การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ บันทึกจากชื่นใจ

[ถึงแม่…

แม่จ๋า… 1 ปีเต็มแล้วสินะ ที่แม่ไม่ได้เจอลูก แม่คิดถึงลูกบ้างมั้ย ลูกคิดถึงแม่จังเลย ลูกไม่มีเวลาว่างสักนิด อยากไปหาแม่ แม่จ๋า ลูกหวังว่าแม่คงสบายดีนะ ลูกก็สบายมั่ง ไม่สบายมั่ง

แม่…ไม่คิดที่จะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกๆ เลยเหรอ แม่รู้มั้ย ลูกเสียใจ ที่แม่ไม่คิดถึงลูกเลยสักนิด แม่ปล่อยให้ลูกเดินเส้นทางชีวิตเพียงคนเดียว ลูกมืดมิดหมดแล้วแม่จ๋า ลูกไร้ที่พึ่ง ขาดทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ปราศจากคนดูแลเอาใจใส่

ความหวังสุดท้ายคือ…ผู้บังเกิดเกล้า ลูกอยากมีชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ลูกต้องการความอบอุ่น ความดูแล เอาใจใส่จากแม่ผู้เป็นที่รัก

ลูกอยากซบกับอกอุ่นๆ ของแม่ร้องไห้ เพื่อให้แม่ปลอบใจลูก แม่จ๋า…ลูกอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่กับแม่ ลูกสัญญาว่าจะเลี้ยงแม่ตลอดไป ลูกโตพอที่จะทำให้แม่มีความสุข ไม่ลำบากเหมือนก่อนๆ มา

ลูกรักแม่ เมื่อขาดจากแม่ รู้สึกขาดทุกสิ่งในชีวิต มองหาอนาคตมืดมน ลูกอยากให้แม่เป็นแสงช่วยส่องชี้ นำทางให้ลูกเดินถูกทางด้วยจ้ะแม่

ขอให้แม่มีความสุข

รักและเคารพ

ลูก…ชื่นใจ

เดือนมิถุนายน

 

วันนี้…ฉันยังคงเหงาอยู่เช่นเดิม

ท้องทุ่งเหลืองอร่ามด้วยรวงข้าว เธออาจจะยังคงไม่รู้

ว่ามีใครคนหนึ่งถวิลหา ระลึกถึง จากส่วนหนึ่งที่ลึก-ลึก และมั่นคง

 

ดวงตะวันใกล้ลับไป…เธอคงจะสนุกกับการมีเพื่อนอยู่รายล้อมตัว

เธอคงจะมีความสุข…

คงจะไม่มีจิตใจหวนนึกถึงใครบางคน

ที่คอยรอการกลับมาของเธอด้วยความหวังอย่างมีค่า

ฉันเดินอย่างโดดเดี่ยว

วันนี้ที่ผ่านมาหลาย-หลายวันจนนับไม่ได้

ช่างไม่มีอะไร-อะไร เช่นวันเก่าก่อน

 

นึกย้อนมองภาพอดีต

ฉันเคยมีเธอเดินเคียงคู่…โอบอุ้มหัวใจดวงน้อยๆ ของฉันไว้

………

………

ดอกหญ้าสีเทานุ่มเปื้อนฝุ่นที่อยู่ข้างหน้า พัดพลิ้วตามสายลมแรง

มันคงจะไร้ค่ามาก-มาก แม้จะมีใครหลายคนเข้าใกล้ ก็แค่มองแล้วเดินผ่านไป

สุดท้าย มันก็ต้องอยู่เพียงโดดเดี่ยวเดียวดาย…

ทุกอย่างมันอาจเป็นเหมือนฉันและเธอ…นะ

ชื่นใจ

4 ธันวาคม

 

เพื่อนรัก

เพื่อนรัก…เธอจะรังเกียจฉันหรือไม่ ถ้าเธอได้เห็นสภาพของฉัน โดยที่เธอไม่เคยคิดว่าฉันจะทำอย่างนั้น ฉันจะไม่บอกนะ ว่าฉันทำอะไรเอาไว้ ให้เธอเห็นก่อนดีกว่า ฉันมีเหตุและผลพอที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจ แต่…ถึงอย่างไร เธอคงพอจะเข้าใจฉันดีกว่าคนอื่นๆ

ฉันคิดถึงเธอมากนะ อยากมีเธอช่วยปลอบใจฉัน ยามที่ฉันเหงา…ทุกข์…และขมขื่น ฉันไม่มีใครๆ อย่างที่เธอคิดหรอกนะ ถึงจะมีเพื่อนๆ และ…แต่เขาเหล่านั้น ก็ไม่เคยเข้าใจในความรู้สึกเท่าตัวเราเอง

บางครั้ง ฉันอยากแสวงหาสิ่งที่ทดแทนความเงียบและว่างเปล่า ตอนนี้ชีวิตของฉันกำลังเดินขึ้นสู่ความละอาย และไม่ค่อยดี

สภาพแวดล้อม เงิน และปัญหา ทำให้ฉันคิด ทำให้ฉันกล้าและทำลงไปในที่สุด ฉันรู้ตัวเองดี ฉันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในสายตาของหลายๆ คน แต่ส่วนน้อย ฉันจะเป็นคนดี สำหรับคนที่เขารักและหวังดีเช่นเธอ

ฉันไม่แคร์ใครๆ นอกจากเธอและเขา

 

ที่รัก…สัญญาได้ไหมว่า เธอจะรัก เธอจะเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันตลอดไป

เธอจะไม่รังเกียจคนที่ไร้หนทางอย่างฉัน ฉันหวาดหวั่นเหลือเกินว่า วันข้างหน้าฉันจะไม่มีเธอ ไม่มีเขา และเพื่อนที่เข้าใจฉันอีก

แม่ของฉันก็ทุกข์ทรมาน อยู่ที่นี่พ่อเลี้ยงกับแม่ทะเลาะกันอย่างไม่นึกถึงใจฉันบ้าง มึงๆ ฮาๆ อวดเก่ง อวดใหญ่ ฉันอาย ฉันสงสารแม่ของตัวเอง อยากหนีจากที่นี่ไปให้พ้นๆ แม่ พ้นสภาพที่ขมขื่น

ฉันอยากตาย อยากหนี อยากทำอะไรที่มันบ้าๆ ไปเลย ถ้าไม่มีแม่ น้อง เธอ และเขา…คอยเตือนฉัน ฉันคงทำอะไรที่ใจตัวเองปรารถนาไปแล้ว

คิดๆ แล้วมันน่าอดสู เบื่อหน่าย และเศร้าหมองนะ ชีวิตของแต่ละคนนี่ มันไม่มีสิ่งที่แท้และแน่นอนเลย

 

เพื่อนรัก

ตอนนี้เราอายุ 17 ปีแล้วสินะ

ชีวิตของฉัน วันๆ ก็ทำสวน ตอนนี้กำลังทำสวนถั่ว และบางวันก็ไปรับจ้างถอนกระเทียมวันละ 25 บาท

2-3 วันที่ผ่านมาเป็นไข้ นอนซมอยู่ที่บ้าน พึ่งออกไปรับจ้างวันนี้เอง ตอนนี้สมุดเขียนยังไม่มีเลย ต้องขอแม่ 3 บาท ดูซิ

ค่ารับจ้างวันนี้ ซื้อผ้า…กล่องนึง 8 บาท นอกนั้นให้แม่ซื้อกับข้าวตอนเย็น แม่บอกว่าเหลือ 3 บาท

อ้อ! ฉันคิดถึงภาพที่เธอเคยวาด อยากให้เธอวาดภาพฉันบ้างจัง เธอช่วยวาดฉันหน่อยได้มั้ย หวังว่าเธอคงนึกใบหน้าของฉันออกนะจ๊ะ กวีคิดไม่ค่อยจะออกและไม่ลึกซึ้งเหมือนของเธอ แต่ฉันเขียนออกจากดวงใจนะ

สุดท้าย ขอให้เธอมีความสุขและร่าเริงเหมือนวัยของเธอตลอดไป

วันแห่งความรัก ฉันจะรักเธอให้มากที่สุด และจะคิดถึงเธอให้มากกว่าวันธรรมดาจ้ะ

ชื่นใจ

 

พี่สามีของฉันเขาว่าฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเธอ ฉันก็คิดว่ามันคงเป็นรางวัลที่มีคุณค่าที่เกิดมาได้สัมผัส ได้รู้ ได้พบ ได้คบหา จนกระทั่งได้รัก ได้ผูกพันกับเธอ

ฉันมักพูดถึงเธอบ่อยๆ มันสบายใจ ทำให้ฉันได้นึกถึงสิ่งผ่านมา ฉันรักเธอนะ…คิดว่าเธอคงรับรู้ รักอย่างที่เคยรัก แม้กระทั่งแฟนฉัน เขายังเข้าใจว่าคำว่าเพื่อน มันยาวนานได้ และงดงามยิ่งกว่าหากเรารักษามันไว้

เธอยังอยู่ในความทรงจำของฉันและจะอยู่อย่างนั้นตลอดไป

บ่อยครั้งที่ฉันถามถึง และพยายามติดตามข่าวคราวของเธอ มันมีแต่ความเปล่าว่าง ไม่รู้ว่าเธอสุขหรือเธอทุกข์

พี่ แม้เธอจะอยู่ไกลแสนไกลแค่ไหน ในนิยามที่เธอเหงา ในนิยามที่อ่อนล้า เธอท้อ เธอร่ำไห้ คิดถึงฉันนะ ฉันยังอยู่ในจุดเดิมที่มิเคยเปลี่ยนแปลง

หากว่ามีเวลาพอว่างก็เขียนจดหมายมานะ ที่นี่ไม่มีใครว่า ฉันไม่มีใคร ไม่คบใคร ฉันพยายามค้นหาแต่เธอ เฝ้าคิด เฝ้าพร่ำ และพูดถึง…

 

ตอนนี้ท้องได้ 6 เดือนแล้ว สามีเขาเอาใจใส่ พยายามดูแลเสมอ อีกไม่นาน คนที่จะลืมตามองโลกก็มีศักดิ์เป็นหลานเธอ

ฉันจะพยายามสอนเขาให้ได้รับความอบอุ่น ให้ในสิ่งที่ดีที่สุด จะพยายามเป็นแม่ให้มีคุณค่า และจะบอกเขาเป็นคนแรกว่าชีวิตเขามีน้าอีก 1 คน ที่แม่รักและศรัทธา เขาอยู่ไกลจากแม่เหลือเกิน และเขาคงมาเยี่ยมเราสักวัน

 

ช่วงปลายเดือนกันยายน ฉันได้ข่าวว่าแม่เธอไม่สบาย ฉันไปเยี่ยมแต่ไม่เจอ เพราะแม่เธอไปพักอยู่บ้านญาติ ได้ข่าวว่าเธอจะกลับมาด้วย ตอนนั้นเจอน้องสาวเธอ เขาบอกว่าเธอไม่สบาย ฉันขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองเธอให้หายเร็วๆ ไม่ทราบว่าเธอเป็นอะไร?

เธอคงหักโหมเรื่องงานจนเกินไป จนทำให้ตนเองไม่สบาย เหนื่อยนักก็พักผ่อนบ้าง ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ค่อยจะมีเวลา น้องสาวเธอบอกว่า นานๆ พี่จดหมายมา มีแต่คนถามถึง คงมีคนคิดถึงเธอไม่น้อยไปกว่าที่ฉันคิดถึง ฉันห่วงใยเธอมากมายเหลือเกิน

วันไหนที่ฉันอยู่คนเดียวมักจะคิดเสมอว่าถ้าเรายังอยู่ที่บ้าน เราคงไม่ห่างกัน ไม่มีสิ่งไหนมาทดแทน ไม่มีใครมาไถ่ถามถึง และตอกย้ำให้เราเจ็บปวด…

ชีวิตของฉันบางวันมีความสุขอย่างเหลือล้น บางวันฉันนอนร้องไห้อย่างคนทุกข์ทรมาน ถ้าฉันเลือกได้ ให้ฉันอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง และในขณะที่มีเธออยู่เคียงข้าง ฉันอยู่กับเธอดีกว่า และเลือกที่จะเป็นอะไรก็ได้สำหรับเธอ แต่อย่างว่านั่นแหละ ชีวิตฉันมันไม่มีทางเลือก

เมื่อได้เลือก มันก็คงพอเพียงและจำเป็นต้องดำเนินไปตามเส้นทางนั้น

 

พี่จ๊ะ

ตอนนี้ ฉันกำลังจะตั้งชื่อลูก สามีเขาว่าอยากเอาอักษรพ่อ-แม่ผสมกัน เขาชอบสายน้ำ อยากให้มีความหมาย เป็นสายน้ำ สำหรับชื่อลูกผู้ชาย ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าคงเอาตัวอักษรที่เหมือนชื่อเธอแน่นอน เพราะมันมีความหมายสำหรับฉันและเธอ…

หากเธอมาบ้านเมื่อไหร่ มาเยี่ยมฉันบ้างนะ ยินดีต้อนรับเสมอ

รักเธอ

ชื่นใจของเธอ

 

แทบตาพร่าพราย เมื่อไล่อ่านสมุดบันทึกเบื้องหน้า กระดาษสีขาวเก่ามอม บ้างเหลืองคร่ำคร่า รอยฉีก รอยยับ กลับไม่สามารถทำลายเนื้อหาใจความได้เลย

ตัวหนังสือเหมือนต้นหญ้าเล็กๆ ที่ไหวเอนไปมาตามแรงคลื่นอารมณ์ บางครั้งตั้งตรงอย่างหนักแน่น บางวันกลับโย้เย้สั่นคลอน บางครั้งมีรอยขีดฆ่าจนกระดาษเกือบขาด บางวันมีภาพระบายด้วยสีไม้สีเทียน

ชื่นใจคงเขียนบันทึกทุกวัน…เช่นเดียวกับฉัน และเราก็ต่างเขียนถึงกันตลอดเวลาที่ไม่ได้พบหน้า

แต่ที่น่าสะท้อนใจยิ่งนัก บันทึกจากชื่นใจทำให้ฉันได้รับรู้เรื่องราวของแม่…มากกว่าที่ตัวเองจะได้รู้เอง

เหมือนชีวิตเล่นตลกกับเรา แกล้งโยนเราอยู่ไปมา จากฟ้าตกลงดิน

แล้วจากดินก็เหวี่ยงเราสูงขึ้นไปก่อนจะตกลงมา…ซ้ำๆ