จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 7-13 สิงหาคม 2563

จดหมาย

0 ระเริง ระยอง

สวัสดีจากระยองค่ะ

ไปกรุงเทพฯ ครั้งสุดท้ายก่อนวันที่ทหารอียิปต์จะออกเที่ยวเมืองระยองกัน

และกลับมาระยองอีกทีเมื่อวันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม เป็นวันหยุดยาว 4 วัน และครบ 14 วันของการกักตัวทหารอียิปต์และคนระยองที่มีปฏิสัมพันธ์กับทหารอียิปต์ ซึ่งไม่ปรากฏมีคนระยองคนไหนติดเชื้อ

ขับรถผ่านชายหาดแม่รำพึง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและชีวิตชีวา

นักท่องเที่ยวขาประจำกลับมากันแล้ว

สองข้างถนนมีรถจอดเต็มพื้นที่

ชายหาดมีคนลงไปเดินเล่นเต็มหาด

เด็กๆ ลงเล่นน้ำทะเลกันสนุกสนาน ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ปลดปล่อยกันเต็มที่

ร้านอาหารกลับมาบริการหลังปิดเงียบเหงามานาน

ภาพแห่งความสุขกลับมาอีกครั้ง

ดีใจแทนคนระยองที่เศรษฐกิจจะกลับมาดีตามเดิม

จะสุขกว่านี้ถ้าไม่มีขยะบนหาด

จากหาดที่เคยสะอาดบริสุทธิ์ในช่วงล็อกดาวน์โควิด ก็เริ่มมีขยะถมทับขึ้นมาทีละน้อยเหมือนยุคก่อนโควิด

รู้สึกเสียดายความสะอาดที่เคยเห็นเมื่อสองสามเดือนก่อน

พอตัวเองซื้อไอศกรีมแท่งมานั่งดูดเท่ๆ ริมหาดก็ต้องเหลียวหาถังผงแต่ไม่ยักเจอ

ถามพ่อค้าเจ้าของกิจการเก้าอี้ผ้าใบบนหาดก็ได้รับคำตอบว่ากรมอุทยานฯ เป็นผู้ดูแลหาดแม่รำพึงและจะมาเก็บขยะทุกวันพฤหัสฯ

คิดเล่นๆ ว่า จะดีกว่าไหมถ้าจัดหาถังขยะไว้ให้เพียงพอตามจุดต่างๆ บริเวณหาด

ในที่สุดเราก็เลยต้องพับกระดาษห่อไอติมแท่งไปทิ้งที่บ้าน

ฝันลมๆ แล้งๆ ให้กรมอุทยานฯ เข้าไปอบรมในโรงเรียนให้เด็กๆ รู้จักไปชักชวนพ่อ-แม่ให้ไม่ทิ้งขยะบนหาด

หลังจากที่อั้นมานานเพราะโควิด นักท่องเที่ยวก็ได้รับไฟเขียวให้ลงเล่นน้ำทะเลได้แล้ว

แต่ทว่ามองไปน้ำทะเลเป็นสีน้ำตาลนะนั่น ตาไม่ได้ฝาดแน่ๆ ก็เลยมาถามไถ่กันอีกว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ก็ได้ทราบว่า คลองระบายน้ำที่อยู่อีกฟากถนน พอฝนตกก็เอ่อลงไปในทะเล

น้ำทะเลเลยเปลี่ยนจากสีครามสดใสกลายเป็นสีน้ำตาล

ภาพแห่งความสุขเมื่อวันหยุดยาวสี่วันที่ผ่านมาติดตามาจนบัดนี้

คงจะดีถ้าไม่มีขยะบนหาดและน้ำทะเลสีน้ำตาล

การเยี่ยมเยือนของนักท่องเที่ยวเพื่อมารับประทานอาหารทะเลสด รสดี ราคายุติธรรม

และการทำมาหากินของคนในท้องถิ่นก็คงจะสดใสไปอีกนาน

สาวระยอง

 

หลังพายุ ท้องฟ้าย่อมสดใส

แต่จะสดใสกระจ่าง และมั่นคงกว่านั้น

ก็เป็นดังที่สาวระยองเสนอ

หวังว่า “ทุกอย่าง” จะค่อยๆ ดีขึ้น-ทุกเรื่อง!

 

0 เป๊ะก่อนเซ็ตซีโร่

เครื่องหมายเชิดชูเกียรติในการได้หลุดออกจากประตูเครื่องบินลำเลียง ลงมาจากอากาศ สู่พื้นดินและพื้นน้ำได้ปลอดภัย

ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า “ปีกโดดร่ม” ซึ่งทหาร ตำรวจ ไม่มีสิทธิได้รับทุกคน

แต่มีคำถามว่า ทำไมสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเท่าหัวแม่มือ ที่เรียกปีกโดดร่ม จึงไม่ทำออกมาให้เหมือนกันเป๊ะ

ผมรู้สึกอายเพื่อนอาเซียน ซึ่งมาฝึกใช้อาวุธทางอากาศร่วมกันที่กองบิน 2 ลพบุรี

อย่างสิงคโปร์ประเทศเกิดใหม่ ทหารเจ๊กปนแขก แต่งเครื่องแบบประดับเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะ คล้ายโขกออกมาจากเบ้าเดียวกัน

ผมไม่ได้คิดหรือจ้องแต่จะติ

และไม่สะเออะจะสอนนาย

เพราะสำนึกอยู่เสมอว่า บารมีไม่ถึง

เนื่องจากไม่เคยแม้แต่จะเดินสะดุดบันไดขั้นแรกที่ติดอยู่กับพื้นดินของสถาบันเสธ.ใดๆ

ที่สำคัญรู้ดีว่า จะได้ขึ้นไปนอนบนเมรุ รอเวลาให้เพื่อนฝูงเอาดอกไม้จันทน์ไปสุม

แต่มีความคิดง่ายๆ เสนอให้หัวแถวของกองทัพได้โปรดลองนำไปพิจารณาดู

1) ตั้งคณะกรรมการเพื่อหาข้อยุติว่าจะเอารูปทรงไงกันดี

2) ให้พลาธิการดำเนินการจัดทำและนำไปวางจำหน่ายในราคายุติธรรม ไว้ทุกกรม กอง โดยเฉพาะลพบุรี เมืองของพลร่ม ปืนใหญ่

3) ออกหนังสือเวียน เซ็นคำสั่ง โดยหัวแถว นัมเบอร์ 1 ให้กำลังพลที่มีสิทธิประดับ ซื้อเอาไปใช้ เฉพาะที่ทำจากกรมพลาฯ อย่างเดียว

4) หากกำลังพลผู้ใด ยังรั้น ดื้อ ซื้อของเจ๊ก มีโทษไม่ว่านายพล นายสิบ ถึงขั้นงดบำเหน็จ

ปีเดียวจะเห็นผล ไม่สะเปะสะปะเหมือนปัจจุบัน นะจะบอกให้

เรืออากาศตรีฉลวย ราหุละ

 

เห็น ผบ.ทบ.เป๊ะทุกเรื่อง

เรืออากาศตรีฉลวย ราหุละ จึงเสนอแนะมาหลายเรื่อง และหลายครั้ง

จากหมวก ทีนี้มาถึง “ปีกโดดร่ม”

แต่ปู่ฉลวยก็อย่าหวังอะไรมาก

เพราะ ผบ.แดงจะเซ็ตซีโร่อีกไม่กี่เดือน

การบ้านหลายข้อยังไม่ได้ตอบ “นักการเมือง”

อย่าไปแย่งเวลา “ทำการบ้าน” ท่าน ผบ.แดงเลย

เรื่องปีกโดดร่ม เอาไว้รอ ผบ.ทบ.คนใหม่มาทำ

คงไม่สายเกินไปกระมัง?