รายงานพิเศษ / จับตา ‘บิ๊กตู่’ ผ่าทางตัน ยึดเก้าอี้เลขาฯ สมช. ‘ณัฐพล-ณตฐพล’ ย้อนสูตรทายาท ‘ตู่-ติ่ง-ต่อ-ตั้ม’ ‘แม่ทัพต่อ’ เต็ง วัดพลัง ‘บิ๊กบี้’ จัดทีม ‘บิ๊กป๊อด-K.K.’ เข้มข้น ชิงแม่ทัพ 4

รายงานพิเศษ

 

จับตา ‘บิ๊กตู่’ ผ่าทางตัน ยึดเก้าอี้เลขาฯ สมช.

‘ณัฐพล-ณตฐพล’

ย้อนสูตรทายาท ‘ตู่-ติ่ง-ต่อ-ตั้ม’

‘แม่ทัพต่อ’ เต็ง

วัดพลัง ‘บิ๊กบี้’ จัดทีม

‘บิ๊กป๊อด-K.K.’ เข้มข้น ชิงแม่ทัพ 4

พล.อ.ณตฐพล บุญงาม

แม้จะมี “สัญญาสุภาพบุรุษ” ที่จะให้บิ๊กโจ้ พล.อ.ณตฐพล บุญงาม ที่ปรึกษาพิเศษสำนักปลัดกลาโหม เตรียมตัวมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไว้แล้วก็ตาม

แต่ก็ยังเกิดกระแสข่าวในทำเนียบรัฐบาลว่า บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. จะมาเป็นเลขาฯ สมช.แทนบิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่กำลังจะเกษียณ 30 กันยายนนี้

ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลหลายประการ

ทั้งการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ที่ดึงตัว พล.อ.ณัฐพลจากกองทัพบกมาช่วยงานที่ ศบค.ทำเนียบรัฐบาล มาช่วยคิดในการทำศึกโควิด

ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายงานให้ พล.อ.ณัฐพลทำงานร่วมกับ พล.อ.สมศักดิ์ใน ศบค.มาตลอด ทั้งการเป็นรองหัวหน้าฝ่ายประสานงานด้านความมั่นคงของ ศบค.ส่วนกลาง และเป็นรองคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณามาตรการผ่อนปรนฯ ที่ก็ล้วนมี พล.อ.สมศักดิ์เป็นหัวหน้าทีม

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์

ประกอบกับความสนิทสนมและไว้วางใจที่ พล.อ.ประยุทธ์มีต่อ พล.อ.ณัฐพล เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของคนที่ทำงานใน ศบค.และในทำเนียบรัฐบาล จึงทำให้เชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเลือก พล.อ.ณัฐพลมาทำงานใกล้มือในทำเนียบรัฐบาล และเป็นจังหวะที่ พล.อ.สมศักดิ์จะเกษียณราชการพอดี

เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ณัฐพลถือเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นมือทำงานด้านยุทธการและการวางแผนให้กับ พล.อ.ประยุทธ์มาตั้งแต่เป็นผู้บัญชาการทหารบกจนถึงการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

และกลายเป็นคีย์แมนคนสำคัญใน คสช. ในการทำงานของรัฐบาล คสช. เรียกได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เชื่อมือมาก

นอกจากนั้น เป็นเพราะในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ยังไม่สามารถจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมรองรับ พล.อ.ณัฐพลได้ เนื่องจากยังมีอายุราชการถึงกันยายน 2564

แม้ พล.อ.ณัฐพลพร้อมที่จะเป็นรอง ผบ.ทบ.ต่อไปเป็นปีที่ 3 ก็ตาม แต่ก็จะทำให้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่เป็นรอง ผบ.ทบ. ครองอัตราจอมพลต่อเนื่องกันถึง 3 ปี และถือว่ามีอาวุโสสูงสุด

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ณัฐพลเป็นรอง ผบ.ทบ.ได้ เพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 20 ของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ช่วยทำงานต่างๆ แทน พล.อ.อภิรัชต์ที่มีภารกิจมาก และยังสวมหมวกผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) และมีภารกิจ “ว.5” เสมอๆ จน พล.อ.ณัฐพลได้รับฉายาว่าเป็น “ผบ.ทบ.คนที่ 2”

แต่เมื่อมีการวางตัวบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ไว้เป็น ผบ.ทบ.แล้ว และเป็นรุ่นน้อง ตท.22 ก็อาจจะไม่เหมาะนัก ที่จะให้รุ่นพี่ ตท.20 มาเป็นรอง ผบ.ทบ.

แต่ครั้นจะไปลงตำแหน่งอื่น เช่น ปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ก็ยังไม่เกษียณ

ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็มีการวางตัวบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหารเอาไว้แล้ว

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

จึงมีการเดาใจ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะวางตัว พล.อ.ณัฐพลลงในตำแหน่งใด

เพราะก่อนหน้านี้ก็เกิดข่าวสะพัดในกองบัญชาการกองทัพไทย ว่ามีโอกาสสูงที่ พล.อ.ประยุทธ์จะส่ง พล.อ.ณัฐพลข้ามห้วยจาก ทบ. มาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดก่อน 1 ปี

จากนั้นค่อยให้ พล.อ.เฉลิมพลที่เกษียณราชการ 2566 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เพราะตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไม่จำเป็นต้องเป็น “นายทหารคอแดง” หรือที่ทำงานในหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904)

ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ซึ่งเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย สนับสนุนให้ พล.อ.เฉลิมพลเป็นทหารคอแดง ที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ. 904 ด้วยเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด จึงได้ส่งตัวจากกองทัพบกมาตั้งแต่การโยกย้ายปีที่แล้ว

แต่ก็มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยกับ พล.อ.อภิรัชต์แล้ว ที่ยังคงยืนยันตามที่ได้หารือกับ บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไว้ตั้งแต่การโยกย้ายครั้งที่แล้ว ที่ส่ง พล.อ.เฉลิมพล ข้ามจาก ทบ. มาเป็นเสนาธิการทหาร

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

เหล่านี้จึงทำให้เกิดกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะขอให้ พล.อ.ณัฐพลไปเป็นเลขาฯ สมช. แทน พล.อ.สมศักดิ์ที่จะเกษียณกันยายนนี้

ส่วน พล.อ.ณตฐพลนั้นเป็นเตรียมทหารรุ่น 21 และมีอายุราชการถึงกันยายน 2565 จึงสามารถรอต่อคิวเป็นเลขาฯ สมช. เมื่อ พล.อ.ณัฐพลเกษียณในกันยายน 2564 ได้

ทั้งนี้ พล.อ.ณตฐพลได้มาช่วยราชการอยู่ที่ สมช. ช่วยงาน พล.อ.สมศักดิ์ เพื่อเตรียมตัวเป็นเลขาฯ สมช.ไว้แล้ว

หากเป็นเช่นนั้น ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติก็จะถูกทหารยึดมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่บิ๊กแอ๊ว พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ที่เป็น 2 ปี และบิ๊กต้อม พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ จนมา พล.อ.สมศักดิ์ เป็นคนละ 1 ปี และมา พล.อ.ณัฐพล 1 ปี และ พล.อ.ณตฐพลอีก 1 ปี

และที่ผ่านมาเลขาฯ สมช. ก็มักจะกลายเป็นตำแหน่งที่รองรับการแต่งตั้งโยกย้ายทหารในระดับหัวที่ไม่ลงตัวอีกด้วย โดยเฉพาะในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่สมัย คสช.

กระแสข่าวนี้ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์กระแซะถาม พล.อ.ณัฐพลเพื่อดูท่าทีว่าอยากจะมาช่วยทำงานในตำแหน่งเลขาฯ สมช.หรือไม่

แต่ทว่า พล.อ.ณัฐพลได้ปฏิเสธไป เพราะมองว่าตัวเองไม่เหมาะ และมือไม่ถึงที่จะรับตำแหน่งสำคัญนี้

และไม่อยากจะให้เรื่องของตนเองไปกระทบคนอื่น ที่ได้มีการวางตัวกันไว้หมดทุกตำแหน่งแล้ว

เพราะ พล.อ.ณัฐพลนั้นพร้อมที่จะอยู่ในตำแหน่งใดก็ได้ ขอให้มีงานทำ หรือแม้แต่จะให้เป็นรอง ผบ.ทบ. ช่วยงานที่กองทัพบกต่อไปเป็นปีที่ 3 ก็ตาม

 

“ไม่ต้องห่วงผม เพราะมาถึงแค่นี้ก็ภาคภูมิใจแล้ว” พล.อ.ณัฐพลให้คำตอบ

แต่กระนั้นก็ตาม กระแสข่าวที่ พล.อ.ณัฐพลจะมาเป็นเลขาฯ สมช.นั้น อาจเกิดจากความเข้าใจผิด เพราะชื่อที่ออกเสียงคล้ายๆ กันของ พล.อ.ณัฐพล และ พล.อ.ณตฐพล ที่ถูกวางตัวไว้ตาม “สัญญาสุภาพบุรุษ” ที่ได้ถูกโยกย้ายออกจากกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.เฉลิมพลข้ามไปเป็นเสนาธิการทหาร เพื่อเตรียมขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.ณตฐพลก็ถือเป็นแคนดิเดตที่ถูกมองว่าจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดตั้งแต่ก่อนหน้านี้เช่นกัน

เป็นสัญญาสุภาพบุรุษที่เกิดขึ้นจากการหารือและตกลงใจกันของ พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.พรพิพัฒน์ และได้มีการพูดคุยกับบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช. กลาโหม และบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงแล้ว ตั้งแต่การโยกย้ายเมื่อกันยายน 2562 และเป็นที่รับทราบของ พล.อ.ประยุทธ์แล้วด้วย

อีกครั้งในยุคนี้มีนายทหารที่ชื่ออ่านออกเสียงคล้ายๆ กันถึง 3 คน ทั้ง พล.อ.ณัฐพล พล.อ.ณตฐพล และบิ๊กจ๊าบ พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก และ ผอ.ศูนย์โควิดฯ ทบ. แต่ก็กำลังจะเกษียณกันยายนนี้แล้ว

(ซ้าย) พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ (ขวา) พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ระดับหัว ที่ยังมีกระแสข่าวลือต่างๆ ออกมาเสมอว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากที่ได้วางตัวกันเอาไว้เท่านั้น

แต่ในระดับแม่ทัพนายกองก็ยังคงมีความเคลื่อนไหว มีแรงกระเพื่อมเกิดขึ้นในกองทัพ ทั้งแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 4

ทั้งนี้เพราะคาดการณ์ว่า ในระดับ 5 เสือ ทบ. หาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ตามที่ได้ถูกวางตัวไว้ ก็จะเลือกบิ๊กโต้ง พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ หัวหน้าสำนักงาน เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 22 ที่เพิ่งย้ายกลับมาจากกลาโหม ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบกคู่ใจ

พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ

บิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 นายทหารคอแดง และรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จะขยับขึ้นมาเป็นพลเอก ผู้ช่วย ผบ.ทบ.

ส่วนแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ มีแคนดิเดต 2 คนคือ บิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 และบิ๊กอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ล้วนเป็นทหารคอแดงและอยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยกัน

แต่ พล.ท.เจริญชัยซึ่งเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 และติดยศพลโทไว้แล้วได้เปรียบกว่า อีกครั้งที่ผ่านมานายทหารที่จะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็มักจะมีไลน์มาจากตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 1 แถมยังเป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร 23

จึงคาดว่า พล.ต.ทรงวิทย์เตรียมทหาร 24 จะขยับขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ติดยศพลโท เพื่อจ่อเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ไว้

และนั่นจะหมายถึงว่า พล.ท.เจริญชัยเข้าไลน์สู่การเป็น 5 เสือกองทัพบก และเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคตอันใกล้ด้วย โดยมีอายุราชการถึงกันยายน 2567 สามารถที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่จะเกษียณกันยายน 2566 ได้พอดี

โดยมี พล.ต.ทรงวิทย์ต่อคิวขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ห้าเสือ ทบ. และ ผบ.ทบ.คนต่อไป เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2568

 

เป็นที่รู้กันดีว่า พล.ท.เจริญชัยนั้นเป็นน้องรักสายทหารเสือราชินีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่อยู่ใน ร.21 รอ.ด้วยกันมา

และน่าจะกลายเป็นน้องรักคนเดียวของ พล.อ.ประยุทธ์ จากที่ได้วางตัวไว้หลายคนในการขึ้นเป็นผู้นำกองทัพบก แต่ก็ผ่านด่านต่างๆ มาได้แค่คนเดียว

จากสูตรอำนาจเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์วางตัวทายาทในกองทัพบกไว้คือ “ตู่-ติ่ง-ต่อ-ตั้ม” ที่ล้วนเป็น ผบ.ร.21 รอ. แต่ก็มาเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เกิดมีทหารคอแดง และ ฉก.ทม.รอ.904

จากเดิมที่เคยวางตัวบิ๊กติ่ง พล.ท.สันติพงษ์ ธรรมะปิยะ น้องรักสายทหารเสือราชินี (ตท.22) ไว้ แต่ไม่ได้เป็น “ทหารคอแดง” ทำให้ต้องขยับจากรองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้า บก.ทบ. มาติดยศพลโทในตำแหน่งเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ต้องเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากสายคอมมานด์ คุมกำลัง มาอยู่ฝ่ายอำนวยการ ไม่ได้ขึ้นถึง ผบ.ทบ.

ขณะที่บิ๊กตั้ม พล.ต.วรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ (ตท.24) น้องรักอีกคนของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้เป็นทหารคอแดง และจาก ผบ.พล.ร.11 ก็ถูกขยับมาเป็นรองแม่ทัพน้อยที่ 1 ดังนั้น โอกาสที่จะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็น ผบ.ทบ. จึงน้อยมาก

จึงยังคงมี พล.ท.เจริญชัยที่เป็นทหารคอแดง ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรของ ฉก.ทม.รอ.904 แล้ว ที่สามารถขึ้นมาได้แม่ทัพน้อยที่ 1 และจ่อเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และถือเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.ในอนาคตด้วย

ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัด หลัง พล.อ.ประยุทธ์ได้ปิดห้องพูดคุยกับ พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นเวลา 1 ช.ม. ที่ทำเนียบ หลังร่วมพิธีรับพระราชทานหน้ากากผ้าฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในเรื่องตัวนายทหารในโผทหาร และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และติดปลายนวมเรื่องการเมือง

ขณะที่ 5 เสือ ทบ.ในโผโยกย้ายที่กำลังจะถึงนี้ มีทั้งบิ๊กป๋อ พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 และบิ๊กเดฟ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ชิงเก้าอี้ ผช.ผบ.ทบ. โดยล้วนเป็นเพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์

แต่ส่วนใหญ่แม่ทัพภาคที่ 3 และแม่ทัพภาคที่ 4 มักจะไม่ค่อยได้ขึ้น 5 เสือ ทบ. แต่จะเป็นพลเอก ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ทบ.

แต่ พล.ท.พรศักดิ์ถือเป็นเพื่อนสนิทของ พล.อ.อภิรัชต์ ก็อาจมีโอกาสได้เป็น ผช.ผบ.ทบ.

พล.ท.สิทธิพร มุสิกะสิน

แต่ที่น่าจับตามองอยู่ที่แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ที่จะเป็นการสะท้อนความแข็งแกร่งของ พล.อ.ณรงค์พันธ์

โดยเป็นที่รู้กันดีในบรรดาเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 22 ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่าที่ ผบ.ทบ. เล็งที่จะให้บิ๊กป๊อด พล.ท.สิทธิพร มุสิกะสิน แม่ทัพน้อยที่ 4 เพื่อนสนิท ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่

อีกทั้งในการแต่งตั้งโยกย้ายกลางปีเมื่อเมษายนที่ผ่านมา พล.ท.สิทธิพรก็เพิ่งได้ขึ้นจากรองแม่ทัพภาคที่ 4 มาเป็นพลโท แม่ทัพน้อยที่ 4 ซึ่งก็ถือว่าจ่อที่จะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 4 อยู่แล้ว

แต่ทว่าเป็นที่รู้กันดีเช่นกันว่า พล.ท.พรศักดิ์นั้นสนับสนุน K.K. พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 น้องรักคนสุราษฎร์ฯ ด้วยกัน และโตมาในกองทัพภาคที่ 4 ด้วยกัน ให้คืนเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนต่อไป เพราะที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ลงมาทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วน พล.ต.สิทธิพรนั้นให้ดูแลภาคใต้ตอนบน

ทั้งนี้ พล.ท.สิทธิพร และ พล.ต.เกรียงไกร ก็ล้วนเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่าที่ ผบ.ทบ.เช่นกัน

พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์

ขณะที่ พล.ท.พรศักดิ์ก็เป็นเพื่อน ตท.20 ที่สนิทอย่างมากของ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ย่อมต้องพยายามผลักดัน พล.ต.เกรียงไกรให้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 อย่างเต็มที่

เช่นกัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ต้องการแม่ทัพภาคที่ 4 มือทำงานสำคัญที่เป็นเพื่อนสนิท รู้ทางรู้มือรู้ใจกัน

ดังนั้น คนที่ลำบากใจที่สุดก็คงเป็น พล.อ.อภิรัชต์ที่ต้องตัดสินใจในโผนายพลครั้งสุดท้าย

ก่อนที่จะเกษียณราชการ แล้วปล่อยมือให้ ผบ.ทบ.คนใหม่ดูแลกองทัพบก และทำหน้าที่ต่อไป

          แม้จะเชื่อกันว่า พล.อ.อภิรัชต์แม้จะเกษียณ แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล ยังคงจะทำหน้าที่ประสานงานใกล้ชิดกับกองทัพต่อไป…โดยที่ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคต