ส่องร่าง รธน.ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน แก้ ม.256 เปิดประตูสู่การตั้ง ส.ส.ร. ก.ก.ขอ 5 หมื่นเสียง ปิดสวิตช์ ส.ว.

ยื่นต่อประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับร่างรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน 2 ฉบับ

โดยฝ่ายค้านปราศจากรายชื่อของพรรคก้าวไกล เนื่องด้วยพรรคก้าวไกลถอนชื่อออกกะทันหัน ในวันที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นร่างต่อนายชวน จนต้องขีดฆ่ารายชื่อที่ได้ลงนาม ก่อนยื่นต่อประธานรัฐสภากันเลยทีเดียว

ทำเอาพรรคเพื่อไทยต้องประชุมด่วน เพื่อเช็กท่าทีสมาชิกพรรคต่อความประสงค์ที่จะร่วมลงชื่อให้กับร่างรัฐธรรมนูญกับพรรคก้าวไกล

โดยพรรคเพื่อไทยมีมติ 99.99% ไม่ร่วมลงชื่อให้กับร่างของพรรคก้าวไกล

และถึงแม้ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคอื่นจะเห็นใจร่วมลงชื่อให้ แต่เสียงก็ไม่พอที่จะถึง 100 ชื่อ จึงไม่สามารถยื่นร่างต่อประธานรัฐสภาได้

ทำให้พรรคก้าวไกลต้องอาศัย 50,000 ชื่อจากประชาชน เพื่อไปสู่การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภา

โดยมีการเริ่มตั้งโต๊ะล่ารายชื่อตามหัวเมืองต่างๆ และยังมีความหวังจากม็อบประชาธิปไตยกลุ่มต่างๆ ที่จะร่วมลงชื่อให้ เมื่อมุ่งสู่การปิดสวิตช์ ส.ว.ทันที

 

พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เตรียมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวน 4 ฉบับแยกจากกัน

ฉบับแรก แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อยกเลิกบทบัญญัติในมาตรา 269 ว่าด้วยที่มาของ ส.ว. 250 คน โดยให้ ส.ว.ทั้งคณะอยู่ไปจนกว่าจะมีการสรรหา ส.ว.ตามมาตรา 107 แล้วเสร็จ จากนั้นก็หมดอายุไขไปโดยปริยาย

ต่อมาฉบับที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อยกเลิกบทบัญญัติในมาตรา 270 และมาตรา 271 ว่าด้วยการลดอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. ทั้งเรื่องการปฏิรูปประเทศ ไปจนถึงการเพิ่มโทษหรือองค์ประกอบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ซึ่งผู้ที่มาจากการคัดเลือกจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กลับมีอำนาจประดุจดั่งผู้ที่มาจากประชาชนอย่าง ส.ส.

ขณะที่ฉบับที่ 3 แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อยกเลิกบทบัญญัติในมาตรา 272 ว่าด้วยการทำหน้าที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในห้วง 5 ปีแรกของการทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลกี่รอบ ภายใน 5 ปีนี้ ส.ว.มีอำนาจในการเลือกนายกฯ ได้ตลอด

โดยพรรคก้าวไกลมองว่า หากปล่อยให้ ส.ว.ดำรงอยู่ต่อไปจะกระทบกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้ราชอาณาจักรไทยมิอาจออกจากการปกครองในระบอบรัฐประหารได้

และฉบับที่ 4 แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อยกเลิกบทบัญญัติในมาตรา 279 ว่าด้วยการนิรโทษกรรมการออกคำสั่ง ประกาศและการกระทำใดๆ ของ คสช. โดยมิต้องรับผิด

จะเห็นว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เริ่มต้นแก้ไขหรือปลดล็อกในมาตรา 256 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกับพรรคอื่น

แต่เป็นการแก้รายมาตรา ที่เน้นในส่วนของ ส.ว.

ซึ่งหากเริ่มต้นที่มาตรา 256 จะต้องตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และต้องเข้าสู่กระบวนการทำประชามติ จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณสองปี

และแม้ว่าจะแก้ไขมาตรา 256 แล้ว ส.ว.ก็ยังมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่

แต่วิธีการของพรรคก้าวไกลจะเข้ากระบวนการตามปกติ หากโหวตผ่านก็มีผลได้ทันที จากนั้นค่อยนำไปสู่การแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งจะไม่มี ส.ว.เข้ามาเอี่ยวด้วย

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับร่างรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายมุ่งไปที่การแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดประตูสู่การแก้รัฐธรรมนูญที่แท้จริง และการมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา แต่ทั้ง 2 ฉบับยังมีความแตกต่างกันในรายละเอียดอยู่พอสมควร

เพราะที่มาของ ส.ส.ร.ในส่วนของฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล มีสมาชิก 200 คน มาจากการเลือกตั้งแต่ละจังหวัด 150 คน มาจากสมาชิกรัฐสภาคัดเลือก 20 คน มาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 10 คน มาจากผู้มีประสบการณ์การด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการร่างรัฐธรรมนูญ 10 คน และมาจากการคัดเลือกจากนักเรียน นิสิต นักศึกษา 10 คน

ขณะที่ที่มาของ ส.ส.ร.ของฝั่งพรรคร่วมฝ่ายค้านมี 200 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัด

แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีเมื่อร่างของทั้ง 2 ฉบับเปิดให้ผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง มีสิทธิ์สมัครรับเลือกเป็น ส.ส.ร.ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นการเปิดกว้างให้เด็กได้มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ

ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลในมาตรา 256/6 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ภายใน 90 วัน

ส่วนของร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 256/4 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน โดยในมาตรา 256/7 ของฝ่ายค้านกำหนดให้มีการแต่งตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญคณะหนึ่งมีจำนวน 45 คน ประกอบด้วย ส.ส.ร. 30 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน 5 คน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 5 คน และจากผู้มีประสบการด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินและการร่างรัฐธรรมนูญ 5 คน ซึ่งในส่วนของร่างของรัฐบาลไม่มีกรรมาธิการ

แต่ในส่วนผู้เชี่ยวชาญได้ไปรวมอยู่ใน ส.ส.ร.คณะใหญ่แล้ว

 

สําหรับกำหนดเวลาการร่างรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลกำหนดให้ ส.ส.ร.ต้องแล้วเสร็จภายใน 240 วัน ส่วนของฝ่ายค้านกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน แต่ทั้ง 2 ร่างกำหนดให้ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกจังหวัดอย่างทั่วถึง

อย่างไรก็ตาม ร่างของฝั่งรัฐบาล กำหนดให้เมื่อร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้นำเสนอต่อรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยจะต้องมีเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของรัฐสภา หากเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จึงจัดให้มีการจัดทำประชามติลงคะแนนว่าประชาชนจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ โดยให้ กกต.จัดให้มีการทำประชามติภายใน 60 วัน

ต่างจากร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่กำหนดให้ เมื่อ ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ให้ส่งไปยัง กกต.ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่รัฐสภาได้รับร่างรัฐธรรมนูญจาก ส.ส.ร. และให้ กกต.กำหนดวันทำประชามติภายใน 60 วัน โดยไม่ต้องนำเข้าสู่รัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาผ่านร่างก่อน แต่ประกาศผลประชามติภายใน 15 วัน เช่นเดียวกับร่างของพรรคร่วมรัฐบาล

โดยร่างทั้ง 2 กำหนดให้เมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านการประชามติ ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการประชามติ ให้ร่างเป็นอันตกไป โดยให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ชุดใหม่ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญ โดยห้ามมิให้ ส.ส.ร.ชุดเดิมมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญอีก

นี่จึงเป็นภาพรวมของความต่างในความเหมือนของร่างรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเสนอ ส่วนร่างของพรรคก้าวไกลนั้น อยู่ที่ประชาชนจะร่วมมือกันปิดสวิตช์ ส.ว.ได้กี่มากน้อย ต้องรอดูกันต่อไป

 


กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2