ท่าอากาศยานต่างความคิด : ชีวิต-ครอบครัวและภายหลังการตายของ มาร์ติน ลูเธอร์

It takes two hands to clap, It takes two wings to fly, It takes two legs to walk, and it takes two hearts to love; yours and mine.

Maame Fenyiwa

นกไม่อาจบินด้วยปีกข้างเดียวฉันใด

การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในสังคมย่อมไม่อาจสำเร็จได้ด้วยคนคนเดียวฉันนั้น

การปฏิรูปศาสนาต่อศาสนจักรที่มีศูนย์กลางอยู่ที่โรมและวาติกันของ มาร์ติน ลูเธอร์ อดีตนักบวช ได้รับความสำเร็จด้วยผู้ช่วยเหลืออันทรงพลังหลายคน ทั้งบุรุษและสตรี

บุคคลหนึ่งนั้นคือเจ้าชาย…ผู้ลักพาตัวเขาจากกระบวนการปัพพาชนียกรรมหรือการขับออกนอกศาสนา

อีกบุคคลหนึ่งนั้นคือภรรยาของ มาร์ติน ลูเธอร์ อดีตนางชีนาม แคตธาริน่า ฟอน โบร่า-Katharina von Bora

ในขณะที่เจ้าชาย…มีส่วนช่วยในการจัดตั้งมวลชนสำหรับพวกศาสนิกโปรเตสแตนต์

แคตธาริน่า ฟอน โบร่า มีส่วนช่วยในการจัดตั้งกฎระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงและการสมรส เนื่องจากโปรเตสแตนต์นั้นให้คุณค่าแก่การสร้างครอบครัวและไม่มีชีวิตนักบวชที่ถือเอาพรหมจรรย์อีกต่อไป

การต้องมีกฎเกณฑ์แห่งการสมรส มีบุตร เลิกร้าง และพิธีกรรมต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น

แคตธาริน่า ฟอน โบร่า เกิดที่เมือง Lippendorf ในแคว้นแซกโซนี ที่อยู่ในประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน เมื่อปี 1499 เมื่ออายุได้ห้าขวบ บิดาของเธอได้ส่งเธอเข้าสู่อารามของพระในนิกายเบเนดิกต์ที่เมืองเบรน่า-Brehna ในแคว้นเดียวกัน

และเมื่อเธออายุได้เก้าขวบเธอได้ย้ายอารามและนิกายไปเป็นนางชีในนิกายซิสเตอร์เชียนที่เมืองกริมม่า-Grimma ในแคว้นเดียวกัน

ที่อารามแห่งนี้ป้าผู้เป็นพี่สาวของแม่ได้ประจำอยู่ในอารามและเชื่อว่าช่วงเวลาต่อจากนี้เธอกำลังเตรียมตัวบวชเป็นนางชีที่ถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต

ทว่า ข่าวการปฏิรูปศาสนาในช่วงต้นของศตวรรษที่สิบหกได้ล่วงรู้มาถึงหูเธอ แคตธาริน่าและเพื่อนในอารามแอบศึกษาข้อโต้แย้งของ มาร์ติน ลูเธอร์ ที่มีต่อศาสนจักรอย่างลับๆ

และเธอชื่นชมในการเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปศาสนาในครั้งนี้อย่างมาก

เธอตกลงกับเพื่อนนางชีในอารามที่จะหลบหนีออกจากอารามที่เธออ้างว่าเต็มไปด้วยความคิดและจารีตที่ไม่น่าพึงใจเพื่อไปเข้าร่วมกับชาวโปรเตสแตนต์

โดยการที่เธอตัดสินใจเขียนจดหมายถึงชายที่มีนามว่า มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ที่จะเป็นสามีของเธอต่อไปในอนาคต

ในวันที่ 4 เมษายน ปี 1523 อันเป็นคืนก่อนวันอีสเตอร์ซึ่งมีงานเฉลิมฉลองการฟื้นคืนจากความตายของพระคริสต์

มาร์ติน ลูเธอร์ ได้ส่งชายผู้หนึ่งที่มีหน้าที่ส่งปลาแฮร์ริงสดให้กับอารามแห่งนี้มารับตัวแคตธาริน่าและเพื่อนของเธอ

หลังจากขนถ่ายปลาทั้งหมดลงจากรถ บรรดานางชีทั้งหลายได้ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมในรถอันอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวปลา

พวกเธอทั้งหมดเดินทางไปถึงเมืองวิตเตนเบิร์ก-Wittenberg อันเป็นศูนย์กลางของการปฏิรูปศาสนาและชาวโปรเตสแตนต์

ในช่วงแรก มาร์ติน ลูเธออร์ หาได้มีความพึงพอใจในสตรีนางใดไม่ เขาส่งจดหมายถึงผู้ปกครองของนางชีแต่ละนางโดยให้ข้ออ้างว่าพวกนางไม่ได้เลื่อมใสและศรัทธาในศาสนจักรที่มีศูนย์กลางที่วาติกันอีกต่อไปแล้ว และขอให้ผู้ปกครองเหล่านั้นรับนางชีเหล่านี้กลับบ้านหรือปล่อยให้พวกเธอมีความเชื่อได้อย่างอิสระ

นางชีทั้งหมดได้รับการปฏิเสธและตกเป็นภาระของ มาร์ติน ลูเธอร์ ในการหาครอบครัวใหม่ให้พวกนาง ไม่ว่าจะผ่านทางการแต่งงานหรือการหางานให้ทำ

เขาใช้เวลาสองปีจัดการปัญหานี้ให้นางชีทุกคนจนสำเร็จ

เว้นแต่ แคตธาริน่า ฟอน โบร่า เพียงคนเดียว

ในตอนแรกนั้น แคตธาริน่า ฟอน โบร่า อาศัยอยู่กับเจ้าหน้าที่เมืองวิตเตนเบิร์กคนหนึ่งก่อนจะโยกย้ายไปยังครอบครัวอื่นและอื่นๆ อีก

มาร์ติน ลูเธอร์ พยายามหาคู่สมรสให้เธอ หากแต่ แคตธาริน่า ฟอน โบร่า ปฏิเสธ

เธอบอกว่ามีชายสองคนเท่านั้นที่เธอยินดีจะแต่งงานด้วย

คนหนึ่งนั้นคือ นิโคลาส ฟอน อาร์มสดอฟ-Nicolaus von Amsdorf ผู้ช่วยของมาร์ติน ลูเธอร์

และอีกคนนั้นคือตัว มาร์ติน ลูเธอร์ เอง

ข้อเสนอที่ว่านี้หนักใจ ในหมู่ผู้ก่อตั้งไม่มีใครสนใจชีวิตสมรสเลย

และการแต่งงานสำหรับเขานั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย

ในแง่ของผลดีนั้น มาร์ติน ลูเธอร์ จะมีโอกาสได้แสดงแบบอย่างของครอบครัวชาวโปรเตสแตนต์

แต่ในข้อเสียนั้นมันอาจก่อให้เกิดคำติฉินนินทาได้มากมาย

ทว่าในที่สุดแล้ว มาร์ติน ลูเธอร์ ได้ตัดสินใจสมรสกับ แคตธาริน่า ฟอน โบร่า

เขาบันทึกว่าการแต่งงานของเขาครั้งนี้นั้น “คงทำให้บิดายินดี สันตะปาปาขัดเคือง เหล่าเทวดาขบขัน และเหล่าปีศาจร่ำไห้”

งานแต่งงานระหว่าง มาร์ติน ลูเธอร์ และ แคตธาริน่า ฟอน โบร่า จัดขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายน ปี 1525 สองปีหลังจากที่แคตธาริน่าหนีออกจากอาราม และสี่ปีหลังจากที่ มาร์ติน ลูเธอร์ ถูกไต่สวนทางศาสนา

ในยามนี้ มาร์ติน ลูเธอร์ มีอายุได้ 41 ปีแล้วซึ่งนับว่าสูงอายุเอามากๆ ในขณะนั้น

ส่วน แคตธาริน่า ฟอน โบร่า มีอายุเพียง 26 ปี

หลังแต่งงาน แคตธาริน่าไม่ได้รอให้เวลาสูญเปล่า เธอเริ่มต้นจัดการกิจการในอารามที่บรรดาเหล่าผู้ปฏิรูปศาสนาอาศัยอยู่ อันได้แก่ อารามออกัสติเนี่ยน-Augustinian ในเมืองวิตเตนเบิร์ก

การจัดการของเธอนั้นเริ่มแต่จัดหาอาหารให้พอเพียงทั้งการเลี้ยงสัตว์ที่ให้เนื้อและให้นม การจัดหาเครื่องดื่มโดยการที่เธอสร้างโรงต้มเบียร์ขึ้นเอง

นอกจากนี้ เธอยังก่อตั้งโรงพยาบาลที่มีอาสาสมัครเป็นชาวโปรเตสแตนต์เพื่อใช้ดูแลผู้ที่เดินทางมาที่นั่นเพื่อรับคำสอนและแนวคิดจาก มาร์ติน ลูเธอร์

การงานอันหนักหน่วงเช่นนี้ทำให้เธอต้องตื่นขึ้นทำงานนับตั้งแต่สี่นาฬิกาในยามเช้าจนถึงเที่ยงคืน

และทำให้ มาร์ติน ลูเธอร์ ขนานนามเธอว่า “ดวงดาวรุ่งสางแห่งอาราม”

อย่างที่คาดการณ์ไว้ชีวิตครอบครัวระหว่าง มาร์ติน ลูเธอร์ และ แคตธาริน่า ฟอน โบร่า ได้กลายเป็นแบบฉบับของชีวิตครอบครัวแห่งชาวโปรเตสแตนต์

การที่ มาร์ติน ลูเธอร์ ได้สละความเป็นบาทหลวงและเข้าสู่ชีวิตสมรสอย่างเปิดเผยย่อมทำให้ทุกย่างก้าวในชีวิตคู่ของเขาถูกจับจ้องทั้งจากฝ่ายผู้สนับสนุนและคัดค้าน

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่แม้จะมีภารกิจมากมาย แต่ชีวิตครอบครัวเป็นไปอย่างราบรื่น

มาร์ติน ลูเธอร์ ถือเอาเป็นเกียรติที่จะปรึกษาทุกกิจการงานสำคัญในการปฏิรูปศาสนากับแคตธาริน่า ฟอน โบร่า

และตัวแคตธาริน่า ฟอน โบร่า เองก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนในกิจการงานเหล่านั้น

ในบันทึกของ มาร์ติน ลูเธอร์ มีการแสดงออกว่า แคตธาริน่านั้นทรงอิทธิพลเช่นไรต่อชีวิตของเขา

“หล่อนนั้นโน้มน้าวฉันให้ทำในสิ่งที่หล่อนต้องการ หล่อนคือผู้ที่ควบคุมอำนาจในที่นี้อย่างแท้จริง”

ในขณะที่แคตธาริน่าเรียก มาร์ติน ลูเธอร์ ว่า “ท่านศาสตราจารย์ทุกคำ” อันเป็นการให้เกียรติต่อความรู้และความเป็นผู้นำในการปฏิรูปศาสนาของเขา

ก่อนที่ มาร์ติน ลูเธอร์ จะเสียชีวิตลงในปี 1546 ด้วยอายุ 62 ปี ทั้งคู่มีบุตรธิดาด้วยกันถึงหกคน (และแท้งเสียหนึ่งคน)

ความตายของ มาร์ติน ลูเธอร์ ก่อให้เกิดความยากลำบากแก่ชีวิตครอบครัว เพราะถึงแม้เขาจะทำพินัยกรรมมอบทุกอย่างที่เขามี (อันได้แก่ ที่ดิน ฝูงสัตว์และสิ่งต่างๆ)

หากแต่พินัยกรรมนั้นกลับขัดกับกฎหมายในแคว้นแซกโซนี อันทำให้ แคตธาริน่า ฟอน โบร่า ไม่อาจครอบครองสิ่งเหล่านั้นได้

อีกทั้งรายได้ที่เธอเคยได้จากการที่ มาร์ติน ลูเธอร์ ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ก็จบสิ้นลงด้วย

คำแนะนำของ มาร์ติน ลูเธอร์ ที่ให้เธอขายทรัพย์สินเหล่านี้เสีย แล้วหาที่พักพิงที่มีขนาดเล็กและมีความวุ่นวายน้อยกว่าในชีวิตบั้นปลายของเธอจึงไม่อาจกระทำได้เลย

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดของแคตธาริน่าหาได้จบสิ้นลงเพียงเท่านี้ สงครามระหว่างพระเจ้าชาร์ลส์ที่หนึ่งแห่งสเปนที่สนับสนุนศาสนจักรโรมันคาทอลิก และเหล่ากษัตริย์และเชื้อสายกษัตริย์ในเยอรมนีที่สนับสนุนนิกายลูเธอร์แรนของ มาร์ติน ลูเธอร์ ได้บังเกิดขึ้นในดินแดนแถบแซกโซนี

แคตธาริน่าต้องพาครอบครัวหลบหนีไปยังเมืองแม็กเดอเบิร์ก-Magdeburg

สงครามที่ว่านี้กินเวลาหนึ่งปี และเมื่อ แคตธาริน่า ฟอน โบร่า กลับมายังที่อยู่อาศัยของเธอในเมืองวิตเตนเบิร์ก สิ่งที่เธอพบก็มีแต่ความปรักหักพังเท่านั้นเอง