เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าเรื่องของ “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560″ ไม่ว่าเรื่องการดำรงอยู่ของ”มาตรา 44” ล้วนเป็นเรื่องของ “อำนาจ”
”รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560″ เท่ากับอำนาจ”ใหม่”
ขณะเดียวกัน การคง”มาตรา 44″เอาไว้ใน “บทเฉพาะกาล”คือ การปรับประสานระหว่างอำนาจ 2 ส่วน
อำนาจ”ใหม่” กับอำนาจ”เก่า”
หากมองผ่านบทสรุปจาก นายสุขุม นวลสกุล ซึ่งเป็น”นักรัฐศาสตร์” ก็จะมองเห็นภาพ
เป็น “ภาพ” อันเกิดจากการ”อุปมา”
”เขาอยากคายอำนาจ แต่ต้องคายอำนาจแบบไม่เสียของ คายแล้วต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ”
คำว่า “เสียของ”นั่นแหละที่ “ตามมา”
ความรู้สึกว่า “เสียของ” เกิดขึ้นจากการประเมินบทบาทและความ หมายของรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
เพราะว่าไม่มี “มาตรา 44”
จึงไม่สามารถจัดการกับ”พลังตกค้าง”อันเนื่องแต่ผลงานและความสำเร็จของ “ไทยรักไทย”ได้
ทำให้แพ้ในการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550
น่าเศร้าอย่างยิ่งที่แม้ว่าจะมีการปราบปรามอย่างเข้มทั้งเดือนเมษายน 2552 และเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
แต่เลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 ก็ยังแพ้อีก
จึงจำเป็นที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกโรงเป็นกองหน้า กระทั่งนำไปสู่”ชัตดาวน์”และรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ในที่สุด
รัฐประหารเพราะรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 เสียของ
สถานการณ์จาก”รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560″หากมองอย่างเปรียบ เทียบกับ”รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550″
ก็อ่อนไหวอย่างยิ่งต่อคำว่า “เสียของ”
ยิ่งอ่อนไหวยิ่งทำให้บทสรุปที่ว่า “คายอำนาจ”เหลื่อมซ้อนอย่างยิ่งกับความต้องการในการ”สืบทอด”และต่อท่อแห่งอำนาจ
ต่อไป
การดำรงอยู่ของ”มาตรา 44″จึงย้อนแย้งกับการประกาศและบังคับใช้”รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560”
ว่าเป็นการคายอำนาจ หรือว่าเป็นการต่อท่อแห่งอำนาจ