วิเคราะห์กองทัพ : ‘บิ๊กแดง’ สตรอง! ส่ง ‘คอแดง’ ยึดหัวหาดทัพไทย-ทบ. ‘บิ๊กตู่-บิ๊กเล็ก’ ถอย! ‘บิ๊กอุ้ย’ ฝ่าคลื่นทัพเรือ ฟ้าผ่าดอนเมือง ‘บิ๊กแอร์บูล’ แหวกม่านเป็นม้ามืด?

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กแดง’ สตรอง!

ส่ง ‘คอแดง’ ยึดหัวหาดทัพไทย-ทบ.

‘บิ๊กตู่-บิ๊กเล็ก’ ถอย!

‘บิ๊กอุ้ย’ ฝ่าคลื่นทัพเรือ

ฟ้าผ่าดอนเมือง

‘บิ๊กแอร์บูล’ แหวกม่านเป็นม้ามืด?

 

แม้จะมีความพยายามในการผลักดันให้บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ฝ่าดง “ทหารคอแดง” ขึ้นชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้บัญชาการทหารบก

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ได้วางเอาไว้

ทั้งการดันบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่

และบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ตามเดิม และจะนำกองทัพเข้าสู่ยุคของทหารคอแดง และนั่งนานถึง 2566 เลยทีเดียว

แม้ว่าบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น รมว.กลาโหมด้วย จะได้พยายามแล้ว แต่ก็ไม่อาจฝ่าด่านทหารคอแดงไปได้

ในเวลานี้ พล.อ.เฉลิมพลจึงนั่งแท่นว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ส่วน พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ขึ้นแท่นว่าที่ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่เรียบร้อยแล้ว

ส่วน พล.อ.ณัฐพลที่แม้จะอยากอยู่กองทัพบก นั่งเก้าอี้รอง ผบ.ทบ.ตัวเดิมเป็นปีที่ 3 แต่ทว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้สนับสนุนให้เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว หากให้ขยับตามไลน์ อาจจะต้องข้ามไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมเลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ พล.อ.ณัฐพลพอใจ

แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากจากกองทัพบกไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติก็ตาม

แต่ท้ายที่สุดหาก พล.อ.ประยุทธ์เอ่ยปาก พล.อ.ณัฐพลในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาและรุ่นน้อง ก็คงไม่อาจปฏิเสธได้

และก็น่าจะดีกว่าการไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม หรือเป็นประธานที่ปรึกษากองทัพบก ถูกแขวนบนเก้าอี้พลเอกพิเศษ เป็นปีที่ 3 ตามเดิม

หลังจากที่ลุ้นมาเป็นเดือนและลุ้นอย่างที่สุดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุด พล.อ.ณัฐพลก็ไม่อาจฝ่าด่านทหารคอแดงไปได้

ทั้งนี้เพราะโครงสร้างกองทัพบกได้คู่ขนานกับการมีหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) ไปแล้ว

โดยที่ผู้บัญชาการทหารบกจะต้องควบตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ทม.รอ.904 และเป็นทหารคอแดงด้วย

ขณะที่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด แม้จะไม่จำเป็นต้องเป็นทหารคอแดง แต่ก็รู้กันดีว่า พล.อ.อภิรัชต์นั้นสนับสนุน และได้วางตัว พล.อ.เฉลิมพลมาตั้งแต่ต้นแล้ว

งานนี้เรียกได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็นฝ่ายกำชัย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็แสดงให้ พล.อ.ณัฐพลเห็นแล้วว่าได้พยายามในการที่จะผลักดันแล้วแต่ไม่อาจฝ่าด่านทหารคอแดงไปได้

ดังนั้น กองทัพไทยและกองทัพบกจึงเตรียมเข้าสู่ยุคทหารคอแดง พล.อ.เฉลิมพลจะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่เป็นทหารคอแดงคนแรก และเป็นเหล่าทหารม้า ในรอบกว่า 10 ปี

ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเป็น ผบ.ทบ.ที่มาจากทหารคอแดง คนที่ 2 และควบผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ทม.รอ.904 เป็นคนที่ 2 เดินตามรอย พล.อ.อภิรัชต์

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่าเมื่อ พล.อ.อภิรัชต์เกษียณราชการไปแล้ว ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่อย่าง พล.อ.ณรงค์พันธ์จะรับมือสถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงที่เข้มข้น และส่อเค้ารุนแรงขึ้นได้หรือไม่

โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน และกลุ่มนักศึกษา ที่จัดการชุมนุมและแสดงออกทางการเมือง ทั้งการชูสามนิ้วและติดริบบิ้นสีขาว ต่อต้านรัฐบาล ต่อต้านเผด็จการ และขบวนการจาบจ้วงสถาบัน

พล.อ.ประยุทธ์เป็นห่วงสถานการณ์ไม่น้อย จึงได้เรียกประชุมเมื่อวันพุธที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ เช็กท่าทีว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่ต่อสถานการณ์ทางการเมือง

โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงกับนักเรียน-นักศึกษา แต่จะบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ห่วงว่าหากมีการสร้างสถานการณ์จนนำไปสู่ความรุนแรงหรือจลาจลเกิดขึ้นจะทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่สถานการณ์เดิมๆ อีกครั้ง

ท่ามกลางกระแสข่าวลือการรัฐประหาร ส่งท้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดนี้ ที่จะเกษียณ 4 คน โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ที่เคยถูกจับตามองว่าตั้งแต่เมื่อขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ว่า ใน 2 ปีจะก่อการรัฐประหารหรือไม่

เพราะในเวลานี้มีเงื่อนไขทั้งความวุ่นวาย ความแตกแยก ตั้งแต่ระดับครอบครัว โรงเรียน สถาบันการศึกษา จนถึงในสังคม และมีการล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์อย่างเปิดเผยชัดเจนและรุนแรงขึ้น

รวมถึงการที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 1 และ 2 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์เคยประกาศไว้แล้วว่า จะไม่ยอมให้มีการแตะต้องหมวดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นห่วงว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองนำไปสู่การจลาจลและเกิดความวุ่นวายขึ้น กองทัพและผู้บัญชาการเหล่าทัพจะมีจุดยืนอย่างไร

เพราะในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์แม้จะเป็น รมว.กลาโหม แต่ก็ใช่จะสามารถคุมกองทัพได้ทั้งกองทัพ โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบกที่หน่วยคุมกำลังซึ่งเป็นหน่วยปฏิวัติรัฐประหาร กองทัพภาคที่ 1 และกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้ถูกปรับโครงสร้าง ไม่ได้อยู่ในการบังคับบัญชาของกองทัพบกแล้ว

แถมยังมีหน่วยเฉพาะกิจ ทม.รอ.904 ครอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่มั่นใจว่ากองทัพจะยังคงเป็นหนึ่งเดียวกับ “พี่ตู่” คนนี้หรือไม่

 

นี่เองจึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ปิดห้องคุยกับว่าที่ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่แล้ว เพื่อหยั่งเชิง โดยเฉพาะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่ไม่ใช่สายตรง พล.อ.ประยุทธ์มาก่อน แม้จะเคยทำงานในกองทัพภาคที่ 1 ด้วยกัน

ท่ามกลางการจับตามองว่าโผโยกย้ายทหารครั้งนี้จะสร้างความชอบธรรม และกระจายความเป็นธรรมให้กับทหารทั่วทุกกลุ่มหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเป็นรอยร้าวที่อาจถูกเซาะลึกในอนาคตได้ โดยเฉพาะนายทหารที่ไม่ใช่ “คอแดง”

รวมถึงการล้วงลูกหรือการมีส่วนในการเลือกผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่

เนื่องจากมีกระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้เสนอขึ้นมา

พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน

เช่น ในส่วนของกองทัพเรือที่คาดการณ์ว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนอชื่อบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. ให้เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ แต่ถูกเปลี่ยนเป็นบิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รอง ผบ.ทร.

จน พล.ร.อ.ลือชัยต้องออกมาตีกันไม่ให้มีการล้วงลูก เพราะผ่านการพิจารณาของ 5 ฉลาม ทร.ไปแล้ว ต้องให้เกียรติ ทร. แต่ข่าวก็ยังมาแรงว่า พล.ร.อ.ช่อฉัตรขึ้นเป็น ผบ.ทร. เพราะเป็นเรื่องฟ้าลิขิต

ที่จะต้องรอการหารือครั้งสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ผบ.เหล่าทัพ ในนาม 7 เสือกลาโหม เพื่อลงนามร่วมกัน แล้วส่งให้นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ

 

ขณะเดียวกัน โดยเฉพาะกองทัพอากาศ ที่มีเรื่องฮือฮา เพราะแม้จะเป็นเหล่าทัพแรกที่ส่งโผให้กระทรวงกลาโหม สะท้อนความลงตัวตั้งแต่ต้น

แต่ก็อาจมีเซอร์ไพรส์ เพราะมีข่าวสะพัดทุ่งดอนเมืองว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน ทอ.

เพราะบิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. ที่กำลังจะเกษียณ เป็นคนเก่งและฉลาด โตมาสายคณิต-วิทย์ และมักคิดอะไรแปลกแหวกแนวเสมอ

จึงเป็นที่มาของข่าวที่ว่า พล.อ.อ.มานัตไม่ได้เสนอชื่อบิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ แต่ทว่าผ่าหมากเสนอชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

ท่ามกลางความฮือฮา เพราะไม่มีใครเชื่อว่า พล.อ.อ.มานัตจะเสนอชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูล เป็น ผบ.ทอ. เพราะ 1.ไม่ได้อยู่ใน 5 เสืออากาศ 2.เป็นตำแหน่งในกรุ ทอ. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. 3.เพิ่งติดยศพลอากาศเอก เมื่อตุลาคม 2562 4.โตมาในสายส่งกำลังบำรุง จนเป็นปลัดบัญชี ทอ. 5.เป็นเตรียมทหารรุ่น 21 รุ่นน้องของ พล.อ.อ.ธรินทร์ที่เคยเป็นตัวเต็ง 6.แม้จะเป็นนักบิน แต่เป็นนักบินลำเลียง C-130

อย่างไรก็ตาม ในอดีตก็เคยมี ผบ.ทอ.ที่ขึ้นมาจากการเป็นนักบินลำเลียง นักบิน fixed wing เช่น พล.อ.อ.สนั่น ทั่วทิพย์ และ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง

เพราะอย่างน้อย พล.อ.อ.แอร์บูลก็เคยเป็น ผบ.ฝูงบิน 601 และผู้บังคับการกองบิน 6 รวมทั้งเคยเป็น ผช.ทูตทหารอากาศ ประจำสิงคโปร์

ก็ถือว่ามาตามไลน์ สายคอมแมนด์ในตอนต้น แม้จะไม่ใช่นักบินขับไล่เช่น ผบ.ทอ.ส่วนใหญ่ ที่มักเรียกว่าเป็นนักบินเครื่องหัวแหลม เครื่องไอพ่น

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ
พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ

แต่มีการวิเคราะห์ไปที่กลเกมของ พล.อ.อ.มานัตเสนอชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ น่าจะเพราะไม่มั่นใจว่า หาก พล.อ.อ.ธรินทร์ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ.แล้ว จะไม่เลือกบิ๊กหนึ่ง พล.อ.ท.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง เสธ.ทอ. (ตท.23) ที่จะขึ้นมาเป็น เสธ.ทอ.คนใหม่ เป็นทายาท เป็น ผบ.ทอ.ในอนาคต

และอาจเพราะ พล.อ.อ.ธรินทร์เป็นน้องรักของบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน อดีต ผบ.ทอ. ที่รู้กันดีว่า คนละทีมของ พล.อ.อ.มานัต

ที่สำคัญ มีการมองว่า การเสนอคนที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหลัก ไม่ได้อยู่ใน 5 เสืออากาศ จะเป็นช่องโหว่ให้ถูกเปลี่ยน ล้วงลูกได้ง่าย

จึงเกิดข่าวสะพัดทั้งในบ้านป่ารอยต่อฯ และ ทอ. ว่า ผบ.ทอ.คนใหม่อาจเป็นทหารชื่อแปลก ที่อาจไม่ค่อยมีใครรู้จัก

และมีชื่อของบิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา อาศัยพลัง 2 ป. เบียดแทรกขึ้นมา

ชื่อของ พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์จึงมาแรงในบ้านป่ารอยต่อฯ ของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานมูลนิธิ

แม้ว่าที่ผ่านมาจะไม่เคยมีคนที่ขึ้นจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย เสธ. ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. แต่ พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ถือเป็นนายทหารที่มีคอนเน็กชั่นพิเศษ และเป็นนักบินขับไล่เอฟ 16 และอดีต ผช.ทูต ทอ. ประจำลอนดอน อังกฤษ และเป็น ตท.21 มีอายุราชการถึงกันยายน 2565

จากเดิมที่มีชื่อเป็นรอง ผบ.ทอ. เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทอ.ในปีหน้า

แต่ที่สุดก็มีชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลเป็นม้ามืด ที่จะแหวกม่านประวัติศาสตร์ทัพฟ้า

พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร

ทั้งนี้ พล.อ.อ.มานัตเป็นนายทหารที่คิดนอกกรอบ

ต้องการให้คนเก่ง มีวิสัยทัศน์ สมัยใหม่ ขึ้นมาดูแล ทอ.

และพร้อมแหวกม่านประเพณี ทอ. เพราะยึดคุณสมบัติ 6 ประการที่ทหารอากาศต้องมี และ 10 Q ที่ทหารอากาศต้องกระทำ จึงเสนอชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูล นายทหารชื่อทหารอากาศ ครอบครัวทหารอากาศ คนนี้เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

ไปๆ มาๆ โยกย้ายทหารครั้งนี้ กว่าจะเรียบร้อยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และต้องดูกันยาวๆ ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถคุมกองทัพได้เบ็ดเสร็จ

แถมเป็นช่วงการผลัดใบเปลี่ยนผู้บัญชาการเหล่าทัพยกแผงแบบนี้

จึงน่าติดตามอย่างยิ่ง