ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
ไม่ว่าดีเอสไอ ไม่ว่าวัดพระธรรมกาย หากประเมินสถานการณ์ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 5/2560 ที่ออกมาเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จะมีความแตกต่างกัน
ดีเอสไออาจมองไปที่สามารถเข้าตรวจค้นภายในวัดได้สำเร็จ
ไม่ว่าจะป็นครั้งที่ 1 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 10 มีนาคม
อย่างน้อยก็ได้คำตอบว่า พระธัมมชโย ไม่ได้อยู่ภายในวัด
ขณะเดียวกัน ความสำเร็จนี้ยังประเมินได้จากการสามารถออกหมายเรียกพระสังฆาธิการแห่งวัดพระธรรมกายได้ทั้งคณะ และยังสามารถผลักดันให้มีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอันมีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้ปฏิบัติการของดีเอสไอมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
กระทั่งในที่สุด พระเทพญาณมหามุนี ก็กลายเป็น พระไชยบูลย์ สุทธิผล กระทั่งในที่สุด พระราชภาวนาจารย์ ก็กลายเป็น พระเผด็จ ทัตตชีโว
และมีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่าในที่สุด พระไชยบูลย์ สุทธิผล ก็จะต้องกลายเป็น นายไชยบูลย์ สุทธิผล
ตรงกันข้าม แม้จะถูกรุก แม้จะถูกปิดล้อม แม้จะต้องยอมรับการเข้าตรวจค้น แต่ทางด้านวัดพระธรรมกายกลับมองว่าฝ่ายของตนประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
อะไรคือความสำเร็จของวัดพระธรรมกาย
สภาพ การผ่อนปรน
คำสั่ง “มาตรา 44”
การต่อสู้ของวัดพระธรรมกาย อันดับ 1 ยืนยันในความบริสุทธิ์ของ พระไชยบูลย์ สุทธิผล อันดับ 2 ไม่เห็นด้วยกับการใช้คำสั่งตามมาตรา 44
นั่นก็คือ ปฏิเสธการปิดล้อม ปฏิเสธการตรวจค้น
น่าสนใจก็ตรงที่ ภายในกระบวนการต่อสู้ วัดพระธรรมกายมิได้อาศัยแต่เพียง “มวลชน” อันเป็นของตนอย่างล้วนๆ
นั่นก็คือ มิได้จำกัดเพียง พระ เณร หรือคณะศิษยานุศิษย์
ตรงกันข้าม ได้อาศัยพุทธศาสนิกชนซึ่งอยู่นอกแวดวงวัดพระธรรมกายมาเป็นกำลังอย่างสำคัญ นั่นก็คืออาศัยผลสะเทือนจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและไม่พอใจต่อมาตรการของรัฐบาล
ที่เด่นชัดเป็นอย่างมากก็คือ ประชาชนที่พักอาศัยและทำธุรกิจโดยรอบวัด
การเกิดขึ้นของการชุมนุมในพื้นที่ตลาดกลาง คลองหลวง มาจากส่วนนี้และมีส่วนอย่างสำคัญในการร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์ในการเคลื่อนไหวบริเวณหน้าวัดอย่างต่อเนื่องตลอด 20 กว่าวัน
ยิ่งมีการอัตวินิบาตกรรมเพื่อประท้วง “มาตรา 44” จากพุทธศาสนิก ยิ่งสร้างผลสะเทือน
ขณะเดียวกัน ยิ่งการปิดล้อม ตั้งด่าน ตั้งจุดสกัด ทำให้มีการเสียชีวิตเพราะไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้ทัน ยิ่งทำให้เกิดรูปธรรมแห่งความไม่พอใจ
มองจากทางด้านวัดพระธรรมกายอาจถูกปิดล้อม ถูกรุกอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถเข้า-ออกและประกอบศาสนกิจได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน พระไชยบูลย์ สุทธิผล ก็ถูกรุกไล่ถอดสมณศักดิ์และอาจถูกลงโทษให้ลาสิกขา
แต่ความสำเร็จที่ได้มาก็คือ การโฆษณาต่อต้าน “มาตรา 44” การสร้างเงื่อนไขกระทั่งดีเอสไอจำเป็นต้องผ่อนปรนมาตรการในการปิดล้อม สกัดกั้น
คืนความเป็นปกติมากยิ่งขึ้นให้กับทางวัดพระธรรมกาย
มาตรา 44 ยังคงอยู่
การปิดล้อม ลดลง
ความพอใจเฉพาะหน้าของวัดพระธรรมกายก็คือ การผ่อนปรนมาตรการปิดล้อมและห้ามการเข้า-ออกอย่างเข้มงวด
ส่งผลให้การชุมนุมบริเวณตลาดกลาง คลองหลวง ยุติลง
ภาพที่เผยแพร่กันอย่างกว้างขวางคือภาพของคณะศิษยานุศิษย์เดินตามหลังพระภิกษุ สามเณร เข้าไปภายในวัดพระธรรมกายด้วยความปรีติ ปราโมทย์
ทุกรูป ทุกคน เดินพนมมือโดยมีดอกบัว
ความหมายของอาการปรีติ ปราโมทย์นี้ ไม่เพียงสามารถยืนยันได้ว่า พระไชยบูลย์ สุทธิผล มิได้หลบซ่อนอยู่ภายในวัด หากแต่อยู่ที่สามารถคืนความเป็นปกติให้กับวัดพระธรรมกาย หมายความว่าจะจัดประกอบศาสนกิจได้เหมือนกับก่อนวันที่ 16 กุมภาพันธ์
ผลก็คือ ในวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม วัดพระธรรมกายก็ระดมผู้เลื่อมใสสวด “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ได้ครบ 30,000,000 จบ
ถือเป็นความสำเร็จอันยอดเยี่ยม
ที่สำคัญ ตลอด 20 กว่าวันที่ถูกปิดล้อม ห้ามเคลื่อนไหว ห้ามเข้า-ออก บรรดาพระภิกษุ สามเณร และคณะศิษยานุศิษย์ก็ยังยืนหยัดสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอ
เสียงสวดมนต์จึงดังกระหึ่มทั้งจากภายในวัดและพื้นที่ตลาดกลาง คลองหลวง
แม้กระทั่งในยามเผชิญหน้ากับดีเอสไอ ตำรวจ และทหาร ไม่ว่าที่ตลาดกลาง คลองหลวง ไม่ว่าพื้นที่ใกล้กับอาคารบุญรักษา ก็ยังสวดมนต์ได้ไม่ขาดตอน
เน้นให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าพลานุภาพแห่งวัดพระธรรมกายคือ พลานุภาพแห่งเสียงสวดมนต์
พลังแห่งศรัทธา
พลังแห่งศาสนา
ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์ เด่นชัดอย่างยิ่งในความเป็นเอกภาพ ความพร้อมเพรียงกันของเครือข่ายวัดพระธรรมกาย
แม้จะประสบเข้ากับอำนาจอันแข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่แห่ง “มาตรา 44”
แต่บรรดาพระ สามเณร และคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกายผนึกพลังกันอย่างเหนียวแน่นและมั่นคง
ยืนหยัดปกป้อง “หลวงพ่อ” ของพวกเขา ยืนหยัดปกป้อง “วัด” ของพวกเขา
สิ่งที่เรียกว่า “กำแพงมนุษย์” ตามนิยามจากดีเอสไอ โดยเนื้อแท้แล้วก็คือ “กำแพง” แห่งความเชื่อมั่นและความศรัทธาในทางความคิดอย่างที่เรียกว่า “วิชชาธรรมกาย” ส่งผลให้ไม่กลัวความยาก ไม่กลัวความลำบาก และแม้กระทั่งไม่กลัวความตาย
พลานุภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ไม่เพียงแต่มีรากฐานมาจาก “ความเชื่อมั่น” หากที่สำคัญเป็นอย่างมากต้องดำเนินไปบนรากฐานแห่ง “การจัดตั้ง” อันมั่นคง