ชะตากรรมที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประสบจากกรณีของ นายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล

ก็อีหรอบเดียวกับชะตากรรม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

การตกเป็น “เหยื่อ” ทางการเมืองเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้โดยพลัน

พลันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าสู่ “การเมือง”

พลันที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้รับการกล่าวขวัญว่าอาจเป็น “หมายเลข 1” ในพรรคเพื่อไทย

หลังจากนั้นก็กลายเป็น “ตำบลกระสุนตก”

สภาพเช่นนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนลักษณะเหยียดเพศอันดำรงอยู่อย่างฝังลึกภายในสังคมไทย

ดูถูก ดูหมิ่น “สตรี”

หากแต่เมื่อแหย่งลงลึกไปในรายละเอียดอย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้นก็จะยิ่งเข้าใจ

“สตรี” นั่นแหละที่หมิ่นหยาม “สตรี” ด้วยกัน

 

ขอให้นำเอาบทเรียนและประสบการณ์ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องเผชิญนับแต่ตัดสินใจลงเลือกตั้งเมื่อปี 2554

แน่นอน มี “บุรุษ” ออกมาหยามหยัน ไยไพ

ทั้งบุรุษที่เป็น “นักการเมือง” และทั้งบุรุษที่เป็น นักเขียน นักหนังสือพิมพ์

นักเขียนการ์ตูนบางคนเปรียบเปรยไปขนาด GAREE

ขณะเดียวกัน บรรดานักการเมือง “สตรี” โดยเฉพาะระดับที่มีคำว่า “ดร.” นำหน้ายิ่งออกอาการเป็นพิเศษ

จีบปากจีบคอ เล่นงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดหน่าย

แทนที่จะรู้สึกว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทะยานไปสู่ตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” จะเป็นความภูมิใจ

กลับชิงชัง รังเกียจ

 

การที่ “บุรุษ” จะกดขี่ หยามหยัน ต่อ “สตรี” เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในรากฐานความเป็นมาทางประวัติศาสตร์

จากยุคทาส เข้าสู่ยุคเจ้าขุนมุลนาย กระทั่งยุคพ่อค้านายทุน

แต่การที่ “สตรี” ด้วยกันแสดงออกในลักษณะไม่ยอมรับและหยามหยัน “สตรี” ด้วยกัน

นับเป็นเรื่อง “เหลือเชื่อ”

การเหยียดเพศโดย “สตรี” ด้วยกันรุนแรงยิ่งกว่ามาจาก “บุรุษ”