ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต /’Ferrari Portofino M’ สปอร์ตเปิดประทุน-แรงจัด

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

‘Ferrari Portofino M’

สปอร์ตเปิดประทุน-แรงจัด

 

ตั้งตารอกันทั้งโลกก็ว่าได้กับม้าลำพองตัวใหม่ “Ferrari Portofino M” (เฟอร์รารี่ พอร์โตฟิโน เอ็ม) รถ GT เปิดประทุนแบบ 2 ที่นั่ง

เฟอร์รารี่ นิยามรถรุ่นนี้ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งการออกเดินทางอีกครั้ง

หลังจากที่ทั่วโลกประสบวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเฟอร์รารี่เองต้องปิดโรงงานไปพักใหญ่ ก่อนกลับมาเปิดได้เมื่อปัญหาโควิดเริ่มเบาบางลงบ้าง

และ “Ferrari Portofino M” คือรุ่นแรกจากสายการผลิตที่นำออกมาโชว์

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาโควิดยังไม่หมดไปเสียทีเดียว ยังต้องรักษาระยะห่างกันอยู่ เฟอร์รารี่จึงวางแผนเปิดตัวรถรุ่นนี้แบบออนไลน์

ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีของค่ายม้าลำพองที่ทำแบบนี้

สำหรับรถรุ่นนี้มีกิมมิกเล็กๆ กับตัวอักษร “M” ที่ต่อท้าย ซึ่งย่อมาจาก “Modificata” หมายถึงรถยนต์ที่ผ่านการพัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะขึ้นไปจากเดิม

 

“Ferrari Portofino M” เป็นรถเปิดประทุนหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ (RHT – Retractable Hard Top)

ด้านหน้าของรถและกันชนได้รับการออกแบบใหม่ให้มีภาพลักษณ์แบบสปอร์ตและดุดันกว่าเดิม เพื่อเน้นย้ำให้เห็นพัฒนาการทางเทคโนโลยีของรถรุ่นนี้ได้เด่นชัดยิ่งขึ้น

ทั้งภายในและภายนอกให้ความรู้สึกที่กลมกลืนของการแสดงออก และเจตนาที่คมชัดแต่ยังคงความนุ่มนวลและพลิ้วไหวมากขึ้น

มีบุคลิกแบบสปอร์ตมากกว่ารุ่นเก่าๆ เพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารมากขึ้น

ฟีเจอร์ที่เพิ่มมาใหม่อย่างเช่น ADAS และเบาะนั่งแบบระบายอากาศและทำความร้อน

ภาพรวมภายนอกดูสปอร์ตมากขึ้น ในช่วงการปิดหลังคาให้อารมณ์รถคูเป้ขนานแท้

และเป็นรถสไปเดอร์ที่แท้จริงเมื่อเปิดหลังคา

มีความครบครันตามแบบฉบับของรถ GT ขนานแท้ ทั้งในด้านของสมรรถนะ, ความเร้าใจในการขับขี่, ความคล่องตัว และสามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ในชีวิตประจำวัน

 

ขุมพลังอลังการงานสร้างด้วยเครื่องยนต์ วี8 เทอร์โบ ความจุ 3,855 ซีซี ที่ได้รับรางวัล “International Engine of the Year” ถึง 4 ปีซ้อน ปรับแต่งใหม่จนรีดแรงม้าได้สูงถึง 620 แรงม้า ที่ 5,750-7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตร ที่ 3,000-5,750 รอบ/นาที

เมื่อเทียบกับรุ่น “Portofino” แล้วกำลังเพิ่มขึ้นอีก 20 แรงม้า

ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.45 วินาที

ความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทำงานควบคู่ระบบส่งกำลังเกียร์แบบ 8 จังหวะ ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดแทนที่เกียร์ 7 จังหวะของเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้

ถือว่าเป็นการนำเกียร์ 8 จังหวะมาใช้ในรถเฟอร์รารี่เปิดประทุนเป็นครั้งแรก

เป็นเกียร์ที่ใช้คลัตช์คู่แบบแช่ในน้ำมัน พร้อมด้วยชุดคลัตช์ที่มีขนาดเล็กลง 20% และถ่ายทอดแรงบิดได้สูงขึ้น 30%

นวัตกรรมที่สำคัญที่สุดก็คือระบบ “Manettino” แบบ 5 โหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งกับรถ GT เปิดประทุนของม้าลำพอง

จุดประสงค์เพื่อเพิ่มแฮนด์ลิ่งและการยึดเกาะถนนของเฟอร์รารี่ Portofino ให้สูงขึ้นไปอีก ผ่านโหมด Race ที่เพิ่มเข้ามา เพิ่มอรรถรสในการขับขี่และความสนุกหลังพวงมาลัยให้มากยิ่งขึ้น

โดยมีระบบ Ferrari Dynamics Enhancer ทำงานสนับสนุนควบคู่กันไป

รถรุ่นนี้มีมิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,938 x 4,594 x 1,318 ม.ม. ระยะฐานล้อ 2,670 ม.ม. น้ำหนักรถเปล่า 1,545 ก.ก.

สนใจรถรุ่นนี้สอบถามเพิ่มเติมได้ทางบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ

 

ปิดท้ายกับตลาดรถยนต์ในเมืองไทย ที่เริ่มมีข่าวดีกับการพลิกฟื้นเล็กๆ เมื่อนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ออกมาระบุตัวเลขการผลิตรถยนต์เดือนสิงหาคม

ผลิตได้ 117,253 คัน ซึ่งเป็นอีกครั้งที่การผลิตรถยนต์กลับมาผลิตได้เกินหนึ่งแสนคัน ลดลง 29.52% จากเดือนสิงหาคม 2562

ผลิตเพื่อส่งออก 51,441 คัน ลดลง 38.28% และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศผลิตได้ 65,812 คัน ลดลง 20.73% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 31.25%

ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ 8 เดือนของปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม 2563) ผลิตได้ทั้งสิ้น 812,721 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42.08% โดผลิตเพื่อส่งออก 441,459 คัน ลดลง 39.01% และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศผลิตได้ 371,262 คัน ลดลง 45.35%

ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 68,883 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.1%

ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนสิงหาคม ส่งออกได้ 57,402 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.61%

โดยการส่งออกลดลงทุกตลาด เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศคู่ค้าลดลงจากการระบาดของโควิด-19 และยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 34,628.99 ล้านบาท ลดลง 24.22%

 

อย่างไรก็ตาม หากดูยอดขายรถยนต์ในประเทศและการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนสิงหาคม เทียบกับเดือนก่อนหน้าเริ่มปรับตัวดีขึ้น

โดยยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 16.09% และการส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 15.81%

ประกอบกับอัตราการลดลงของการส่งออกเดือนสิงหาคมน้อยกว่าเดือนกรกฎาคม ถือเป็นสัญญาณที่ดีหลังค่อยๆ ผ่อนคลายการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ

ทำให้ปีนี้ ส.อ.ท.ยังคงเป้าหมายการผลิตรถยนต์ 1.4 ล้านคัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 700,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออก 700,000 คัน

แม้ดูตัวเลขการขายในประเทศและส่งออกยังลดลงอย่างวูบวาบ แต่หากเทียบเดือนต่อเดือนถือว่าค่อยๆ ขยับดีขึ้น

อีกทั้งค่ายรถเองขยันออกแคมเปญกันหนักๆ ติดต่อกันมาหลายเดือนแล้ว รวมทั้งช่วงเวลาที่เหลือของปียังมีอีก 2 งานคาร์โชว์รออยู่

ทั้ง “ฟาสต์ ออโต้ โชว์” ของกูรูรถชื่อดัง “พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ” จัดระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม- 1 พฤศจิกายน ที่ไบเทค บางนา

และงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” จัดระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

น่าจะช่วยขยับยอดขายรถได้มากอีกพอสมควร