วรศักดิ์ มหัทธโนบล : ถังเต่าดำ

วรศักดิ์ มหัทธโนบล

สุย-ถังกับนานาวิสาสะสมัย (จบ)
ความลงท้าย (ต่อ)

ถังมีภูมิหลังที่คล้ายกับสุยตรงที่ชนชั้นนำของถังก็มิใช่จีนแท้โดยสายเลือด สายเลือดของถังมีส่วนผสมของฮั่น เซียนเปย และเติร์ก ภูมิหลังนี้ย่อมทำให้ชนชั้นนำของถังมีวัฒนธรรมของชนชาติอื่นเป็นพื้นอยู่ด้วย

การที่ต้องขลุกอยู่กับวัฒนธรรมอื่นทำให้ชนชั้นนำของถังมีทัศนคติต่อชนชาติอื่นในเชิงบวก คือทำให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับชนชาติอื่นได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ การมีทัศนคติเช่นนี้มีส่วนไม่มากก็น้อยในการทำให้ถังมีนโยบายที่เปิดกว้าง

ในยุคถังจึงเป็นยุคที่เปิดความสัมพันธ์กับชนชาติอื่นหรือกับประเทศอื่นอย่างกว้างขวาง การเข้าออกหรือการพำนักอยู่ในจีนของชนต่างชาติกลายเป็นภาพปกติ เป็นภาพที่ประกอบไปด้วยการค้าที่คึกคัก มีศาสนิกชนในศาสนาต่างๆ มีรูปร่างหน้าตาภายใต้เสื้อผ้าแพรพรรณที่แตกต่างกันไป

จนเมื่อจักรวรรดิจีนก่อตัวขึ้นอีกครั้ง จักรวรรดินั้นก็กลายเป็นจักรวรรดินานาวิสาสะ (cosmopolitan empire) ที่ฉายภาพของความเจริญรุ่งเรืองในรูปแบบใหม่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

ที่ควรกล่าวด้วยก็คือ แม้ถังจะมีเลือดผสมของชนชาติอื่น และเปิดกว้างให้กับชนต่างชาติต่างวัฒนธรรมก็ตาม แต่ก็เป็นคนละประเด็นกับการที่ถังจะขยายจักรวรรดิของตนให้กว้างไกล ที่ในด้านหนึ่งย่อมมีดินแดนของชนชาติเหล่านั้นเป็นเป้าหมาย

ในแง่นี้ชนชาติเหล่านี้จึงเป็นทั้งศัตรูและภัยคุกคามของถังไปในเวลาเดียวกัน และทำให้การสร้างจักรวรรดิของถังมีองค์ประกอบสองด้านที่ควบคู่กันไป

ด้านหนึ่ง เมื่อตีชิงเอาดินแดนของชนชาติอื่นได้แล้วก็ใช้นโยบายรอมชอมกับชนชาติเหล่านั้น อีกด้านหนึ่ง ถังได้ตั้งทัพตามแนวชายแดนเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อคอยคุ้มกันจักรวรรดิ

การรอมชอมในเรื่องหนึ่งที่ถูกนำมาอ้างอิงอยู่เสมอก็คือ การยอมให้วงศานุวงศ์หญิงของตนได้แต่งงานกับชนชั้นนำของชนชาติเหล่านั้น อันเป็นท่าทีเชิงนโนยายที่ทำให้เห็นว่าถังหาได้รังเกียจความเป็นต่างชาติไม่ ถึงแม้จะจับได้ว่าวงศานุวงศ์หญิงเหล่านั้นมิใช่สายเลือดตรงของจักรพรรดิก็ตาม

ส่วนการตั้งทัพตามแนวชายแดนนั้น ต่อมาได้ทำให้ขุนศึกในทัพนี้ทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นภัยคุกคามต่อถังเมื่อถึงปลายราชวงศ์

 

ในส่วนการเมืองภายในนั้น ถังได้สืบทอดสิ่งที่สุยได้ริเริ่มเอาไว้ในหลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่สำคัญยิ่งก็คือ การสอบบัณฑิต ที่ในยุคถังได้พัฒนาให้เป็นระบบมากขึ้น และทำให้ได้ขุนนางที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมสร้างจักรวรรดิจนแข็งแกร่ง

ในประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่า ถังได้ใช้ลัทธิขงจื่อมาเป็นรากฐานในการปกครอง

แต่กระนั้น ถังก็ให้การส่งเสริมศาสนาพุทธ ถึงแม้ศาสนานี้จะถูกปฏิเสธหรือถูกทำลายในบางช่วงก็ตาม ส่วนลัทธิเต้าก็มีที่ทางเป็นของตนเอง อีกทั้งในบางสมัยถึงกับยกให้เป็นหลักคิดที่เหล่าเสนามาตย์จักต้องศึกษา

อย่างไรก็ตาม การใช้ลัทธิขงจื่อมาเป็นรากฐานในการปกครองก็มิได้เป็นไปอย่างเคร่งครัด เมื่อถังได้เปิดที่ทางให้แก่สตรีได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองในบางสมัย ถึงแม้จะไม่เป็นที่พอใจของเหล่าขุนนางที่สมาทานลัทธิขงจื่อก็ตาม

ที่สำคัญ สตรีในยุคถังมีอิสระอย่างมาก สตรีในยุคนี้สามารถไปไหนมาไหนได้ตามแต่ใจจะกำหนดชอบ และเป็นยุคที่สตรีมิได้ถูกดูหมิ่นถิ่นแคลนว่าเป็นเพศที่อ่อนแอดังยุคก่อนหน้านี้

การเมืองภายในที่ใช้ลัทธิขงจื่ออย่างยืดหยุ่น การเปิดที่ทางให้แก่ลัทธิและศาสนาอื่น การให้สตรีได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง หรือการดำเนินชีวิตที่อิสระของสตรีดังกล่าวมานี้ ส่วนหนึ่งย่อมแยกไม่ออกจากชาติภูมิของถังเอง ที่ว่ามีส่วนผสมของชนชาติอื่นอยู่ด้วย มิได้เป็นจีนแท้ที่สมบูรณ์

ชาติภูมิเช่นนี้นอกจากจะทำให้ชนชั้นนำของถังมีใจที่เปิดกว้างแล้ว ก็ยังเปิดที่ทางให้แก่บทบาทของสตรีอีกด้วย เพราะชนชาติอื่นที่เป็นต้นธารของถังนั้นมิได้เหยียดสตรีเพศดังชนชาติจีน โดยเฉพาะในเหล่าเสนมาตย์ที่สมาทานลัทธิขงจื่อ

 

อย่างไรก็ตาม ความเจริญรุ่งเรืองของถังเริ่มเสื่อมถอยลงเมื่อล่วงสู่ช่วงครึ่งหลังของราชวงศ์

สาเหตุที่เสื่อมถอยยังคงเป็นประเด็นที่ไม่ต่างกับยุคก่อนหน้านี้ นั่นคือ หากมิใช่เพราะจักรพรรดิไร้ซึ่งสติปัญญาและความสามารถก็เพราะจักพรรดิประพฤติตนเหลวแหลก และด้วยสาเหตุนี้จึงได้เกิดกบฏขึ้นมาทำลายเสถียรภาพของถัง

ถึงตอนนั้นเราก็ได้เห็นภาพของจักรพรรดิที่ลุ่มหลงกับสุรานารี ได้เห็นการใช้อำนาจแทนจักรพรรดิของขันทีและวงศานุวงศ์ และเห็นความกระด้างกระเดื่องของเหล่าขุนศึกที่ตั้งมั่นอยู่ตามชายแดน

ในกรณีหลังนี้แม้จะเป็นเพราะสุยกับถังได้สร้างทัพชายแดนให้แข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่ก็สร้างด้วยความจำเป็นเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกโดยแท้ และเป็นไปได้ที่ว่าหากจักรพรรดิในชั้นหลังของถังไม่อ่อนแอแล้ว บางทีทัพเหล่านี้อาจไม่กระด้างกระเดื่องก็ได้

แต่แล้วก็ด้วยอำนาจที่เพิ่มทวีมากขึ้นของกลุ่มทหารเหล่านี้ ถังจึงถูกโค่นล้มไปในที่สุด

 

สุย-ถังกับจักรวรรดินานาวิสาสะที่ถูกสร้างขึ้นและจบลงนี้มีประเด็นให้ชวนกล่าวขานอยู่มากมาย แต่ดูเหมือนจะไม่มีประเด็นใดที่จะพิสดารเท่ากับการเมืองเรื่องเพศสัมพันธ์ของถัง โดยจะเห็นได้ว่าชนชั้นนำของถังมิได้ยี่หระที่จะมีเพศสัมพันธ์ในเชิงเครือญาติ ซึ่งในประเพณีจีนไม่มีค่านิยมเช่นนี้

แต่ที่ถังเป็นเช่นนั้นก็เพราะชาติภูมิเดิมที่เป็นชนชาติอื่นที่ยอมรับในประเพณีที่ว่าเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่มิใช่เครือญาติถังก็หมกมุ่นกามเสวนกิจจนลุ่มหลง จนกล่าวได้ว่าเพศสัมพันธ์ของชนชั้นนำถังเป็นไปแบบไม่เลือกหน้า พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ถังได้รับฉายาในเวลาต่อมาว่า ถังเต่าดำ

เต่าดำในจีนมีกระดองเรียวยาว หลังนูน สีดำอมน้ำตาล มีลายที่นิ้วตีนเป็นพังผืดว่ายน้ำได้ กินหญ้าหรือสัตว์เล็กเป็นอาหาร ทนความหิวและกระหายได้ และเป็นเต่าที่มีอายุยืนมาก

แม้จะเป็นเต่าที่มีอยู่ในธรรมชาติจริง แต่ตำนานของจีนก็เล่ากันว่า เต่าดำมาจากการสมสู่กันระหว่างเต่ากับงู อันเป็นการสมสู่โดยไม่ดูว่าต่างชนิดต่างสายพันธุ์ คือสมสู่แบบไม่เลือก ชาวจีนจึงใช้เต่าดำมาแทนคนที่คบชู้

และเลือกที่จะตั้งฉายาให้แก่ราชวงศ์ถังว่า ถังเต่าดำ (ถังอูกุย)

 

ไม่เพียงเท่านั้น หากเมื่อต้องเลือกระหว่างอำนาจกับสตรีที่ตนหลงใหลแล้ว จักรพรรดิก็แสดงให้เห็นว่าจะเลือกเอาอำนาจก่อน

กรณีที่อื้อฉาวเรื่องหนึ่งก็คือ เมื่อถังเสีว์ยนจงทรงเลือกอำนาจของพระองค์แทนที่จะเลือกหยังกุ้ยเฟยสนมคนโปรด และเมื่อเลือกแล้วก็มานั่งเสียพระทัยในภายหลัง

แต่ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เพราะเวลานั้นอำนาจของพระองค์ได้ถูกแย่งชิงไปแล้ว

ที่ยกตัวอย่างดังกล่าวข้างต้น ไม่เพียงจะสะท้อนให้เห็นจิตใจด้านมืดของจักรพรรดิถังเท่านั้น แต่ต้องการบอกเล่าต่อไปในอีกเรื่องหนึ่งที่เชื่อมโยงกันเป็นการปิดท้าย

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับจักรพรรดิที่มีพระนามคล้ายกับถังเสีว์ยนจงคือ ถังเซีว์ยนจง (ค.ศ.846-859) ที่ในคราวหนึ่งได้มีคณะนักดนตรีหญิงล้วนมาแสดงดนตรีถวาย แต่มีสตรีนางหนึ่งที่เป็นหญิงงามเป็นที่ต้องพระทัยของถังเซีว์ยนจง แล้วพระองค์ก็ทรงได้นางมาครองอยู่หลายเดือน และได้พระราชทานสิ่งของแก่หญิงงามนี้มากมาย

เช้าวันหนึ่งพระองค์ตื่นบรรทมขึ้นมาก็ทรงเกิดอาการทุกข์ในใจว่า ถังเสีว์ยนจงมีสนมหยังกุ้ยเฟยยังทำให้บ้านเมืองเกือบล่มจม เราจะลืมเรื่องนี้หาได้ไม่ คิดแล้วก็ทรงเรียกให้หญิงงามมาเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่า พระองค์เก็บนางไว้ไม่ได้แล้ว

หญิงงามน้ำตาไหลเป็นสายและคุกเข่านิ่ง ฝ่ายมหาดเล็กก็ทูลว่า ในเมื่อพระองค์มิอาจเก็บนางไว้ก็ปล่อยนางไปเถิด พระองค์ทรงตอบไปว่า แม้นปล่อยไปพระองค์ก็ยังคิดถึงอยู่ดี

จากนั้นจึงตรัสว่า ประทานเหล้าให้นางเถิด

หญิงงามผู้น่าสงสารจึงดื่มเหล้าผสมยาพิษแล้วตายไปด้วยเหตุนี้ คือเหตุว่าจักรพรรดิทรงเกิดอนุสติขึ้นว่านางจะทำให้พระองค์ลุ่มหลงจนบ้านเมืองล่มจม โดยที่หญิงงามไม่มีความผิดใดๆ

นี่คือตัวอย่างหนึ่งของ “ถังเต่าดำ” เป็นการเอวังด้วยประการฉะนี้