อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : เรียกน้ำย่อยด้วยผัก

ทางรอดอยู่ในครัว
: เรียกน้ำย่อยด้วยผัก

เมื่อรถของเราเข้าสู่เขตเมืองเชียงราย สิ่งแรกที่ฉันนึกถึงคือบ้าน (โดยเฉพาะโต๊ะทำงาน) อย่างที่สองคืออาหารอร่อย

เราเดินทางบ่อย เส้นทางนครปฐม-เชียงรายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต บางครั้งเขามาคนเดียว และบางครั้งเรามาด้วยกัน

เรา ซึ่งหมายถึงฉัน เขา และท้าวฮุ่ง (หมาน้ำหนัก 30 กิโลกรัม) ระหว่างเดินทาง เราต้องกินง่ายเข้าไว้ มีหมาขี้ตื่นไปด้วย ควรป้องกันดีกว่าหาทางแก้ เพราะต่อให้หมาของเราไม่กัดใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าหมาเป็นที่รักของทุกคน ทั้งหมาไม่ได้เหมาะกับทุกสถานที่ เราตระหนักความจริงข้อนี้ จึงไม่แวะกินอาหารในร้าน

ของกินของเรามักมาจากร้านสะดวกซื้อ หรือไม่ก็ฟาสต์ฟู้ด ของซึ่งในชีวิตประจำวันเราไม่กิน แต่เพื่อความสะดวกในการเดินทางพร้อมหมา เราพร้อมปรับตัว

เราไม่ได้กินดีนักหากต้องเดินทางกับหมา เมื่อกลับถึงบ้าน จึงเป็นธรรมดาที่ฉันคิดถึงอาหารมากเป็นพิเศษ

“เก็บของแล้ว ไปตลาด ทำน้ำพริกกินกัน” ฉันบอกเขา
เขาส่ายหน้าหนักแน่น “ไม่ดีแน่ หาของกินนอกบ้านเถอะ เดี๋ยวจะเหนื่อยไป”
เดินทางโดยการขับรถย่อมเหนื่อยเป็นปกติ มีของให้ขนเข้าบ้าน ต้องจัดให้เข้าที่ มีผ้ารอซัก และมีงานรออยู่

จริงของเขา มื้อนี้ควรกินนอกบ้าน

และต้องเป็นมื้ออร่อย ชดเชยสองวันที่เหมือนไม่ได้กินอะไรเลย

ฉันลูบแผงคอหมา คิด ข้าวต้มเหมาะกับฤดูหนาว แต่ร้านข้าวต้มเปิดตอนเย็น เรากำลังมองหามื้อเที่ยง

มีหลายร้านในเชียงรายที่เราเอาใจช่วย ไม่อยากให้หยุดกิจการ ช่วงนี้ทุกคนลำบาก นักท่องเที่ยวน้อย ลูกค้าย่อมน้อยลง ถ้าพอมีเวลา พอมีเงิน ฉันก็อยากอุดหนุนร้านที่ทำอาหารอร่อย

“พิซซ่ามั้ย” ฉันถาม ทั้งที่แน่ใจว่าคนรักต้องตอบ

“เอาสิ”

ร้านพิซซ่าของชาวอิตาลีคือที่หนึ่งในใจเขา เพราะนอกจากราคาไม่แพง ร้านสะอาด อาหารอร่อย เจ้าของร้านยังมีน้ำใจ จัดส่วนลดให้เราเสมอ

พิซซ่าหากินไม่ยาก แต่พิซซ่าของชาวอิตาลีมีความแตกต่าง แป้งที่บางแต่ไม่แข็งกรอบ ชีสอย่างดีที่ใส่ไม่ยั้ง และซอสซึ่งไม่ต้องการเครื่องปรุงใด

บนโต๊ะไม่มีซอสมะเขือเทศ หรือซอสพริก

ราวกับเจ้าของร้านต้องการบอกว่า มันไม่จำเป็นสำหรับอาหารของเขา

คนรักของฉันชอบพิซช่า ลาซานญ่า และไวน์

แต่ที่ฉันคิดถึงอย่างมาก มั่นใจว่ากินคนเดียวหมดชามคือสลัด

สลัดเป็นอาหารที่หากินง่าย ทำเองได้ แต่ฉันชอบสลัดร้านนี้ที่สุด เขาทำให้ฉันรู้ว่าสลัดคือการกินผัก ไม่จำเป็นต้องมีน้ำสลัดก็อร่อย

สลัดของเขา ประกอบด้วยผักใบเขียว มะเขือเทศ แตงกวา หอมหัวใหญ่ พริกระฆัง มะกอกดำ ผักทุกชนิดสดกรอบ และเย็น

ดูเหมือนว่า เขาก็แค่จัดผักลงจาน ตามด้วยเฟต้าชีส โรยเครื่องเทศนิดหน่อย ไม่ได้ปรุงรส ไม่-แม้กระทั่งเกลือ

เขาจัดจานยกมาวางบนโต๊ะ ด้วยรอยยิ้มที่อ่านได้ว่า ลองดูสิ แล้วคุณจะชอบ

ครั้งแรก ฉันมองหาน้ำสลัด ซึ่งแน่นอนว่าไม่มี บนโต๊ะมีขวดน้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทยดำ และน้ำส้มสายชูไวน์แดง

ฉันลองกินมาทุกแบบ พบว่าอร่อยที่สุดคือราดน้ำมันมะกอก (เท่านั้น) เพื่อเราจะได้รสเค็มจากชีส มันจากมะกอกดำ เปรี้ยวอมหวานจากมะเขือเทศ เผ็ดจากหอมหัวใหญ่

ร้านอิตาลีเล็กๆ แห่งนี้ ทำให้ฉันเข้าใจความอร่อยของผัก ฉันชอบกินผัก แต่มักกินแกล้มของเผ็ด ฉันไม่ได้กินผักเพราะรสชาติผัก แน่นอนว่าเราแทบไม่ได้รสผัก หากเรากินมันกับอาหารรสจัด

แต่สลัดของเขาทำให้ฉันรู้กระทั่งว่า มะเขือเทศแต่ละลูกเปรี้ยวไม่เท่ากัน หวานต่างกัน

เมื่อไปถึงร้าน ฉันให้คนรักสั่งพิซซ่า ส่วนฉันสั่งสลัด

เรากินมากกว่านี้ไม่ไหว ถ้าวันไหนเราสั่งพาสต้าหรือลาซานญ่า เราก็ต้องไม่สั่งพิซซ่า

เจ้าของร้านยกจานสลัดมาพร้อมตะกร้าขนมปังเล็กๆ ครั้นสลัดผ่านไปครึ่งจาน พิซซ่าร้อนๆ จึงเดินทางมา

หยิบพิซซ่าอีกชิ้น ใส่จานแบ่ง

เขาหัวเราะ “วันนี้กินได้เยอะ กินเร็วด้วย”

จริงสิ นี่เป็นพิซซ่าชิ้นที่สาม ชิ้นใหญ่มาก ชีสเยอะมาก แถมสลัดก็เกือบเกลี้ยงจาน

มองจานสลัด แล้วฉันก็คิดได้ วันนี้เจ้าของร้านไม่ถามเราว่าจะให้เสิร์ฟสลัดกับพิซซ่าพร้อมกันมั้ย (เราจะตอบว่าพร้อมกัน)

วันนี้เขาเสิร์ฟสลัดก่อน และฉันกินตามที่เขาเสิร์ฟ อืม…ได้ผล พิซซ่าอร่อยขึ้น และกินได้มากขึ้น

ฉันชี้สลัด “เราควรกินก่อนโนะ เพิ่งรู้” ยิ้มอายๆ

“เจ้าของร้านคงคิดว่าเราควรกินให้ถูกวิธีเสียที ยกสลัดมาก่อนเลย” เขาป้องปากพูด

อาหารมีเรื่องให้เรียนรู้เสมอ หากเราเปิดใจกว้าง ยอมรับรสชาติใหม่ วิธีกินใหม่

กินผักมาทั้งชีวิต ฉันถึงรู้ว่าผักจะอร่อยมากถ้าไม่ปรุง และฉันเพิ่งได้บทเรียนใหม่-ผักคืออาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีที่สุด