“เทสต์ไดร์ฟ” ก็มีแล้ว ทำไมจะ “เทสต์เที่ยว” ด้วยไม่ได้

Jeremy Bailenson (not shown) demonstrates a virtual reality headset with help from host Baratunde Thurston at TED Talks Live - Science and Wonder, November 5-6, 2015, The Town Hall, New York, NY. Photo: Ryan Lash/TED

เทศกาลวันหยุดสงกรานต์อันแสนจะยาวนานและอิ่มเอมได้จบลงแล้ว ทุกคนไปเที่ยวไหนกันมาบ้างคะ

วันหยุดสงกรานต์ของซู่ชิงปีนี้ถูกใช้ไปกับการไปทริปเวียดนามเหนือ นับเป็นการเดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ครั้งแรกในรอบกี่ปีแล้วก็ไม่รู้

ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศการท่องเที่ยวไปพอสมควร เพราะนี่ไม่เหมือนกับการเดินทางคนเดียวที่เราจะตื่นสาย เอ้อระเหยลอยชายออกนอกเส้นทางได้

แต่เป็นการเดินทางเป็นกลุ่มที่เราจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของไกด์ทัวร์อย่างเคร่งครัด เพื่อทำให้คนทั้งกลุ่มที่ไปด้วยกันอีก 38 ชีวิต สามารถเคลื่อนไหวไปตามตารางทัวร์ได้อย่างไหลลื่น

หนึ่งสิ่งที่ซู่ชิงพบว่าน่าขัดใจมากสำหรับการเดินทางเป็นกลุ่มทัวร์ก็คือการที่เราไม่มีโอกาสได้เลือกโรงแรมที่พักด้วยตัวเอง เขาจองที่ไหนไว้ให้ก็ต้องไปนอนที่นั่น

และการไปทัวร์เวียดนามคราวนี้ถือว่าอยู่ในงบประมาณที่ไม่แพงนัก (แต่กวาดเรียบครบทุกเมือง) ดังนั้น จึงไม่สามารถคาดหวังที่พักหรูหราสี่ดาวได้

สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ก็คือการลองเสิร์ชหาข้อมูลจากชื่อโรงแรมที่บริษัททัวร์ปริ๊นต์มาแจกในเช้าวันเดินทางเพื่อศึกษาไว้ก่อนว่าหน้าตาของโรงแรม เลย์เอาต์ของห้องพักจะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราสามารถคาดหวังอะไรได้บ้าง มีเวลาหน่อยก็อ่านรีวิวเพิ่มเติมจากคนที่เคยเข้าพัก จะได้รู้ว่าต้องเตรียมตัวเจอกับอะไรบ้าง

ปัญหาของการเสิร์ชหาข้อมูลที่พักบนเว็บไซต์ท่องเที่ยวหรือเว็บไซต์ของโรงแรมก็คือเรามักจะได้เห็นภาพที่ถูกคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นมุมที่ดีที่สุด แสงที่สวยที่สุด และองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่เป็นภาพแบบสองมิติแบนๆ ที่เราจินตนาการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานที่นั้นๆ ไม่ได้

ทำให้บางครั้งก็ยากที่จะตัดสินใจ หรือไปเจอหน้างานจริงก็แตกต่างจากภาพที่เห็นแบบหน้ามือหลังมือ

เทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ก็คือเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง หรือ Virtual Reality ที่เรารู้จักกันสั้นๆ ในชื่อของ VR นั่นเองค่ะ

ทุกวันนี้อุปกรณ์สวมศีรษะแสดงภาพเสมือนจริงก็เริ่มจะมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ หาซื้อได้ไม่ยาก และกลายเป็นอุปกรณ์ที่มีติดบ้านกันมากขึ้น ข้อได้เปรียบตรงนี้เองที่ทำให้บริษัทจองที่พัก ที่เที่ยวออนไลน์ทั้งหลายต่างก็หันมาพิจารณาความเป็นไปได้ของการใช้เทคโนโลยีวีอาร์เพื่อมาอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น

ลองนึกถึงความเป็นไปได้ดูสิคะว่า แทนที่เราจะเปิดภาพแบนๆ ของห้องพักโรงแรมดูบนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ

แต่หากเราสวมแว่นวีอาร์เข้าไปแล้วสามารถมองเห็นภาพรอบตัวสามร้อยหกสิบองศาเป็นห้องพักของโรงแรมที่เรากำลังจะไปถึงมองซ้ายขวาบนล่าง สำรวจรายละเอียดชัดๆ ของที่นอน ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ ได้อย่างใกล้ชิดราวกับตัวเราเองเข้าไปยืนอยู่ในห้องนั้นจริงๆ มันจะช่วยทำให้เราตัดสินใจจองโรงแรมได้ง่ายขึ้นแค่ไหน

ไม่ใช่แค่ห้องพักอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แต่ทุกสถานที่ท่องเที่ยวสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปปรับใช้ได้หมด

ไปเวียดนามคราวนี้ ซู่ชิงได้ล่องเรือชมธรรมชาติที่อ่าวฮาลอง เข้าไปลั้นลาถ่ายรูปในถ้ำนางฟ้าที่มีหินงอกหินย้อยมากมาย (แต่ไฟนีออนหลากหลายสีสันที่ประดับอยู่ในถ้ำก็ทำให้ความตื่นเต้นน้อยลงนิดหน่อยเพราะสีมันตัดกันเหลือเกิน)

จากนั้นก็เดินทางไปซาปาในเขตจังหวัดลาวไก นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอดเขาฟานซีปันที่มีความสูงสามกิโลเมตรกว่า ที่ที่อากาศหนาวเย็นมากจนฟันซู่ชิงกระทบกันกึกๆ ด้วยความที่ไม่ได้ศึกษาสภาพอากาศไปก่อนก็เลยสวมไปเพียงแค่แจ๊กเก็ตยีนส์บางๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

และที่ประทับใจมากที่สุดก็คือการได้ไปเมืองนิงห์บิงห์ ไปนั่งเรือกระจาด

นอกจากทัศนียภาพสองข้างทางจะมีความสมดุลระหว่างสีเขียวของต้นไม้กับสีเทาของหินผาอันแข็งแกร่งจนทำให้การจิบเบียร์ไปด้วย ล่องเรือไปด้วย กลายเป็นกิจกรรมที่น่าอภิรมย์ที่สุดแล้ว การได้เห็นชาวเวียดนามในท้องถิ่นใช้เท้าสองข้างพายเรืออย่างแข็งแกร่งได้เป็นชั่วโมงโดยที่ไม่มีผ่อนความเร็วลงนั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก

ที่บรรยายมาให้ฟังทั้งหมดนี้ ซู่ชิงอยากจะเล่าว่ากว่าจะไปถึงแต่ละสถานที่สวยงามตรึงตาเหล่านั้นได้ ซู่ชิงต้องงอแงทุกวัน งอแงตอนกลางคืนเพราะคนนำเที่ยวบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นตีห้า งอแงทุกเช้าเพราะตื่นตีห้าไม่ไหวและจะต้องขอแถมต่อนิดนึง จนหวุดหวิด จวนเจียนจะไม่ทันเวลานัดรวมพลทุกเช้า

แต่ถ้าหากซู่ชิงสามารถใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเข้ามาช่วยในการให้ตัวเองได้เห็นก่อนว่าสถานที่ที่เราจะตื่นเช้าไปนั้นมันสวยงามจนลืมหยุดหายใจขนาดไหน ก็คงจะทำให้ซู่ชิงงอแงน้อยลงนั่นแหละค่ะ

ดังนั้น วีอาร์นอกจากจะเข้ามาช่วยให้เราตัดสินใจจองที่พักได้ง่ายขึ้นแล้ว ก็ยังมาช่วยให้เราได้ “เทสต์” การไปเที่ยวในแต่ละสถานที่ก่อนไปจริง ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือครูซ หรือเข้าไปอยู่ในถ้ำหินงอกหินย้อย ถ้าหากนักท่องเที่ยวทุกคนมีโอกาสได้ลองไปเที่ยวเสมือนจริงดูก่อน ก็คงจะตัดสินใจง่ายขึ้นมากว่าจะใช้เงินที่หามาได้อย่างยากลำบากไปกับการท่องเที่ยวที่ไหนดี คล้ายๆ กับรถยนต์นั่นแหละค่ะ เราต้องเทสต์ไดรฟ์ก่อนจะควักกระเป๋าซื้อ ท่องเที่ยวก็เหมือนกัน ยิ่งถ้าได้เทสต์ก่อนเท่าไหร่ ก็น่าจะยิ่งทำให้ความตื่นเต้นของการจะได้ไปอยู่ในสถานที่จริงเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และเป็นการตัดลดโอกาสความผิดหวังที่เกิดขึ้นเมื่อเดินทางไปถึงที่จริงๆ ความรู้สึกว่า โห ไม่เห็นสวยเลย ไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่น่าตื่นเช้ามา ไม่น่าเสียเงินมาเลย ก็จะหมดไป เพราะเราจะรู้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าเราจะได้เจอกับอะไรบ้าง

เว็บไซต์จองที่พักและสถานที่เที่ยวออนไลน์อย่าง Expedia เขาก็เริ่มนำร่องทำแบบนี้แล้วนะคะ ตอนนี้ยังเป็นเดโม่ที่โชว์ให้สื่อเทคโนโลยีดู คอนเซ็ปต์ก็เหมือนที่เล่ามาเลยค่ะ ลูกค้าที่อยากจะจองที่พักหรือเรือครูซ สามารถสวมอุปกรณ์สวมศีรษะแสดงภาพเสมือนจริง ลองเดินไปรอบๆ เปิดประตูห้อง เดินออกไปที่ระเบียง สำรวจให้ถ้วนทั่วก่อนตัดสินใจ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Expedia ทดลองวีอาร์นะคะ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทเคยทำโปรเจ็กต์ที่ดีงามมาก คือการนำเอาวีอาร์ไปให้กับผู้ป่วยเด็กในโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ทำให้เด็กๆ ได้มองเห็นส่วนต่างๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นป่าเขียวขจี ดำน้ำใต้ท้องทะเลลึก หรือออกล่าหาฟอสซิลในทะเลทราย และยังมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งที่เห็นได้ด้วย ทั้งหมดนี้ทำได้บนเตียงในโรงพยาบาลจนเด็กลืมคิดถึงอาการป่วยของตัวเองไปเลย

แล้วยังจำ Amazon Echo ผู้ช่วยส่วนตัวประจำบ้านที่สั่งการด้วยเสียงที่เราเคยพูดถึงในตอนก่อนๆ กันได้ไหมคะ ทางบริษัทเขาก็กำลังทดลองโปรเจ็กต์กับแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ว่าจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวได้อย่างไรด้วย ง่ายๆ ก็คือเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเลขาฯ ที่คอยช่วยจัดการทริปท่องเที่ยวให้เรา อัพเดตตาราง ช่วยจองโรงแรม ที่พัก บอกสถานะของไฟลต์บิน ช่วยให้ข้อมูลเช่ารถ ฯลฯ

วันหยุดยาวครั้งนี้นับเป็นวันหยุดแรกที่ซู่ชิงได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลกที่เพื่อนๆ แยกย้ายกันเดินทางไปหลากหลายมากและเต็มหน้าไทม์ไลน์ไปหมด ทำให้คิดขึ้นมาว่าการท่องเที่ยวเดี๋ยวนี้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินที่ถูกลงและการหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตที่ทำได้ง่ายขึ้น เมื่อไหร่ที่เราเริ่มใช้วีอาร์มาช่วยจัดการการท่องเที่ยวกันอย่างแพร่หลายกว่านี้ ซู่ชิงคิดว่าเราคงได้เห็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งแปลกและพิสดารมากกว่าตอนนี้

แยกย้ายกันไปทำงานและรอเที่ยววันหยุดยาวครั้งหน้ากันนะคะ