วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์  /หงา คาราวาน กับ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์  

หงา คาราวาน กับ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์

 

ทําไมต้อง “คาราวาน” และสุรชัย “หงา” จันทิมาธร กับ “คอนเสิร์ต ฟอร์ ยูนิเซฟ” ที่ “มติชน” เริ่มจัดขึ้นเป็นดนตรีการกุศล “เพื่อเด็กในการดูแลของยูนิเซฟ”

เพราะ “มติชน” นำเสนอข่าวสารการเมือง การเคลื่อนไหวของบรรดานิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาตั้งแต่เริ่มต้นครั้งเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน “ประชาชาติ” เมื่อปี 2517-2518

เมื่อต้องมาจัดการออกหนังสือพิมพ์เอง ขรรค์ชัย บุนปาน สุจิตต์ วงษ์เทศ ขณะที่ยังวนเวียนอยู่กับสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น และร่วมกับกลุ่มนักเขียนรุ่นเดียวกันเป็นกลุ่มหนุ่มเหน้าสาวสาย หลังการเลือกตั้งปี 2512 ได้ก่อตั้งโรงพิมพ์พิฆเณศการพิมพ์ เพื่อเป็นฐานของการทำหนังสือพิมพ์ตามแนวความคิดของสุจิตต์ วงษ์เทศ ที่เห็นว่า การจะทำหนังสือพิมพ์ควรมีโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง

พิฆเณศการพิมพ์ ที่ตึกแถวในแพร่งสรรพศาสตร์จึงเกิดขึ้น ทั้งเป็นจุดกำเนิดของ “ประชาชาติรายสัปดาห์” ที่มีพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร และเพื่อนชาวหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย อาทิ วีรประวัติ วงศ์พัวพัน เป็นต้น ก่อนจะเกิดประชาชาติรายวันที่โด่งดังในยุคนั้น

เป็นขณะเดียวกับที่ “หงา” สุรชัย จันทิมาธร จากสุรินทร์เข้ามาเรียนต่อด้านศิลปะในกรุงเทพฯ หลังจากนั้น ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ มีหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง พ.ศ.2542 ชื่อ “หงา คาราวาน เงา—สีสันของแดด”

บทหนึ่ง ชื่อ “บ้านเลขที่ 40 บางซ่อน คนกับควาย” ว่า…

 

25 ปี และนับย้อนหลังนานกว่านั้นที่ผ่านมา เราพบกันมากหน้าเวลาเย็นถึงกลางคืนค่อนข้างดึกในบ้านเลขที่ 40 บางซ่อน เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ (ปั๋ง) อดุลย์พันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา (ตุ๊) ธนิต กฤษณามระ (เล็ก) ศรีศักดิ์ นพรัตน์ (จุ่น) ศิริพงษ์ จันทร์หอม (ไอ้ตาโต) จิรพงศ์ นิลช่วงศรี (พงปลา) สุทัศน์ ศุกลรัตนเมธี ประเสริฐ จันดำ สุรชัย จันทิมาธร (หงา) ฯลฯ เราพบกันโดยไม่นัดหมาย

ใครคิดถึงใครหรือใครหิวเหล้าเดินเข้ามาไม่ต้องเคาะประตู

บางคนค้างคืน และบางคนแรมเดือน

ทำไมพบกันที่บ้านนี้?

การทบทวนตอบว่า (1) ผมเป็นโรคเหงาเรื้อรังอย่างไม่สามารถขาดเพื่อน (2) ผมเป็นคนของเพื่อนแล้วทึกทักว่าเพื่อนก็คงคิดพ้องพานกัน (3) มาลี–เมียของผมคล้องนิสัยกับผัวและม่วนชื่นเว้าลาวกับหลายคนผู้เป็นชาวอีสานกำพืดหล่อน (4) เพื่อนรุ่นน้องไม่สะทกสะท้านผมอย่างกับเพื่อนรุ่นเดียวกันโดยคำถามว่า : คราวนั้นมึงจำได้ไหม 5) ผมฝักใฝ่กับวันนี้และวันพรุ่งมากกว่าวันวาน (6) ฯลฯ

บทบาทของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ กับเพื่อนหนุ่มเปิดฉากในยุคนั้น

บุคลิกของเขาคล้ายกัน (ขะมุกขะมอมและผมยาวประไหล่) แต่ความคิดแตกต่างกันค่อนข้างนอกรีตนอกรอย (nonconformist) ความจนเป็นความจริงของเขา และราวกับว่าตัวตนของเขาเป็นเพียงเงา–เงาชีวิต

เขาแทบทั้งนั้นใฝ่ฝันรุนแรงกับการเป็นนักเขียนหรือกวี

ผมบอกตัวเองว่าเราเดินบนถนนสายเดียวกัน แม้ว่าเขาบางคนและบางเวลาไร้สาระหรือป่วยเปื่อย แววตาแห้งผากแต่เคลิบเคลิ้มแบบปลูกวิมานในอากาศ (daydream) บางคนเป็นจักจั่น บางคนป็นมดงาน บางคนกินเหล้ามากกว่าปลากินน้ำ และบางคนสูบกัญชา ความต้องการนี้เป็นวิถีชีวิต (way of life) ไม่ผิดศีลของบุปผาชนข้อที่ Flower Power and Be Your Own Thing

เราถกเถียงและปรองดองกันโดยไม่กำหนดเงื่อนไข…

หงา (ความสันโดษ) พบมุมสงบของเขาในด้านใต้ถุนของบ้านขนาบกำแพงอิฐกับชั้นวางหนังสือแทบชนฝา เขาหมกตัวอยู่ในนั้นเขียนรูปในนาม ทองเสน เจนจัด เขียนเรื่องสั้นและกวี บางวันผมก็ลงจากชั้นบนมานั่งบนพื้นกระเบื้องด่านเกวียนของวิโรฒ ศรีสุโร (สถาปนิกและศิลปิน) ด้านนี้แขวนมู่ลี่ไม้ไผ่เป็นฉากของเก้าอี้ยาวแบบโซฟา และผมเขียนต้นฉบับบนตั่งโบราณมรดกของยาย

ผมไม่มองและไม่ถามว่าเขาเขียนอะไร?…

หงาเวลานั้นเริ่มจับกีตาร์กับเล็ก (ธงชัย วงษ์สวรรค์)

ในบ้านเราจึงบรรเลงเสียงแปร่งและแกว่งไกวอย่างไม่เป็นเพลง วันละนานร้อยนาน ใครผู้ที่บ่นรำคาญ ไม่ใช่ผมแต่เป็นอ๋อง (เจษฎา เดชะรัตน์) ผู้ซึ่งก่อนลงทะเบียนเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยแขนงการหนังสือพิมพ์ เขาเคยเป็นนักดนตรีร่อนเร่ในยุคของจอห์น เดนเวอร์ กับเพลง Take Me Home, Country Roads

ความขะมักเขม้นของหงา ใครต่างคาดไม่ถึงว่าในเวลาไม่นานเดือนกับกีตาร์ราคา 400 กว่าบาทของหน่อง (พุทธชาด วงษ์สวรรค์) หรือเขาไปฝึกฝนกับกูรูดนตรีนิรนาม หงาสามารถเขบ็ตทำนองออกมาหลายเพลง ชวนฟังอย่างกอปรสาระ และต่อมากลายเป็นเพลงของประชาชนบนถนนแห่งความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

บันทึกว่า คนกับควาย ถือกำเนิดที่บ้านเลขทื่ 40 บางซ่อน ในบางลีลา

หงาปรุงและปรับเพลงอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยแทบว่าไม่ว่างเว้นกลางวันหรือกลางคืน เวลานอนเขาก็คงฝันถึงเพลง…

14 ตุลาคม สองคืนก่อนนี้ผมกับมาลีออกไปสังเกตการณ์บนถนนและในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เวลาค่อนดึกพร่างน้ำค้าง คืนนั้นผมฟังวิทยุในรถยนต์ได้ยินโฆษกฝ่ายรัฐบาลประณามนักศึกษากับประชาชนอย่างหยาบคายและท้าทาย และบิดเบือน ผมหักพวงมาลัยปราดไปเทียบจอดริมคลองด้านกำแพงวัดเบญจมบพิตร แล้วเดินเลียบเลี้ยวไปแถบถนนรายต้นประดู่ด้านขนาบกองบัญชาการสนามเสือป่า (ก้อนสมองแห่งกองทัพ) ในท่ามกลางขบวนประชาชนนับแสนเนืองแน่น เวลานั้นบักหำน้อยยังอยู่ในท้องแม่ ผมรั้งมาลีเบียดแนบกับเสาคอนกรีตป้องกันโดนกระแทกด้วยน้ำหนักที่เคลื่อนไหวด้วยความเคียดแค้นเผด็จการทรราช และผมปีนขึ้นไปเกาะรั้วเหล็กโปร่งอย่างตื่นเต้นและโมทนา…

ในวาบนั้นอย่างไม่เชื่อสายตาผมเห็นหงาวิ่งซอกซอนและโดนปะทะตลอดเวลานาที ไหล่เบียดไหล่ ตีนเกยตีน เขาตอบคำถามอย่างร้อนรนว่ารับหน้าที่เดินสารระหว่างกองอำนวยการบนรถยนต์แบบแวนคันที่เสกสรรค์ ประเสริฐกุล พูดกับประชาชนด้วยเสียงที่แหบเครือและแห้งแผ่วโผย แต่กังวานทรงพลังอย่างปลุกเร้าเผาไฟในหัวใจ

ใบหน้าของหงาชุ่มโชกเหงื่อ มาลีควักเงินใส่มือเขา 50 บาท เผื่อฉุกเฉิน ผมยัดบุหรี่รสฉุนซึ่งยอมรับว่าเป็นส่วนผสมวิเศษกับกัญชาให้เขาสองซอง หงาไม่มีเวลาขอบใจ

เขาวิ่งม้วนกลืนไปในความอึงอล…