เผยแพร่ |
---|
แท้จริงแล้ว ทุกสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นสมรภูมิของไวรัส ไม่ว่าในสมร ภูมิแห่งการประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ว่าในสมร ภูมิแห่งการใช้มาตรการเข้ม
มิได้เป็นเรื่องของไวรัสล้วนๆ มิได้เป็นเรื่องของมาตรการเข้มผ่านกระบวนการติดล็อกล้วนๆ
หากภายในการไหวเคลื่อนนั้นสะท้อนระบบในทางความคิด
สะท้อนให้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันภายใน”กลุ่มแพทย์”ที่สังกัดมหาวิทยาลัยกับที่ทำงานเผชิญหน้ากับไวรัสอยู่ในความเป็น จริงผ่านโครงสร้างสาธารณสุขแห่งชาติ
สะท้อนให้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างผู้ปกครองซึ่งดำรงอยู่แบบ”คุณพ่อรู้ดี”กับประชาชนอันเป็น”เหยื่อ”
การต่อสู้ในทาง”ความคิด”จึงเข้มข้นในทุก”สมรภูมิ”
ผลสะเทือนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ผลสะเทือน จากมาตรการ”เข้ม”ของการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจก่อระยะห่างระหว่างบุคคล
แต่นั่นมิได้หมายความจะสามารถหยุดกระบวนการในทาง ความคิดลงไปได้อย่างเด็ดขาด
มิเช่นนั้นปรากฏการณ์ # nnevvy จะเกิดขึ้นได้อย่างไรจากทวิตเตี้ยนที่มุดเครือข่ายจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้าปะทะกับที่อยู่ในไทย แพร่กระจายไปยังฮ่องกง ไต้หวัน
นั่นคือ การเดินทางของ “ความคิด” นั่นคือ พื้นที่ใหม่ ประชา คมใหม่ ในทางสังคม ซึ่งแม้กระทั่งอำนาจของเผด็จการชนชั้นกรรมาชีพก็ไม่อาจสกัดกั้น
ถามว่าในสังคมประเทศไทย อำนาจจากภาวะฉุกเฉินสามารถสยบ”ความคิด”ของคนลงได้หรือไม่
ตอบได้เลยว่า กระแสแห่ง”ความคิด”ก็ยังมี”กัมมันต์”อยู่
ลักษณะแห่งความเป็น”กัมมันต์”ในทางความคิดนั้นเองเป็นสิ่งและลักษณะที่จำเป็นต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจและไหวเคลื่อนคู่ขนานไป
การทำความเข้าใจอย่างรู้เท่าทันนี้เองที่จะทำให้ก่อเกิดเป็น ความหวังเป็นความมั่นใจ
เป็นความมั่นใจว่า “พรุ่งนี้”ต้องดีกว่า”วันนี้”
เป็นความมั่นใจว่า ผลกระทบจากสถานการณ์เลวร้ายแต่ละ สถานการณ์อาจก่อให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง มืดมิด มองไม่เห็นอนาคต
แต่ขอเพียงให้เกิด”ประกาย”ในทาง”ความคิด”ขึ้นและไม่ยอมจำนน “ความหวัง” ย่อมปรากฏเหมือนแสงที่ปลายอุโมงค์