วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / 1 เกาทัณฑ์ ยิง 2 เป้าหมาย (51)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

1 เกาทัณฑ์ ยิง 2 เป้าหมาย (51)

 

การสนทนาระหว่างอวี้หวังกับฉินปันรั่ว กุนซือ ค่อยๆ เผยเส้นสนกลใน ไม่เพียงแต่ของอวี้หวัง หากที่สำคัญคือเป้าหมายทางการเมือง เป้าหมายทางการทหาร

“เวลานี้หินก้อนใหญ่ที่กดทับหนักอึ้งในใจท่าน ใช่ซิ่งกั๋วกงหรือไม่” เป็นคำถามจากฉินปันรั่ว

“ฝ่ายทหารที่วางตัวเป็นกลางมีอยู่มาก นอกจากขุนนางฝ่ายพลเรือนที่สนับสนุนท่านอย่างหัวชนฝา แล้วที่เหลืออยู่สังกัดซิ่งกั๋วกง หากเขาถูกโค่นลงในมือท่านจะเหลือเพียงพู่กัน ไม่มีกระบี่อีกต่อไป

ดูจากท่าทีแสดงออกของเหมยฉางซู เขาเข้าใจสถานการณ์ในราชสำนักเป็นอย่างดี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ถึงความสำคัญของซิ่งกั๋วกงต่อองค์ชาย ต่อให้เป็นอย่างที่เซี่ยปี้กล่าวไว้ครั้งที่พวกเขาพบเจอผู้ร้องทุกข์ระหว่างทางเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

แต่หากเหมยฉางซูมีใจเอนเอียงให้องค์ชายสักครึ่งส่วนจริงเขาก็ไม่ควรโหมกระพือคลื่นลมปล่อยให้ 2 คนนั้นเข้าเมืองมา ภายใต้สถานการณ์ “2 เลือก 1″ การล่วงเกินองค์ชายเท่ากับเข้าข้างรัชทายาท ดังนั้น ข้าถึงได้บอกท่านอย่างมั่นใจว่าเหมยฉางซูเข้าเมืองจินหลิงเป็นไปได้อย่างสูงว่าเลือกรัชทายาท

แต่การกระทำของเขาในเวลานี้กลับเหนือความคาดหมายของข้ายิ่งนัก

หากนับว่าเรื่องของซิ่งกั๋วกงเป็นการล่วงเกินองค์ชายเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นเรื่องของจวิ้นจู่ก็ต้องนับว่าล่วงเกินรัชทายาทอย่างมหันต์แล้ว

หรือองค์ชายเข้าใจว่าเขาเดินเรื่อยเปื่อยจนพบท่านในวันนั้นเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

 

กระนั้นการวิเคราะห์ของอวี้หวังก็ไม่ควรมองข้าม “เรื่องของจวิ้นจู่เกี่ยวพันถึงหลายฝ่ายทั้งจิ้งหวัง จิ่งหนิง ไท่หวงไท่โฮ่ว หวงโฮ่ว เหมิงจื้อ ยังมีข้า คนไหนกันแน่ที่เหมยฉางซูสามารถโยกย้ายได้ดังใจ บางอย่างอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

อาจบางทีเขาไม่ได้มีแผนอะไร เป็นแค่ได้ข่าวเข้าหูมา อาจบางทีเขามิได้พุ่งเป้าไปที่รัชทายาทแต่แค่อยากช่วยหนีหวง

แต่พูดถึงจุดนี้ทำให้ข้านึกได้ว่าตัวเองสะเพร่าไปเรื่องหนึ่ง

พรุ่งนี้เจ้าติดต่อต้วนจิ่น ถ้อยคำบางอย่างสมควรส่งต่อรัชทายาท บอกนางต้องทำให้ดูแนบเนียนเป็นธรรมชาติมากที่สุด”

ปันรั่วงุนงงไปชั่ววูบก่อนสว่างวาบในใจ

อวี้หวังทราบว่าเหมยฉางซูเกี่ยวข้องกับคดีของจวิ้นจู่ก็เพราะหวงโฮ่วหลอกล่อองค์หญิงจิ่งหนิงกระทั่งนางหลุดปากเล่าว่าเป็นเหมยฉางซูให้ไปเชิญเสด็จไท่หวงไท่โฮ่ว ส่วนคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องล้วนไม่มีใครพูดถึงเหมยฉางซูแม้ครึ่งคำ

เกรงว่ารัชทายาทและเยว่กุ้ยเฟยที่เวลานี้เกลียดแค้นชิงชังทั้งอวี้หวัง หวงโฮ่ว จิ้งหวัง รวมไปถึงจวิ้นจู่กลับเคยคิดว่าที่ถูกแล้วสมควรโกรธแค้นเหมยฉางซู เพราะ 2 แม่ลูกไม่รู้แม้แต่นิดเดียวว่าเหมยฉางซูคือผู้อยู่เบื้องหลังความล้มเหลวของแผนการนี้

ดังนั้น อวี้หวังจึงคิดหาวิธีทำให้ 2 แม่ลูกล่วงรู้พฤติกรรมของเหมยฉางซูซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองอย่างมหาศาล

 

“ไห่เยี่ยน” ไม่เก็บงำความต้องการของอวี้หวังต่อฉินปันรั่ว กระนั้น ฉินปันรั่วก็จำแนกแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องใหญ่มากกว่า

จึงเตือนให้อวี้หวังคำนึงถึงเรื่องใหญ่ คำนึงถึงอวี้หวังเฟย (พระชายาของอวี้หวัง)

เพราะบิดาและพี่ชายของนางล้วนรับราชการเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก นางไม่เพียงให้กำเนิดบุตรชาย ซ้ำยังเป็นที่โปรดปรานขององค์หวงโฮ่ว อวี้หวังเองแม้หลงใหลในความงามของฉินปันรั่วเพียงใดกลับไม่เคยมีแผนปลดพระชายา

ในฐานะนักวางแผน ฉินปันรั่วตระหนักในคำว่า “หยุดเมื่อควรหยุด” จึงหันเข้าไปยังภารธุระโดยตรง

“เหตุผลที่ปันรั่วมองเหมยฉางซูไม่ออกก็เพราะคนผู้นี้ดำเนินการทุกอย่างโดยปราศจากระเบียบแบบแผน เรื่องของซิ่งกั๋วกงเขาเลือกที่จะล่วงเกินองค์ชาย เรื่องของจวิ้นจู่เขาเลือกที่จะล่วงเกินรัชทายาท ตอนนี้ยังออกหน้าซื้อบ้านสวนหลันหยวนจนเจอซากศพกลายเป็นคดีความใหญ่โต

ซึ่ง 2 ฝ่ายล้วนเกี่ยวพันเกี่ยวข้อง องค์ชายไยมิใช่กังวลอยู่เช่นกันว่าในบัญชีรายชื่อจะมีคนใกล้ชิดของตัวเองหรือไม่”

กระนั้น แม้จะสงสัยว่าอาจเป็นการทดสอบ ลองใจ กระนั้นบทสรุปของอวี้หวังก็ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด

 

อัจฉริยะเหนือมนุษย์ พฤติกรรมความคิดอ่านมักแปลกประหลาด รังเกียจที่สุดก็คือเจ้านายที่ใจคอคับแคบ คิดเล็กคิดน้อย

เขาอยากทดสอบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

หากหลังจากที่รัชทายาทล่วงรู้ว่าเรื่องของจวิ้นจู่เป็นฝีมือของเหมยฉางซูทั้งหมดแล้วยังปฏิบัติต่อเขาด้วยมารยาทดังเดิมกระทั่งถึงกับมอบโหวจือจิ้งเป็นของขวัญเพื่อแสดงว่าตนมิได้เอนเอียงเข้าข้าง

ถึงตอนนั้นเกรงว่าต่อให้เหมยฉางซูมีปณิธานแน่วแน่ยังคงหวั่งไหวไม่มากก็น้อย

และเหมาฉางซูทำงานให้กับรัชทายาทเมื่อใดก็ต้องเร่งสร้างผลงานสักหลายชิ้นก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อชดเชยสิ่งที่เคยล่วงเกินรัชทายาทไว้ และเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจในเวลาเดียวกัน

ถึงตอนนั้นพวกเราไยมิใช่ตกเป็นเป้าหมายแรกแล้ว