ถอยกลางอากาศ ยุติ “ล้อม” ธรรมกาย จับตา “จังหวะก้าว” ต่อไป

การลุยค้น-คุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย ยุติไปเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา

หลังจากทางวัดเปิดให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและทหารเข้าค้นจุดสำคัญอีกรอบ เริ่มจากเวลา 09.00 น.

ไม่ว่าจะเป็น อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ อาคารปุโรหิตา อาคารมหาพรหม ห้องสมุดนานาชาติ โรงปั้นพระเดิม มหาวิหารคุณยายอาจารย์

อาคารพุทธศิลป์ อาคารลูกโลก อาคาร 100 ปี 15 ชั้น และอาคารบุญรักษา โซนดี

โดยมีสื่อจำนวนหนึ่งที่ทางวัดและเจ้าหน้าที่กำหนด เกาะติดการเข้าค้นครั้งนี้

ผลการค้นอย่างละเอียด ยังคงไร้เงา “พระธัมมชโย”

และกลายเป็น “สนามบิน” ให้ทีมดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ได้ร่อนลงโดยสวัสดิภาพ

เวลา 16.30 น. ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอคลองหลวง อันเป็นศูนย์ปฏิบัติการร่วม พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ และหน่วยทหารจาก พล.ปตอ. ร่วมกันแถลงข่าว

สรุปว่า การตรวจค้นไม่พบบุคคลตามหมายจับ คือพระธัมมชโย ดังนั้น ให้วัดพระธรรมกายกลับสู่สภาพปกติ ยุติการปิดล้อม เลิกศูนย์อำนวยการ ส่วนผู้ชุมนุมสนับสนุนธรรมกายจะยกเลิกการชุมนุม

ประตูต่างๆ จะยุติการปิดกั้น คณะสงฆ์เข้าปฏิบัติภารกิจสงฆ์ตามปกติ ศิษย์เดินทางมาปฏิบัติธรรมตามปกติเช่นกัน สัญญาณสื่อสารข่ายต่างๆ ที่ระงับไปนั้น หากกลับคืนสู่สภาพปกติก็จะคืนสัญญาณโทรศัพท์ให้เหมือนเดิม

เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ เข้าสู่สภาพปกติเรียบร้อยก็กำลังขอยกเลิก ม.44 ไปตามลำดับชั้น

ส่วนการดำเนินการต่อพระธัมมชโยในเรื่องพระธรรมวินัยให้เป็นเรื่องของมหาเถรฯ ที่ประชุมในเย็นวันเดียวกัน รับทราบการถอดสมณศักดิ์ของธัมมชโย และทัตตชีโว

การให้พ้นจากสมณเพศ เพราะเหตุปาราชิกจากเรื่องคดีความ ให้เจ้าคณะปกครองดำเนินการไปตามขั้นตอน

เป็นการ “ถอย” ที่ทำให้บรรดากองเชียร์หงุดหงิดไปตามๆ กัน

 

การเข้าปิดล้อมวัดพระธรรมกายรอบนี้ เริ่มจาก วันที่ 16 กุมภาพันธ์ มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 5/2560 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้บริเวณวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม

จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ และทหารเข้าค้นวัดพระธรรมกาย

แต่ไม่พบพระธัมมชโยแต่อย่างใด

กำลังเจ้าหน้าที่ตั้งคุมเชิง ขณะที่ทางวัดจัดเวรยาม นำพระมากางเต็นท์นอน เพื่อกีดขวางการเข้าพื้นที่ของเจ้าหน้าที่

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 64 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 42/724 ซอยนิมิตรใหม่ 40 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. ผูกคอตายบนเสาสัญญาณโทรศัพท์ เรียกร้องให้ยุติการใช้มาตรา 44 ควบคุมธรรมกาย

ต่อมาวันที่ 1 มีนาคม น.ส.พัฒนา เพียงแรง อายุ 48 ปี ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืด ที่ห้องพักบริเวณหลังวัด โดยทางวัดอ้างว่ารถกู้ชีพเข้าไปช่วยไม่ทัน เพราะติดด่านทหาร

วันที่ 5 มีนาคม มีประกาศสำนักนายกฯ ให้ถอดถอนพระธัมมชโย พ้นจากสมณศักดิ์ พระเทพญาณมหามุนี

วันที่ 6 มีนาคม ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.) ภาค 1 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาร่วมประชุมเรื่องการติดตามจับกุมพระธัมมชโย

ก่อนเข้าร่วมประชุม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งระบุว่า สรุปง่ายๆ ว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา งานเลี้ยงนี้ก็ใกล้จบแล้ว

วันที่ 8 มีนาคม ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักษ์ศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ หรือ 5 วันนับจากวันนี้ กรณีวัดพระธรรมกายจะต้องจบ โดยจะมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง

เนื่องจากเรื่องนี้ยืดเยื้อมานานแล้ว ทำให้วัดมีโอกาสบิดเบือนว่าการเข้าจับกุมตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นการทำลายศาสนา ส่งผลให้สังคมเข้าใจผิด

ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวในวันที่ 8 มีนาคม ว่า ถึงเวลาต้องจัดการสึกพระธัมมชโย แม้ไม่สามารถจับตัวพระธัมมชโยมาได้ ก็สึกได้

โดยมหาเถรสมาคมใช้กฎ มส. ฉบับที่ 21 ปี 2538 สั่งให้ธัมมชโยสละสมณเพศ เรียกว่าเป็นการสึกกลางอากาศ เหมือนครั้งหนึ่งเคยดำเนินการกับพระยันตระมาแล้ว

วันเดียวกันนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ถอดถอนพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พ้นสมณศักดิ์ พระราชภาวนาจารย์

โดยเฉพาะการประกาศของดีเอสไอว่าจะจบเรื่องใน 5 วัน ทำให้เกิดความคาดหวังอย่างสูงจากผู้สนับสนุนให้กวาดล้างพระธัมมชโย

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 10 มีนาคม จึงสร้างความผิดหวังที่ค่อนข้างรุนแรง

 

การยุติของเจ้าหน้าที่ทำให้วิเคราะห์ไปต่างๆ นานา

ส่วนหนึ่ง คาดว่าเกรงจะเป็นประเด็นไปในต่างประเทศ ที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน กำลังจัดการประชุมที่เจนีวา สวิส

บ้างก็คาดว่า เมื่อจับธัมมชโยไม่ได้เสียที จะไปยึดวัดเอาไว้ก็ดูจะไม่มีเหตุผลเพียงพอ และอ่อนไหวต่อการลุกลามบานปลาย

กองเชียร์หลายกลุ่มออกมาแสดงอารมณ์ไม่พอใจ แต่คอลัมน์ เปลว สีเงิน ในไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 14 มีนาคม ยังยืนยันว่าไม่สูญเปล่า ไม่ใช่มวยล้ม หรือยี่เก

เพราะรอบนี้สามารถจัดการกับธัมมชโยและทัตตชีโว ที่เปลวเรียกว่า “2 ผีบุญ” ให้ตายจากความเป็นพระได้แล้ว กลายเป็นอาชญากรหนีการจับกุม

และระบุว่า ถึงตอนนี้เหลือคน 3 จำพวก ที่ยังทึกทัก “ยึดถือ” เจ้าสำนักวัดพระธรรมกาย คือ

1. แก๊งผีบุญในคราบโล้นเหลือง ที่ลวงโลกหากินด้วยกัน

2. กลุ่มทุน-กลุ่มการเมือง-กลุ่มพระเมาอามิส ที่ต่างอิงประโยชน์ในกันและกัน

และ 3. พวกสาวกที่คลั่งผีบุญธัมมชโย งมงายถึงขั้นประกาศ “ต่อให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อผิด ก็จะยังเคารพนับถือ” ตลอดไป

พร้อมกับกล่าวถึงปัญหาเฉพาะหน้า คือหาพระที่ “เหมาะสม” มาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

เพื่อให้เป็นวัดภายใต้ปกครองคณะสงฆ์จริงๆ ไม่ใช่ “อาณาจักรผีบุญ” อยู่เหนือกฎหมายและกฎสงฆ์เหมือนเดิม

ตรงนี้แหละ ควรจับตา ว่าคณะปกครองสงฆ์ โดยเจ้าคณะใหญ่หนกลาง “ผู้มีหน้าที่” จะจัดการอย่างไร? กับธัมมชโย ก็รู้แหละว่า ขี่ค้อนเหาะไปอยู่ดุสิตบุรีแล้ว

นั่นคือ ประเด็นจากผู้สนับสนุนให้จัดการเฉียบขาดกับวัดพระธรรมกาย

จะเป็นจริงแค่ไหน ผิดหวังกันอีกหรือไม่ ต้องติดตามกัน