ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : ลองของ “นิสสัน โน้ต” อีโคคาร์ 5 ประตู-ฟีเจอร์เด่น

สันติ จิรพรพนิต

ลองของ “นิสสัน โน้ต” อีโคคาร์ 5 ประตู-ฟีเจอร์เด่น

หลังจบสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสประเดิมทดสอบรถยนต์รุ่นหนึ่งซึ่งกำลังเมียงๆ มองๆ หาโอกาสเหมาะๆ เนื่องจากเป็นรถใหม่รุ่นแรกที่เปิดตัวในปีนี้

นั่นคือ “โน้ต” (Note) อีโคคาร์จากค่าย “นิสสัน” เจ้าพ่อรถอีโคคาร์เมืองไทย

นิสสัน โน้ต เป็นอีโคคาร์ ลำดับที่ 3 ต่อจาก “มาร์ช” รถ 5 ประตู และอัลเมร่า เก๋ง 4 ประตู

แต่เดิมผมเข้าใจว่าโน้ต น่าจะมาทำตลาดแทนมาร์ช อีโคคาร์รุ่นแรกของเมืองไทยที่เปิดตัวมานานนมแล้ว

ทว่า ด้วยยอดขายของมาร์ช ที่เดินได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะรุ่นล่างๆ ทำให้นิสสัน ส่งโน้ต มาทำตลาดคู่กัน

โน้ตจึงมีให้เลือกแค่ 2 รุ่นคือ “1.2V” และ “1.2 VL” ขายคู่กับมาร์ช ตัวล่าง โดยรุ่นท็อป-รองท็อปของมาร์ช หยุดทำตลาดไป

ด้วยความที่โน้ตถือว่ามาหลังสุดในกลุ่มอีโคคาร์ด้วยกัน อีกทั้งความสำเร็จของรุ่นพี่ก็ล้นเหลือ

จึงอย่าแปลกใจว่าเหตุใดโน้ตจึงมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ และใส่อ็อปชั่นหลายอย่างที่ถือเป็นครั้งแรกของเซ็กเมนต์อีโคคาร์ด้วย

ผมติดต่อขอนิสสัน โน้ต มาทดสอบแบบด่วนสุดๆ เนื่องจากมีภาระเพิ่มขึ้นเพราะต้องเข้าไปร่วมรับผิดชอบผลิตรายการ “โชว์รูม ประชาชื่น” รายการรถยนต์ที่ออกอากาศทางเพจ “ข่าวสด” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 19.00 น. เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา

แต่เนื่องจากรายการนี้ได้รับคำสั่งให้ผลิตออกอากาศแบบเร่งด่วนสุดๆ โดยไม่มีสต๊อกเก็บไว้เลย จึงระดมทีมงานทั้งโต๊ะรถยนต์ หนังสือพิมพ์ข่าวสด ที่ผมรับผิดชอบอยู่ และทีมถ่ายทำจากมติชนทีวี จัดหนักกันเต็มเหนี่ยว

ผลตอบรับถือว่าน่าพอใจกับสถิติผู้เข้าชมเฉียดๆ แสนครั้ง ในแต่ละเทปที่ออก ทำให้หายเหนื่อย

และนิสสัน โน้ต เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ผมจำเพาะเจาะจงเป็นพิเศษที่อยากทดสอบ เพื่อออกอากาศและลงในสื่อสิ่งพิมพ์ด้วย เนื่องจากอ็อปชั่นและฟีเจอร์ต่างๆ น่าสนใจมั่กๆ

ทีมการตลาดนิสสัน จัดรุ่นท็อป 1.2 VL มาให้ในพลัน เป็นสีขาวมุกทำให้ดูรูปร่างใหญ่โตขึ้นไปอีก

ซึ่งจริงๆ แล้วนิสสัน โน้ต เป็นอีโคคาร์ 5 ประตูที่บิ๊กเบิ้มอยู่แล้ว เรียกว่าเหนือสุดในกลุ่มเซ็กเมนต์เดียวกัน หรือเซ็กเมนต์ที่ใหญ่กว่าด้วยซ้ำ

มิติตัวถังยาว 4,105 ม.ม. กว้าง 1,695 ม.ม. และสูง 1,535 ม.ม. ระยะฐานล้อ 2,600 ม.ม. ถือว่าอลังการมาก

ทำให้ภายในใหญ่โตเหลือเชื่อ โดยเฉพาะที่นั่งแถวหลังมีเลกรูม หรือที่วางเท้า และเฮดรูม ที่ว่างเหนือศีรษะ เหลือเฟือจริงๆ

ผมลองเข้าไปนั่งแถวหลังต้องบอกว่าใหญ่จริง ไรจริง

ขณะที่วัสดุต่างๆ ถือว่าดีทีเดียว เนื่องจากรุ่นนี้เป็น “โกลบอล แพลตฟอร์ม” ผลิตเหมือนกันทั้งโลก

ภายในรุ่นนี้ใช้สีดำเป็นหลักแต่ไม่ดูคับแคบ พวงมาลัยไฟฟ้าทรงสปอร์ตแบบ D-Shape ด้านล่างจะเป็นทรงตัดไม่ได้กลมทั้งวง เห็นบ่อยในรถยุโรป หรือรถสปอร์ต

มาตรวัดเรืองแสงอัจฉริยะมัลติฟังก์ชั่น ดิสเพลย์ (MID) แสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงระยะการเข้ารับบริการ อุณหภูมิภายนอก นาฬิกาดิจิตอล เสียงสัญญาณเตือนลืมปิดไฟหน้า ระบบเตือนเมื่อลืมกุญแจ

มีปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ เนื่องจากใช้กุญแจรีโมตอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อมระบบ Immobilizer เพียงพกรีโมตติดตัว สามารถเปิด-ปิดประตูได้ที่ปุ่มรับสัญญาณบริเวณประตูหน้าทั้งซ้าย-ขวา รวมถึงประตูที่ 5

ช่องแอร์เป็นทรงกลมเพิ่มความสปอร์ต และล้อกับระบบควบคุมเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ซึ่งเป็นรูปทรงกลมเช่นกัน

วิทยุ ซีดี เอ็มพี 3 แบบ 1 แผ่น หน้าจอ LED แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อ AUX, USB, Bluetooth และช่องเชื่อมต่อ AV-in, HDMI ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบ Bluetooth ลำโพง 4 ตำแหน่ง

เบาะผ้าสีดำตกแต่งขอบด้วยสีเบจ โดยเบาะด้านผู้ขับขี่สามารถปรับสูง-ต่ำ พร้อมช่องเก็บของด้านหลังเบาะ เบาะหลังปรับแยกแบบ 60 : 40

ที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ช่องวางขวดน้ำที่แผงประตู 4 ตำแหน่ง ช่องวางของอเนกประสงค์ กล่องเก็บของด้านหน้า

ย้อนกลับมาดูด้านนอกกันหน่อย กระจังหน้าแบบ V-Motion เอกลักษณ์การออกแบบภายนอกของนิสสัน

ไฟหน้าแอลอีดี โปรเจ็กเตอร์เลนส์ มี “LED Signature Light” เป็นไฟหรี่แบบเส้นยาวๆ เหนือไฟหน้าเชื่อมกับกระจังหน้าอย่างลงตัว

กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวแบบแอลอีดีเหมือนกัน ใต้กระจกมองข้างเป็นกล้องมองรอบคัน (AVM-Around View Monitor) ซึ่งติดตั้งไว้ 4 ตัวที่ใต้กระจกมองข้าง 2 ฝั่ง กระจังหน้า และบานประตูหลัง

ส่งภาพมาที่กระจกมองหลังและสามารถปรับให้เห็นเฉพาะฝั่งซ้าย เพื่อความชัดเจน เนื่องจากฝั่งซ้ายของรถนี่เป็นจุดบอดของคนขับอยู่แล้ว

ภาพจะโชว์เมื่อเข้าเกียร์ถอย หรือหากอยากเห็นตอนออกตัวก็ทำได้เช่นกัน เพียงกดปุ่มบริเวณกระจกมองหลังภาพก็จะแสดงออกมาในช่วงออกตัวใหม่ๆ แต่พอเร่งความเร็วขึ้นภาพจะหายไปเอง

ไฟท้ายแบ่งเป็น 2 ส่วน ด้านบนแอลอีดีเป็นทรงบูมเมอแรง 2 แถว จะติดขึ้นเมื่อเปิดไฟหรี่และจะติดตลอดเวลา ส่วนไฟเบรกจะอยู่ด้านล่าง จะติดเมื่อเหยียบเบรกเท่านั้น ด้านบนเป็นสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรก

ประตูที่ 5 เปิดได้กว้างและง่ายเพราะมีโช้กอัพช่วยผ่อนแรง

ก่อนทดสอบขับจริงผมกังวลหน่อยๆ หลังเห็นสเป๊กเครื่องยนต์ว่ายกมาจากมาร์ชทั้งดุ้น ขุมพลังเบนซิน DOHC 3 สูบ 12 วาล์ว ความจุ 1,198 ซีซี ทำงานควบคู่กับระบบเกียร์ XTRONIC CVT D-Step Logic กำลังสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร

เนื่องจากขนาดตัวถังและน้ำหนักของโน้ตมากกว่ามารร์ชอยู่พอสมควร

แต่เมื่อได้ขับจริงๆ พบว่าดีกว่าที่คาดเอาไว้ค่อนข้างเยอะ อัตราเร่งตีนต้นมาได้เร็วและไม่อืดอย่างที่กังวล ความเร็วถึง 80 ก.ม./ช.ม. แป๊บเดียวเท่านั้น

อัตราเร่งไต่ไปถึง 120 ก.ม./ช.ม. ก็ไม่ช้าจนน่าอึดอัด

การทดสอบหนนี้ผมใช้ความเร็วสูงสุดราวๆ 140 ก.ม./ช.ม. ซึ่งยังเหลือที่ว่างให้เท้ากดลงได้อีก

หากแต่คิดว่านี่คือรถอีโคคาร์ ที่เน้นใช้ในเมืองมากกว่า ความเร็วระดับ 100-120 ก.ม./ช.ม. น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ใครจะกดมากกว่านั้น รถรุ่นนี้ก็รับมือได้

ช่วงล่างด้านหน้า “แม็กเฟอร์สัน สตรัต” พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบ “ทอร์ชั่นบีม” พร้อมเหล็กกันโคลง รับมือได้ทุกย่านความเร็ว ทุกการเข้าโค้ง

ส่วนอ็อปชั่นอื่นๆ นอกเหนือไปจากกล้องมองรอบคันที่เทียบได้กับรถยุโรปราคาหลายล้าน ยังมีระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ฯลฯ

สำหรับคนที่ไม่ใช่ขาซิ่งหนักๆ ต้องการรถที่ราคาเหมาะสม สะดวกสบายๆ ทุกที่นั่ง นิสสัน โน้ต น่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่ห้ามมองข้าม

มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ราคารุ่น “1.2V” 568,000 บาท และ “1.2 VL” ราคา 640,000 บาท