทหารอากาศที่เป็นหน่วยบัญชาการอากาศโยธินบางคนเท่านั้น ที่เป็นทหารคอแดง ส่วนทหารเรือก็มีแต่ที่มาจากกองพันนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์

ไม่แค่นั้น ยังพบว่านักเรียนนายร้อย จปร.ที่เพิ่งจบการศึกษานั้น เลือกที่ลงหน่วยทหารรักษาพระองค์ ที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 กันมากขึ้น

พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์

ข้ามฟากไปอัพเดตสถานการณ์ในทุ่งดอนเมือง เริ่มคุกรุ่นขึ้น

บรรดาชาวทัพฟ้าก็เกาะติดความเคลื่อนไหวของบิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. หลังจากที่บิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. อนุมัติตั้งบิ๊กต๋อย พล.อ.อ.ศุภชัย สายเงิน ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.21 เป็นกรรมการผู้จัดการ (MD) บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด (TAI) คนใหม่ แทนบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.อ.ศิริพล ศิริทรัพย์ เตรียมทหาร 20 ที่ พล.อ.อ.มานัตได้แต่งตั้งไว้

ด้วยเพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.มานัตเคยเสนอให้ใช้ระบบสรรหา MD ของ TAI แทนการเลือกนายทหารที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ ผบ.ทอ. ที่เป็นประเพณีทัพฟ้ากันมายาวนาน

แม้จะพยายามไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ที่ว่า ให้ TAI เป็นสมบัติของรุ่น แต่ที่ผ่านมา พล.อ.อ.มานัตก็ตั้งเพื่อน ตท.20 เช่นกัน

ดังนั้น การมาเสนอเปลี่ยนหลักเกณฑ์นี้จึงไม่ได้รับการตอบสนอง เมื่อใครเป็น ผบ.ทอ.ก็จะเลือกเพื่อนที่สนิทสนม ไว้วางใจมานั่งเก้าอี้นี้

พล.อ.อ.ศุภชัยเป็นเพื่อน ตท.21 นนอ.28 ของ พล.อ.อ.แอร์บูล แม้จะไม่ได้เป็นนักบินขับไล่ แต่ก็เป็นนักบิน PeaceMaker ที่เติบโตมาจาก คปอ. และเคยเป็นรอง ผบ.คปอ.

เพราะอย่าลืมว่า พล.อ.อ.แอร์บูลก็เป็นนักบินลำเลียง C-130

คาดกันว่า เมื่อเปลี่ยนตัว กก.ผจก. TAI แล้ว จะนำมาซี่งความเปลี่ยนอีกหลายอย่างใน TAI โดยเฉพาะคู่สัญญา

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ

พล.อ.อ.มานัตเคยเขียนบทความแชร์กันใน ทอ. เสนอแนะคุณสมบัติของกรรมการผู้จัดการ TAI ว่า ควรต้องจบการศึกษาปริญญาตรีวิศวกรรม อากาศยาน ไฟฟ้า เครื่องกล เกรด 3.0 ขึ้นไป หรือจบการศึกษาวิทยาศาสตร์ปริญญาโท, วิศวกรรมทุกประเภท ในเกรด 3.5 ขึ้นไป

จบหลักสูตรบริหารระดับสูงทางทหาร/หลักสูตรวิทยาลัยการทัพ เกรด 3.5 ขึ้นไป หากเป็นหลักสูตรทางพลเรือน / MBA เกรด 3.75 ขึ้นไป มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ผ่านการเป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับ 9-10 มาก่อน

ผ่านการบริหารโครงการวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไปมาแล้ว เคยเป็นประธานบริหารโครงการความรู้ภาษาอังกฤษ ECL 90% มาตรฐานอื่นๆ TOEIC TOFEL IELS ในระดับเทียบเคียงกับ ECL 90% มีประสบการณ์ในตำแหน่งงานขององค์การในต่างประเทศเกิน 1 ปี ผ่านการตรวจสอบ/ทดสอบคุณธรรม และผ่านการตรวจสอบวิสัยทัศน์ด้านอากาศยาน โดรน ไซเบอร์ อวกาศ/ดาวเทียม เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับ TAI

หลังการเปลี่ยนแปลงใน TAI นี้ ทำให้ลูกทัพฟ้าจับตามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

บรรดานายทหารอากาศที่ไม่แฮปปี้กับ พล.อ.อ.มานัต ต่างรอดูว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะล้างบางอะไรใน ทอ. ในสิ่งที่ ผบ.ทอ.คนก่อนทำเอาไว้บ้าง

แม้บางคนอาจจะไม่ได้แฮปปี้กับ พล.อ.อ.แอร์บูล ที่ พล.อ.อ.มานัตตั้งมากับมือก็ตาม แต่ก็รอดูความผิดหวังของ Jetta เสืออากาศมานัต เมื่อทุกอย่างไม่เป็นดั่งความคาดหมาย
ด้วยเพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลมาแบบม้ามืด พล.อ.อ.มานัตยอมหักเพื่อน ตท.20 อย่างบิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ตัวเต็งในเวลานั้น เสนอชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลจากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ เป็น ผบ.ทอ. แบบไม่ฟังเสียงค้าน

แถมทั้งเด้ง พล.อ.อ.ธรินทร์ออกนอก ทอ. ไปเป็นรองปลัดกลาโหม

เด้ง พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง เสธ.ทอ. ไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมบิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนะศักดิ์ เมตะนันท์ รองเสธ.ทอ. ไปเป็นรองเสธ.ทหาร

เรียกได้ว่า พล.อ.อ.มานัตยอมเสียทั้งเพื่อนและน้อง เพื่อ พล.อ.อ.แอร์บูล แต่ทว่าก็ต้องผิดหวัง

ด้วยเพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลรู้ดีว่ามีปัญหาใดเกิดขึ้น จึงพยายามจะแก้ไขด้วยแนวทางของตนเอง หาใช่เพราะมีความขัดแย้งใดๆ กับ พล.อ.อ.มานัตไม่

แต่ในเมื่อยังไม่เปิดใจคุยกัน ก็จะยิ่งทำให้ พล.อ.อ.มานัต และ พล.อ.อ.แอร์บูล มีระยะห่างทางใจกันมากขึ้นๆ และอาจบานปลายได้

จนกล่าวกันว่า อาจกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของความสัมพันธ์หรือไม่