หนุ่มเมืองจันท์ : ซูสีไทเฮา

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

“อันอำนาจนั้นเปรียบเสมือนน้ำ

หากใส่ไว้ในภาชนะอันชำรุดก็จะรั่วไหลหมดสิ้นไป

ถึงจะอุดรูรั่วไว้ทางหนึ่งก็จะรั่วไปทางอื่น ไหลออกไปอีกจนได้

หากเราประสงค์จะมีน้ำใช้เป็นการถาวรยั่งยืนไปก็เห็นจะต้องทิ้งภาชนะอันชำรุดนั้นเสีย

หาภาชนะที่ใหม่แลแข็งแรงตวงน้ำเก็บไว้

เราจึงจะได้ประโยชน์”

วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตอน 7 โมงเช้า

ทันทีที่ลืมตา ผมหันไปคว้าหนังสือ “วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา” ที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นมาอ่านต่อทันที

เมื่อคืนผมอ่านค้างถึงตอนที่ “ซูสีไทเฮา” หรือ “เยโฮนาลา” วางแผนมัดใจ “ฮ่องเต้”

ด้วยการฝึกวิทยายุทธ์ “ระบำพัด” ที่บ้านดอกบัวงาม

เอาเงินกระดาษ 1 ปึกวางด้านล่าง ตามด้วยหมอน และถาดใส่ไข่ 1 โหล

จากนั้นก็ทำกายบริหารบน “ไข่”

ถ้าฝึกวิทยายุทธ์สำเร็จ นอกจากไข่จะต้องไม่แตกแล้ว

เมื่อเปิดหมอนขึ้นมา เงินกระดาษต้องคลี่เป็นรูปพัดอย่างสวยงาม

…”อภินิหาร” จริงๆ

ผมอ่านถึงตอนนี้แล้วรีบเข้านอนเลยครับ

จาก 7 โมงถึง 9 โมงเช้า ผมตะลุยอ่าน “วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา” อย่างเมามัน

ทุกจังหวะก้าวของผู้หญิงในประวัติศาสตร์โลกคนนี้เต็มไปด้วยการวางแผน

ตั้งแต่การเข้าสู่กรุงปักกิ่ง จนถึงการ “เข้าวัง”

แม้อยู่ในมุมอับ ไม่มีเงิน ไร้ที่พึ่ง เธอก็ใช้การวางกลยุทธ์และการเจรจาต่อรอง

พาตัวเองจาก “มุมอับ” ด้วยการสร้าง “อำนาจต่อรอง” จาก “ความว่างเปล่า”

อย่างเมื่อครั้งขันที “หลี่เหลียนอิง” เดินไปตามบ้านเพื่อหาสาวพรหมจรรย์มาเข้าวัง

มาถึงบ้านแม่ของ “เยโฮนาลา”

หลังจากเห็นหน้าตาที่งดงามของเธอและเตรียมเสนอชื่อไปคัดเลือก “เข้าวัง” แล้ว

“หลี่เหลียนอิง” ก็เอ่ยปากเรียกเงินสินบนแบบตรงไปตรงมา

ครอบครัวของเธอไม่มีเงิน

แต่แทนที่จะบอกว่าไม่มีเงิน “เยโฮนาลา” กลับบอกว่า “ข้าพเจ้าหามีความปรารถนาเข้าไปอยู่ในวังไม่”

“หลี่เหลียนอิง” สงสัย

“ทำไมเจ้ามักน้อยผิดสตรีอื่น”

“ข้าพเจ้าไม่ใช่คนมักน้อย ทุกวันนี้ก็ใฝ่ใจจะเอื้อมให้ถึงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์”

และบอกว่าเธอเป็น “คนใฝ่สูง” ก็ควรจะพูดกับ “คนใฝ่สูง” ด้วยกันจึงจะเข้าใจ

“ถ้าท่านคิดหาผลประโยชน์ด้วยจำนวนเงินเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็ไม่ปรารถนาจะพูดจาให้มากความ”

และทิ้งไพ่

“แต่หากท่านคิดว่าท่านควรจะหามิตรไว้เป็นพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ให้คอยพูดจาเพ็ดทูลยกย่องตัวท่านให้พระองค์โปรดปรานท่านจักได้มียศวาสนา ข้าพเจ้าก็พอจะเจรจากับท่านได้”

เป็นไงครับ

“ซูสีไทเฮา” ไม่มี “เงิน”

แต่เธอใช้ “ความหวัง” มาเป็นเครื่องต่อรอง

“เงินเล็กน้อย” ที่เป็น “ปัจจุบัน” ในวันนี้

หรือ “ลาภยศ” ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีจริงหรือไม่ในวันหน้า

จะเลือกอะไร

…สุดยอด

 

“พี่เถียร” เขียนซีรี่ส์ “วิถีแห่งอำนาจ” มาหลายเล่ม

ใช้กระบวนการเล่าเรื่องคล้าย “ชุมนุมมังกรซ่อนพยัคฆ์”

อ่านนิยายกำลังภายในแล้วมาเล่าใหม่

ตัดต่อแบบภาพยนตร์

แต่ชุด “วิถีแห่งอำนาจ” เขาเล่าเรื่องของตัวละครหรือบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จากหนังสือหลายเล่ม

ซึ่งแต่ละเล่มมี “ความเหมือน” และ “แตกต่าง”

การเล่าเรื่องในหนังสือชุดนี้จึงมีการแวะพักกลางทางเป็นช่วงๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ “ข้อเท็จจริง” ที่แตกต่าง

และเพิ่มการวิเคราะห์ระหว่างการเล่าเรื่องด้วย

อย่างเช่น “ซูสีไทเฮา” เล่มนี้ ถ้าอ่านจากหนังสือทั่วไปเราจะได้เห็นเพียงเรื่องราวเหมือนนิยายเรื่องหนึ่ง

แต่เมื่อผ่านการสังเคราะห์ผ่าน “วิถีแห่งอำนาจ” จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าการขึ้นสู่อำนาจ และการรักษาอำนาจของ “ซูสีไทเฮา” นั้นมีกลยุทธ์อย่างไร

หนังสือเล่มนี้เหมือนรถเครื่องยนต์ดีเซลครับ

ช่วงแรกจะปูพื้นตัวละครช้าๆ แต่พอผ่าน 50 หน้าแรก

“ซูเปอร์คาร์” ก็เอาไม่อยู่ครับ

สนุกมาก

อย่างตอนที่วางแผนให้ “ฮ่องเต้” เลือกเธอเป็น “คู่นอน”

นางสนมมีจำนวนมากมาย

จะสร้าง “จุดสนใจ” และ “ความแตกต่าง” อย่างไรให้ “ฮ่องเต้” เลือกเธอ

และช่วงเวลาสั้นๆ เพียงคืนเดียวจะทำอย่างไรให้ “ฮ่องเต้” ประทับใจ

เวลามีน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัด

และมีประสิทธิภาพ

“เจ้าต้องทำให้ผู้ชายเห็นว่าเจ้าเป็นของวิเศษ มิเช่นนั้นแล้วเขาจะไม่กลับมา”

เป็นคำสอนของเจ้าสำนัก “ดอกบัวงาม”

นั่นคือ เหตุผลที่เธอต้องฝึกวิทยายุทธ์ “ระบำพัด”

ทุกอย่างผ่านกระบวนการวางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี

เพราะ “เยโฮนาลา” เชื่อว่า “อันโชควาสนานั้นผู้มีปัญญาจะต้องกำหนดขึ้นให้กับตนเอง

ผู้ที่รอให้โชควาสนามาถึงตัวโดยมิได้กำหนดนั้นคือผู้หาปัญญามิได้ ไม่มีวันเอาตัวรอดได้เลย”

“พี่เถียร” สรุปว่า “เยโฮนาลา” เริ่มต้นสร้างสถานะจาก “ลมข้างหมอน”

แต่เธอกลายเป็น “ซูสีไทเฮา” ได้เพราะ “สมองก้อนโต”

วันที่ “เข้าวัง” ผู้หญิงคนอื่นเตรียมเสื้อผ้าชุดสวยและเครื่องประทินโฉม

แต่ “เยโฮนาลา” มีแต่ “หนังสือ”

เธอนำหนังสือเก่าของบิดาทั้งพิชัยสงคราม ตำราการปกครองคน ฯลฯ เข้าไปอ่าน

ไม่แปลกที่ผู้หญิงคนนี้จะสามารถครองบัลลังก์อยู่ “หลังม่าน” ได้ยาวนาน

แต่ตอนที่สนุกที่สุด คือ ตอนที่แย่งชิงอำนาจกับ “ซูซุน”

ตั้งแต่ “ฮ่องเต้” มีอำนาจ

จนถึง “ฮ่องเต้” สวรรคต

“วิถีแห่งอำนาจ” ช่วงนี้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบ

และโหดร้าย

“พี่เถียร” สรุปว่า “อำนาจกลายเป็นของเสพติด”

วันที่ขึ้นสู่อำนาจ “รังสีอำมหิต” ไม่น่ากลัวเท่ากับวันที่รักษาอำนาจ

วินาทีที่กลัว “อำนาจ” จะหลุดมือ

คนบางคนทำได้ทุกอย่าง

“ซูสีไทเฮา” จึงสามารถสังหารทั้งสามี ลูกชาย และคนรอบข้าง

เพราะในสายตาของเธอทุกคนคือ “ภาชนะ” ใส่ “อำนาจ”

เมื่อ “ชำรุด” ก็ทุบทิ้ง

จากนั้นก็หา “ภาชนะที่ใหม่แลแข็งแรงตวงน้ำเก็บไว้”

แค่นั้นเอง

“อำนาจ” นั้นน่ากลัวจริงๆ