จรัญ พงษ์จีน : จุดเริ่มต้นสู่ศึกในยก 2 ของ “พลังประชารัฐ”

จรัญ พงษ์จีน

ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังชุลมุนชุลเกอยู่กับการตั้งรับ ทั้งป้องกัน-เยียวยา-ฟื้นฟูการแพร่ระบาดของ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่-โควิด-19” ซึ่ง “ยกแรก” ต้องยอมรับว่ารัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ทำเนียน แก้เกมได้ค่อนข้างเวิร์ก

ดัน 3 พ.ร.ก.แยกย่อยซอยยิกออกหลายขา ลดแลกแจกแถมปูพรม ถมประชานิยมลงเต็มพิกัด ผิดมั่ง มั่วมั่ง แต่ชาวบ้านแฮปปี้เอนดิ้งกันถ้วนหน้า ชุมชน สลัม คนจน รากหญ้า

ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา มีแนวโน้มจะเปลี่ยนพฤติกรรม “จารีต” ดั้งเดิมตาสีตาสายุคเก่าสมัยก่อน ดำรงชีพด้วยการเลี้ยงวัว เลี้ยงควายตามเลาะเล็มหญ้าชายทุ่ง

“ยุค 5 จี” โลกตาลปัตร “ควายเลี้ยง”

“ยกถัดไป” ยังสรุปไม่ได้ว่า การคุมเข้มด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขยายเวลาเคอร์ฟิวออกไปอีกหนึ่งเดือนของรัฐบาล “ถูก” หรือ “ผิด” มีการนำตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก “โควิด-19” มาเปรียบเทียบกับการฆ่าตัวตายเพราะไม่มีอันจะกิน ซึ่งสถิติยิ่งสูงขึ้นรายวัน

หักกลบลบหนี้ ชั่งน้ำหนักกันดูแล้ว ออปชั่นจาก “โรคอด” ทำท่าจะบานฉ่ำกว่า “โควิด-19” นี่คือ “เสียงสะท้อน” ที่เป็นโจทย์ใหญ่ของ “บิ๊กตู่”

ตัดฉากฉับ มาโฟกัสประเด็นการเมือง ที่กำลังดราม่าใน “พรรคพลังประชารัฐ” หรือ “พปชร.” จากกรณีที่มี ส.ส.หลายก๊วนจับมือกันเคลื่อนไหว จนเกิดแรงสั่นสะเทือนระดับหลายเดซิเบล กดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ แบบ “ล้างท่อ” เน้นที่ “2 ตำแหน่งหลัก”

คือ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่มี “อุตตม สาวนายน” กับเลขาธิการพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” หลุดจากเก้าอี้

มีการปล่อยข่าวว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการส่ง “เสธ.อ.” ไปล็อบบี้ และสะกิดสีข้าง “อุตตม-สนธิรัตน์” ให้ไขก๊อกออกจากตำแหน่งหัวหน้า เลขาธิการพรรค เพื่อเปิดทางสะดวกให้ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรค ขึ้นนั่งหัวหน้าพรรค และให้ “นายสันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าซุ้มเพชรบูรณ์ ขึ้นลิฟต์นั่งเก้าอี้แม่บ้านพรรค

จากคำบอกกล่าวและเล่าสืบตามข่าว เรื่องมันมีอยู่ว่า ผลสืบเนื่องมาจากโรคระบาด “โควิด-19” ลามมาเล่นงาน พปชร.ในวันที่ 24 เมษายน ในงานทำพิธีบวงสรวงเปิดที่ทำการพรรค พปชร.แห่งใหม่ที่ถนนรัชดาภิเษก

มีขาแร็พหยิบยกประเด็นโรคระบาดโควิด-19 มาระบายความอัดอั้นใจ ทำนองว่า “ผู้บริหารพรรคห่วยแตกมาก” ไม่ค่อยจะยินดียินร้าย ลูกพรรคขออะไรไปเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ว่าจะหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ หรืออื่นๆ ไม่ค่อยได้

ลูกพรรครู้สึกเสียเซลฟ์กับกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ จึงมีรายการโยนก้อนหินถามทาง “เปลี่ยนซะดีมั้ย”

เข้าจังหวะกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ในการเปิดที่ทำการพรรคแห่งใหม่นั่นน่ะ “บิ๊กป้อม” ได้รับนิมนต์เป็นผู้เจิม ลูกพรรคที่มาร่วมงานเป็นเครือข่ายของเจ้าของที่คือ “นายสันติ” -มุ้งภาคกลาง-ตะวันออก ในสังกัดของ “เสี่ยเฮง-สุชาติ ชมกลิ่น” ประธาน ส.ส.พรรค พปชร. และซุ้ม “ภาคอีสาน” ฐานที่มั่นของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานวิป

ปรากฏว่าไฟลุกพรึบ เมื่อนำไปต่อยอดเข้ากับไลน์กลุ่มของ ส.ส.ภาคกลางที่มีการรวมตัวและเปลี่ยนความคิดเห็น จับความเคลื่อนไหวกันกว่า 20 คนแล้ว และมีการระบายผายลมผ่านช่องไลน์ช่องทางเดียวกัน ขนมเลยผสมน้ำยา

เลยเป็นที่ไปที่มา การผ่องถ่ายตำแหน่งหัวหน้าพรรค จาก “อุตตม” มาเป็น “บิ๊กป้อม” และยึดเก้าอี้เลขาธิการพรรคจาก “สนธิรัตน์” ให้ “สันติ”

 

ย้อนเกล็ดกลับไปดู “พรรคพลังประชารัฐ” เหมือน “ป่าใหญ่” ที่ประกอบไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรด ยังมีพืชและหญ้าทั้งหลาย ขณะเดียวกันพื้นที่บางส่วน “บ่อขยะ” ก็ย่อมมีเป็นธรรมดา

ประจวบเหมาะกับผู้ได้รับฉันทานุมัติในเบื้องต้น รู้กันนัย-นัย ว่า ผู้ใหญ่ไฟเขียวให้ “คณะสี่กุมารทอง” ดูแลรับผิดชอบ

แต่ด้วยความอ่อนหัดไม่ประสีประสากับการเมืองช่วงลงสมัครรับเลือกตั้ง “สี่กุมารทอง” ตัดสินใจ “ขาลอย” ไม่ลงทั้งบัญชีรายชื่อและเขตเลือกตั้ง

ช่วงเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หรือพิจารณางบประมาณ จึงเกิดสภาพ “ลักลั่น” ทั้ง “หัวหน้าพรรค-เลขาฯ พรรค” เป็นแค่ลูกกรอก ห้อยโหนอยู่นอกสภา อิทธิฤทธิ์-อิทธิพลทั้งหลายที่มีต่อเพื่อน ส.ส.ที่เป็นลูกพรรค เลยมืดบอดสนิท และไม่ค่อยจะมีใครเกรงอกเกรงใจ

ขณะเดียวกัน “พปชร.” แม้จะมีผลเสียที่หัวหน้า-เลขาฯ พรรค ไม่ค่อยมีบทบาท แต่ “ผลดี” ก็มีแหละตรงที่มีคนชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” มาเป็นธุระจัดหนักให้ในทุกเรื่องมาตั้งแต่ช่วงก่อตั้งพรรค

ช่วงเลือกตั้งใหญ่ มีข่าวว่า “บิ๊กป้อม” เป็นสไปเดอร์แมน “แขนบวม”…ลูกพรรคตบเท้าเข้าหาวันละหลายกลุ่ม

“พล.อ.ประวิตร” ในวัยปลายคน อายุปาเข้าไป 76 แล้ว ถ้าเป็นคนสมัยเก่า ใกล้ “เอ็กซ์ปาย” คล้ายนมบูดเต็มประดาแดก็จริง

แต่ยังทรงอิทธิพล พลังเหลือเฟือ มีความหนุ่มซ่อนอยู่ในความชรา กอปรกับเป็นคนใจดี ประเภท “กบไม่ให้เกลียด เขียดไม่ให้ตาย” ถนอมน้ำใจคนได้ทุกฝ่าย ทั้งในและนอก พปชร.

“ความแก่” จึงมิใช่อุปสรรคเสมอไป “พปชร.” ได้ “บิ๊กป้อม” ประสานสิบทิศ ค้ำยันแก้เกมให้บรรลุมาแล้วหลายบริบท

ช่วงสถานการณ์โควิด-19 วิกฤตหนักสุด ก็เหมือนกัน “บิ๊กป้อม” ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พปชร.สั่งคนใกล้ชิดให้กดปุ่ม ส.ส.ออกพื้นที่ช่วยชาวบ้านแจกข้าวแจกเจลแอลกอฮอล์และ “ข้าวห่อ” ตามอัตภาพ

ปรากฏว่า ลูกพรรคบางเขตแย่มากๆ ทำข้าวกล่องแจกลูกบ้านตามใบสั่ง กล่องละ 20 บาทไม่เกิน แต่ส่งบิลมาเบิกงบฯ กล่องละ 40 บาท ฟาดหัวคิวกันหน้าด้านๆ

กลับไปที่ศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เดิมทีเดียวที่มีผู้ปลุกกระแส ทำท่าจะจุดติด หลายกลุ่มใน “พปชร.” เห็นดีเห็นงามด้วย

แต่มี “มือดี” แอบเล่นแรง ประโคมข่าว ปล่อยโผว่า “อุตตม-สนธิรัตน์” กระเด็นไปติดอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าและเลขาฯ พรรคแล้ว

เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง-ว่าการพลังงาน หลุดมือตามไปด้วย

โดยเน้นตัวเป้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ชื่อ “สันติ พร้อมพัฒน์” ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค

มิรู้ว่าฝีมือประติมากรรมใคร แต่หลังจากนั้น “ทุกกลุ่ม” พากัน “ถอยกรูด”

ไม่เว้นแม้กระทั่ง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”