ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 เมษายน 2563 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
เกียรติภูมิ เหมยฉางซู สูงเด่น (41)
หลังสถานการณ์การประลอง หลังสถานการณ์ตำหนักเย่วกุ้ยเฟย และการถกเถียงกันอย่างยืดยาวในราชสำนักก็มีประกาศจากกระทรวงอาลักษณ์
1 ลดตำแหน่งเย่วกุ้ยเฟย 1 รัชทายาทถูกกักบริเวณ สำนึกตน
ขณะเดียวกัน ประกาศจากกระทรวงอาลักษณ์คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ระบุแค่ “ฝ่าฝืนราชโองการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ”
ยิ่งกำกวม ยิ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์
จากการประมวลมาของ “ไห่เยี่ยน” บ้างกล่าวว่า มีสนมคนใหม่เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิถูกเย่วกุ้ยเฟยลงโทษทุบตีจนตาย
บ้างก็ว่า กุ้ยเฟยพูดจาก้าวก่ายหน้าที่ราชการของรัชทายาทมากเกินไป ทำให้องค์จักรพรรดิพิโรธ
และยังมีคนกล่าวว่า กุ้ยเฟยเล่นไสยศาสตร์ภายในตำหนัก ถูกหวงโฮ่วจับได้คาหนังคาเขา
ที่ร้ายแรงถึงกับกล่าวว่า สุนัขตัวใหม่ของกุ้ยเฟยซึ่งยังไม่ผ่านการฝึกอบรมได้กัดพระหัตถ์องค์จักรพรรดิ
คนที่ยิ่งไม่เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่อง ยิ่งแอบซุบซิบกันอย่างสนุกปาก
ทว่าคนวงในหรือคนที่พอรู้เรื่องระแคะระคายกลับกริ่งเกรงไม่กล้าส่งเสียง ต่อหน้าหรือลับหลังผู้คนล้วนไม่เปิดปากพูดถึง
เหมือนกับว่าอำนาจทางด้านเย่วกุ้ยเฟย รัชทายาทถูกลิดรอน จำกัดบริเวณ เหมือนกับว่าอำนาจทางด้านอวี้หวังเบ่งบานมากยิ่งขึ้น
กระนั้น เป้าแห่งความสนใจก็คือ “เหมยฉางซู”
คณะทูตแคว้นเป่ยเอี้ยนที่มีไป่หลีฉีซึ่งพลังฝีมือสูงล้ำ เดิมทีสมควรเป็นความทระนง ภาคภูมิ เป็นความหวังหนึ่งเดียวของผู้เข้ารอบที่จะเอาชนะหนีหวงจวิ้นจู่ได้ แต่คิดไม่ถึงบังเกิดจุดหักเหกะทันหัน จู่ๆ ปรากฏซูเจ๋อที่อ่อนแอขี้โรคคนหนึ่งโผล่ออกมา
ไม่ทราบใช้ออกด้วยเวทมนตร์กลใด ทำให้ยอดฝีมือท่านนี้พ่ายแพ้ด้วยความงุนงง
แต่แพ้แล้วก็แพ้ไป แค่เสียหน้าเท่านั้น หามีผลกระทบต่อการเข้ารอบไม่ ทว่าไป่หลีฉีไม่ทราบเกิดความคิดเลอะเทอะอันใด
วันถัดมาหลังจากได้รับความปราชัยก็หายสาบสูญไปจากเรือนรับรอง
ยิ่งไป่หลีฉีไร้ร่องรอยมากเพียงใด การปรากฏขึ้นของซูเจ๋ออ่อนแอขี้โรคกลับได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง เพราะรากฐานที่มาก็ไร้ร่องรอยเหมือนกับการหายไปของไป่หลีฉี
บุรุษหนุ่มขี้โรคซึ่งไม่เคยสำแดงความสามารถให้ใครเห็นคนนี้
1 เพราะข้างกายมีผู้พิทักษ์หนุ่มน้อยพลังฝีมือระดับสุดยอด ดังนั้น ได้รับความนิยมชมชื่นจากสมุหราชองครักษ์เหมิง
1 เพราะอบรมสั่งสอนเด็กน้อยจนโค่นล้มผู้เข้ารอบอันดับ 1 ได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันสูงส่งในตัวเขา
1 ขณะที่เป็นผู้คุมการทดสอบด้านอักษรยิ่งแสดงออกถึงสติปัญญาอันโดดเด่น เป็นที่พอพระทัยและชื่นชมขององค์จักรพรรดิถึงกับได้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์นานเกือบ 2 ชั่วยาม แม้ไม่มีใครทราบว่าสนทนาเรื่องใดบ้าง แต่บำเหน็จรางวัลที่ได้รับหลังจากนั้นและคำเรียกขานว่า “ขุนนางรับเชิญ”
ล้วนชี้ชัดว่า คนดังคนใหม่ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองนี้ไม่อาจดูแคลนเด็ดขาด ถึงขนาดได้รับการยืนยันจากผู้กว้างขวางด้านข่าวว่า
ซูเจ๋อคนนี้ก็คือจิ้นหม่า สามีของจวิ้นจู่ซึ่งถูกกำหนดไว้แต่แรก
“ไห่เยี่ยน” สรุปและประเมินว่า คำเล่าลือเมื่อแพร่ระบาด แน่นอน ยิ่งกระตุ้นให้เกิดคลื่นลม แม้ผู้เข้ารอบส่วนใหญ่มิได้วาดหวังในตำแหน่งจวิ้นหม่า ทว่าถูกคนลากมาเป็นตัวประกอบเช่นนี้กลับมิใช่เรื่องน่ารื่นรมย์นัก
เพียงชั่วเวลาไม่นาน สายตาทุกคู่ในเมืองหลวงก็พุ่งเป้าไปที่อัจฉริยะคนใหม่
หากมิใช่พักแรมอยู่ในจวงหนิงกั๋วโหวซึ่งคุ้มกันหนาแน่นเกรงว่าจะถูกคนมองจนพรุนทั่วตัวแล้ว ถึงกระนั้น ก็ยังมีพวกชนชั้นสูงตำแหน่งใหญ่โตมาคารวะเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย เพื่อชมดูว่าซูเจ๋อผู้เก่งกาจมีรูปลักษณ์เป็นเช่นไร
นั่นคือสภาพการณ์ที่ไม่น่ารื่นรมย์เท่าใดนักสำหรับเหมยฉางซู เป็นสภาพการณ์ที่เหมยฉางซูตระหนักว่าสมควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง
เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อสนองรับต่อ “กลยุทธ์” ที่จะจัดวางต่อไป
การต้อนรับเซี่ยตง ทูตส่องอธรรม อย่างกะทันหันนำไปสู่การสนทนาอันยืดยาว “ท่านเป็นบุคคลที่โดดเด่นไม่ผิดจริงๆ ข้าทราบดี เวลานี้ยังมองท่านไม่ออก แต่จะเป็นคนประเภทใดก็ตาม คิดว่าคงไม่พ้นจาก 1 ใน 2 ประเภท”
“โอ” เหมยฉางซูยิ้มน้อยๆ “ยินดีรับฟัง”
“ถ้าไม่ใช่ผู้ทรงภูมิซึ่งชมชอบศิลปะแขนงต่างๆ ก็ต้องเป็นนักวางแผน ร้อยเล่ห์เพทุบาย แต่ไม่ว่าประเภทใดล้วนไม่เหมาะสมกับบุคคลเช่นหนีหวงจวิ้นจู่”
นั่นคือความนัยของการมาเยือนของเซี่ยตง
เซี่ยตงอาจไม่รู้ว่าเหมยฉางซูเป็นใคร แต่หากมองจากทางด้านเหมยฉางซู เขารับรู้ความเป็นมาของเซี่ยตงครบถ้วนสมบูรณ์
ตรงนี้ต่างหากคือรสชาติอันเหนือการวาดแต่งพรรณนา