“ปุจฉา-วิสัชนา” สามเณรแห่งลาว กับ “โอบามา”

AFP PHOTO / SAUL LOEB

สามเณร แสงดาว อุดมสิน อายุ 18 ปี เป็นเหมือนกับสามเณรอีกหลายต่อหลายรูปในลาวที่ตัดสินใจบวชเณรเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับตนเอง นอกเหนือจากการจมปลักอยู่กับท้องนาและความยากจนตามแบบฉบับของพ่อและพ่อของพ่อ และ…

เมื่อเรียนจบชั้นประถมในวัย 13 จึงบวชเรียนเพื่อเป็นใบเบิกทางให้สามารถออกจากบ้านมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่อย่างหลวงพระบางได้

นอกเหนือจากศึกษาพุทธศาสนาแล้ว แสงดาวยังสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนอนุเคราะห์ขององค์กรไม่แสวงกำไรจากประเทศอังกฤษอีกด้วย

สามเณรแสงดาว เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจากยูทูบ โดยอาศัยแท็บเล็ตดาดๆ ที่ญาติผู้หนึ่งมอบให้กับสัญญาณไวไฟของเกสต์เฮ้าส์อีกฟากถนนหน้าวัด

พยายามท่องจำ ออกเสียงเลียนแบบคำและวลีในคลิป สอนตัวเองอย่างนี้มาสองปีเต็มแล้ว

 AFP PHOTO / SAUL LOEB

ยูทูบชักนำสามเณรแสงดาวให้รู้จักกับ บารัค โอบามา

จำได้จากหน้าหนังสือพิมพ์ว่านี่คือประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่กำลังจะมาเยือนในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ในทริปเยือนเอเชียครั้งสุดท้าย แต่ไม่รู้อย่างอื่นมากกว่านั้น

ยูทูบมีสุนทรพจน์โอบามาอยู่หลายสิบ ทั้งที่เกี่ยวกับความหวัง บ้างเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง แต่สุนทรพจน์ครั้งหนึ่งสะดุดใจ สะกิดความคิดสามเณรอย่างจัง ติดอยู่ในห้วงคำนึงชนิดหยิบมาท่องบ่นครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนบทสวดทำวัตรเช้ายังไงยังงั้น

“หากสมัครใจที่จะทำงานหนัก ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน…ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ที่นี่ ที่อเมริกา ถ้าพยายามทำ” โอบามาบอกไว้ในสุนทรพจน์รับชัยชนะในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในปี 2012

สามเณรแสงดาว และนางเรนา บิตเตอร์ เอกอัครราชทูตประจำลาวภาพจาก www.thestar.com

สำหรับสามเณรแสงดาว คำพูดนี้จับใจอย่างยิ่ง กระตุ้นให้ใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์ต่อมาดูดซับทุกอย่างเกี่ยวกับโอบามาเท่าที่สามารถหาพบ และผลักดันให้ยืนรออยู่หน้ากำแพงวัด ขอมีโอกาสได้พบเห็นก็ได้ หรือถ้าได้พูดคุยด้วยยิ่งดี

“เขาบอกว่าในอเมริกา ถ้าพยายามก็จะประสบความสำเร็จ ก็น่าจะจริง แต่คงไม่เสมอไป เณรอยากถามว่า ถ้าเป็นที่ลาวแล้วจะจริงเหมือนกันหรือเปล่า”

สามเณรแสงดาวบอกกับ วิลเลียม แวน ผู้สื่อข่าววอชิงตันโพสต์ที่ติดตามคณะประธานาธิบดีมาเยือนลาวไว้อย่างนั้น ในตอนที่ยืนรอขบวนรถโอบามาอยู่หน้าวัด

เป็นการรอคอยหลายชั่วโมงที่สูญเปล่า วันนั้น โอบามาพร้อมคณะมาเยือนวัดใกล้เคียงก็จริง แต่ใช้อีกเส้นทาง อ้อมไปด้านหลังวัดของสามเณรแสงดาว

 AFP PHOTO / SAUL LOEB

ข้อเขียนเรื่องสามเณรแสงดาว ของ วิลเลียม แวน ตีพิมพ์ในวันที่ 7 กันยายน ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำนครเวียงจันทน์พบเข้าและถูกรายงานถึงโอบามาในที่สุด

โอบามาตอบคำถามของสามเณรมาเป็นลายลักษณ์อักษร เซ็นชื่อลงท้ายด้วยตัวเอง ลงวันที่ 30 กันยายน 3 สัปดาห์หลังวันเยือน จดหมายประธานาธิบดีถึงสามเณรถูกส่งมายังสถานทูต ซึ่งกว่าที่จะควานหาตัวสามเณรเจอได้ก็เป็นวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เอกอัครราชทูต เรนา บิตเทอร์ นำจดหมายมามอบให้สามเณรถึงวัดเอง

“ถึงสามเณรแสงดาว” คือข้อความเริ่มต้นของจดหมาย ต่อด้วย “คณะทำงานบอกให้ผมรู้ว่า ท่านมีบางอย่างอยากถามระหว่างการเดินทางเยือนของผมเมื่อเร็วๆ นี้…”

สามเณรเล่าเรื่องนี้ให้มิตรสหายใกล้ชิดเพียงไม่กี่คน คนที่ได้เห็นตัวจดหมายยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ แม้เมื่อตอนที่ทำสำเนาให้ วิลเลียม แวน ดู สามเณรแสงดาวก็ร้องขอว่าอย่างเผยแพร่ฉบับเต็ม

“ไม่ใช่เป็นความลับหรืออะไรหรอก แต่รู้สึกว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว เป็นส่วนตัวที่มีค่าทางใจมากกว่า การที่ท่านเลือกที่จะเขียนบางอย่างมา ถือเป็นการส่วนตัวมากๆ เณรไม่อยากให้ความรู้สึกนั้นหมดไป”

โอบามาให้กำลังใจให้สามเณรมุ่งมั่นทำความฝันให้เป็นจริงต่อไป ไม่ลืมการอุทิศตนเพื่อปรับปรุงชีวิตทั้งของตนเองและผู้อื่นให้ดีขึ้นในอนาคต

“จดหมายนี้ ตอบทุกคำถาม” สามเณรแสงดาวบอก “โอบามาก็เหมือนกับเณร เป็นคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ ท่านทำให้รู้สึกว่า เณรก็ทำได้เหมือนกัน”

AFP PHOTO / SAUL LOEB

ฝันที่มีมายาวนานแล้วของสามเณรแสงดาว คือการเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยในเมืองนอก ยิ่งเป็นสหรัฐอเมริกายิ่งดี เพื่อให้ได้ทำงานกับสหประชาชาติหรือองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอะไรก็ได้สักแห่ง เพราะหวังจะได้ใช้วิชาและความสามารถของตัวเองช่วยเหลือคนอื่นๆ

คำพูดและจดหมายโอบามา สร้างแรงบันดาลใจให้สามเณรแสงดาวเต็มเปี่ยม

เรื่องราวของสามเณรแสงดาว ดลใจใครบ้างหรือไม่ อย่างไร?!