มนัส สัตยารักษ์ | มาตรฐานใหม่

ผิดหวังอย่างแรงกับกิริยาอาการของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กลับไปเป็นนายทหารจอมฉุนเฉียวและปากไวอย่างเก่า

พร้อมกันนั้นก็เสียดายโอกาสที่หลุดมือไปของรัฐบาล ของรัฐมนตรี รวมทั้งของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่หลุดมือไปกับพฤติกรรมไม่เห็นหัวประชาชน หลุดมือไปจากโอกาสที่จะได้ “ทำงาน” กับเงินจำนวนมหาศาล -หลายล้านล้านบาท- จาก พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ

ภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบในสภา เหมือนพิธีกรรายการ “ขยี้ข่าว” ในทีวีช่องหนึ่ง ที่ทำให้เราเลิกดูกลางคัน เพราะเหมือนกับภาพนายสิบกำลังตะคอกทหารเกณฑ์ นายกรัฐมนตรีที่กลับไปเป็น “คนจุดเดือดต่ำ” อย่างเดิม ด่ากราดและสั่งสอนประชาชนกลางสภา… “ใครไม่ได้เงินให้ไปตามหาคนโกงเอาเอง!!”

ขณะเดียวกันนั้นก็หวนกลับไปโทษรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่างที่ทำมาตลอดเวลาที่มีเหตุผิดพลาดเกิดขึ้น…ชมตัวเองว่าดีกว่าพวกหนีคดี

หลังจากนั้นก็ “ทวงบุญคุณ” เอากับประชาชน โดยไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยเลยว่า นอกจากจะไม่ได้สร้างบุญคุณอะไรแล้ว ยังสร้างแต่ความหงุดหงิดแก่ประชาชนตลอด 6 ปีที่ผ่านมาด้วย

เป็นอันว่า ไอ้ที่ลืมโกรธลืมเกลียดหลังจากหยุดกราดเกรี้ยวมาพักหนึ่งนั้น มาบัดนี้เราก็กลับมาเกลียดและชิงชังอย่างเดิมอีกแล้ว

ท่ามกลางสถานการณ์หวาดระแวงโควิด-19 รัฐมนตรีและทีมงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เปิดฉากชิงอำนาจกันเองด้วยเกมที่สื่อบางรายเรียกว่า “น้ำเน่า” ให้คณะกรรมการบริหารพรรคลาออก 18 คน เพื่อให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคใหม่

แม้แต่เด็กก็รู้ว่า นี่คือเกมการยึดอำนาจบริหารพรรค เกมที่ถูกกำหนดขึ้นในเวลาอันเหมาะสม (สำหรับพวกเขา) ด้วยว่าเป็นช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีเริ่มถอยห่างออกจากนักการเมือง หันไปคุยกับอาจารย์แพทย์ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจหรือเจ้าสัวระดับมหาเศรษฐี

ประจวบกับเป็นช่วงเวลาหลังจาก พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับผ่านสภาและวุฒิสภาไปเรียบร้อยแล้ว

ติดค้างเฉพาะแต่การยื่นเสนอญัตติด่วนต่อประธานสภา ของ ส.ส.จากหลายพรรคการเมือง ญัตติด่วนนั้นก็คือ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

เกมเปลี่ยนอำนาจในพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ค่อนข้างสำคัญถึงขนาดต้อง “ก้าวข้าม” ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและสถานะความเสื่อมทรุดของเศรษฐกิจ

เกมเปลี่ยนอำนาจในพรรคพลังประชารัฐถูกกล่าวถึงมากกว่าการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับในสภา ผู้วิเคราะห์ วิพากษ์และวิจารณ์ ต่างมองไปคนละทาง 2 ทาง ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ สื่อ หรือนักการเมืองด้วยกันก็ตาม

ว่ากันโดยทั่วไป การแย่งชิงอำนาจในพรรคการเมืองนับเป็นเรื่อง “น้ำเน่า” แต่ต้องยอมรับว่าถ้าเป็นผู้ชนะก็ย่อมได้อำนาจ มีสิทธิบริหารองค์กร จัดสรรตำแหน่งและผลประโยชน์ ส่วนผู้แพ้มีทางเลือกเพียง 2 ทางคือ ไปตั้งพรรคใหม่หรือไปอยู่พรรคอื่น อีกทางคือยอมศิโรราบโดยอยู่ในฐานะบริวารไปจนกว่าจะเติบโตขึ้นมาใหม่ หรือจนกว่าผู้ชนะจะพลาดท่าเสียทีตกเก้าอี้

นักวิชาการส่วนใหญ่มองการแย่งอำนาจในพรรคครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ไม่ได้ก็อยากได้ คนที่ได้แล้ว เป็นแล้วก็กลัวถูกปลด แต่เป็นเรื่องที่แสดงออกมาอย่างไร้กาลเทศะ จึงสะท้อนให้เห็นสภาวะดิ่งลงต่ำของการเมืองน้ำเน่า

อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งมองว่า เป็นเกมต่อรองก่อนปรับคณะรัฐมนตรีเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงถึงขั้นแตกหัก ลูกพรรครายหนึ่งออกปากขับไล่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคในที่ประชุม

เจ้าของคอลัมน์ดัง “อ่านใส” ตรงใจชาวบ้านว่า เป็นการเล่นเกมชิงเก้าอี้ระหว่างกลุ่ม “สามมิตร” ซึ่งเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า (จากพรรคเพื่อไทยที่ย้ายมา) กับ “4 กุมาร” ภายใต้การนำของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กลุ่ม 4 กุมารนี้เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ได้เป็น ส.ส.และรัฐมนตรีโดยไม่ต้องลงทุน ผลงานที่ผ่านมาไม่เข้าตาประชาชน มิหนำซ้ำไม่ต้อง “ดูแล” ลูกพรรคตามธรรมเนียมอีกด้วย

กลุ่มสามมิตรอาศัยความเก๋า เชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่” ของ พล.อ.ประยุทธ์ผู้ลอยตัว โดยที่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธผู้สื่อข่าวหน้าตายว่า “ไม่รู้ ไม่เห็น”

สื่อมวลชนไม่ฟังเสียง ยังคงกระพือข่าวนี้ไปในทิศทางต่างๆ บ้างก็ว่าแค่เปลี่ยนตัวหัวหน้ากับเลขาธิการพรรคเท่านั้น บ้างก็คาดการณ์ไปว่านายกรัฐมนตรีจะอาศัยจังหวะนี้ปรับ ครม. บ้างก็เสี้ยมว่าอาจจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเป็น พล.อ.ประวิตรด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ทนหงุดหงิดไม่ไหว ออกมาปรามว่า “อย่าดราม่ามากเกินไป”

เรื่องของพรรคตนไม่เกี่ยว ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เรื่องปรับ ครม.เป็นเรื่องของตนคนเดียว

สรุปแล้วก็คือ ศึกชิงอำนาจในพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ไม่มีปัญหา แม้ว่าจะเป็นศึกที่ผิดกาลเทศะ และรุนแรงจนคนแพ้ดูน่าสมเพชอย่างยิ่งก็ตาม

แต่ปัญหาของสังคมนอกพรรคมีแน่นอนถ้า พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค เพราะ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้สร้างความหมายใหม่ หรือมาตรฐานใหม่ หรือ new normal ของคำว่าคอร์รัปชั่น!

กรณี “นาฬิกายืมเพื่อน” คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีหนังสือลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 แจ้งเรื่องการครอบครองนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร ต่อผู้ร้องคือ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.

“ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เจ้าของนาฬิกา ให้ พล.อ.ประวิตรยืมใช้ในโอกาสต่างๆ และ พล.อ.ประวิตรคืนให้เมื่อใช้เสร็จ การยืมใช้ดังกล่าวเป็น การยืมใช้คงรูป และการยืมใช้คงรูปแม้เป็นหนี้ แต่ก็มิใช่หนี้สินตามที่ ป.ป.ช.กำหนดให้ต้องแสดงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน”

สรุปว่า รายการหนี้สิน ล้วนหมายถึงหนี้สินที่เป็นเงินตราเท่านั้น

ข้อพิจารณาของ ป.ป.ช.ดังกล่าวข้างต้น ได้รับการโต้แย้งจากหลายฝ่าย

นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ป.ป.ช.ควรออกข้อกำหนดให้ผู้ครอบครองทรัพย์สินทุกประเภทที่ยืมมาทุกชนิด แจ้งรายละเอียดของประเภทและที่มาของทรัพย์สินนั้นๆ เพื่อเป็นการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ของผู้ครอบครองว่ามิได้มีเจตนาปกปิดซ่อนเร้นทรัพย์นั้นแต่อย่างใด”

อาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เห็นว่า “ประเด็นหลักของเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นข้อกฎหมาย ประเด็นหลักเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เป็นนาฬิกายืมเพื่อนจริงหรือไม่”

อาจารย์ปริญญาสรุปด้วยคำถามแทงใจคนไทยว่า

“จากนี้ไปเราจะป้องกันการให้สินบนเป็นสิ่งของได้อย่างไร?”

อนึ่ง มีตัวอย่างคดี “ยืมทรัพย์คงรูป” ประกอบการพิจารณาถึงความสับสนในมาตรฐานการทำงานของ ป.ป.ช.

นั่นคือ กรณีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ยืมใช้รถยนต์โฟล์กสวาเกน (ซึ่งเป็นทรัพย์คงรูป) ป.ป.ช.ชี้มีความผิด ศาลพิพากษาจำคุก 10 เดือน ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนไทยเราจะได้คะแนน “ปราบโกง” เพิ่มขึ้นจากการประเมินขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI)

ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ไทยเรากำลังหน้าบานเพราะได้รับคำชมเชยจากโลกหรือ WHO กรณีของการ “ปราบโควิด” เพื่อไม่ให้มีความย้อนแย้งกันในคำชมเชย จึงเห็นควรให้ ป.ป.ช.ชี้มูลเรื่องนาฬิกาตามมาตรฐานเดิม นั่นคือมีความผิด พล.อ.ประวิตรถูกจำคุก 10 เดือน

หรือเปลี่ยนมาตรฐานใหม่ถือเป็นนิวนอร์มอลว่า การให้หรือรับสินบนด้วยทรัพย์คงรูปไม่เป็นความผิดฐานคอร์รัปชั่น!


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่