รายงานพิเศษ / เสียงเพรียกรัฐประหาร เสียงเพรียกรัฐบาลพิเศษ-นายกฯ คนใหม่ ในยาม ‘บิ๊กตู่’ ขาลง กลางศึก COVID-19 จับตา ‘บิ๊กแดง-บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กต๊อก’ ตรวจแถวขุมกำลังปฏิวัติ ใครเป็นใคร?

รายงานพิเศษ

 

เสียงเพรียกรัฐประหาร

เสียงเพรียกรัฐบาลพิเศษ-นายกฯ คนใหม่

ในยาม ‘บิ๊กตู่’ ขาลง กลางศึก COVID-19

จับตา ‘บิ๊กแดง-บิ๊กเจี๊ยบ-บิ๊กต๊อก’

ตรวจแถวขุมกำลังปฏิวัติ ใครเป็นใคร?

 

วิกฤตชาติ พิสูจน์ความเป็นผู้นำ

วิกฤต COVID-19 พิสูจน์บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

เสียงวิพากษ์วิจารณ์เพราะความไม่มั่นใจในมาตรการดูแล ควบคุมการแพร่ระบาด ดังอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน ไม่มองการณ์ไกลให้ครอบคลุม

ทั้งการแก้ปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายที่กลับจากเกาหลีใต้ หรือผีน้อย ที่ล่าช้า จนปล่อยให้กลับเข้าประเทศมาแล้วหลายพันคนในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีการแพร่ระบาดในจีนและหลายประเทศแล้ว โดยไร้การคัดกรอง กักกัน พอจะทำก็ช้า ไม่พร้อม ไม่รอบคอบ ปล่อยให้หนีได้อีก

รวมทั้งการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยไม่พอเพียงกับความต้องการของประชาชน และเดี๋ยวขาย เดี๋ยวแจก ราคาก็ไม่มาตรฐาน พอโดนโจมตีหนัก จากที่ขาย ก็เอามาแจก

ทั้งการคิดแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินคนมีรายได้น้อย คนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อีกคนละ 1,000 บาท รวม 2 เดือน

ที่ทำให้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า คิดอะไรไม่ออกก็แจกเงินบ้าง ดีแต่แจกเงินบ้าง ทั้งๆ ที่ประเทศต้องกู้เงินอยู่ แต่พอเศรษฐกิจไม่ดี แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ก็แจกเงิน เพื่อหวังชดเชยความรู้สึก คะแนนนิยมลดลงก็แจกเงิน

รวมทั้งเสียงสะท้อนจากแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่ขาดแคลนหน้ากากอนามัย

แถมมาเจอคดีคนใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยส่งขายจีนเข้าไปอีก

แม้ทุกคนที่ถูกพาดพิงจะปฏิเสธ ส่วนผู้กองธรรมนัสอ้างว่า มีขบวนการดิสเครดิตทำลายรัฐบาล อ้างเป็นภาพตัดต่อ ก็ยิ่งถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะเป็นคลิปชัดเจน

ประกอบกับผู้กองธรรมนัสถูกจับจ้องตั้งแต่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และได้รับคะแนนเสียงน้อยที่สุด 269 เสียง ก็ถูกมองว่าจะถูกปรับออก หากมีการปรับ ครม.

ในฐานะที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นสายตรงของพี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ก็ยิ่งตกเป็นเป้า

แต่ปัญหาลุกลามถึงขั้นที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนเรียกร้องให้พรรคทบทวนการร่วมรัฐบาล เพราะ “ไม่อยากพายเรือให้โจรนั่ง”

เพราะก่อนหน้านี้ ส.ส.ปชป.บางคนก็ไม่โหวตไว้วางใจให้ ผู้กองธรรมนัสจึงได้แค่ 269 เสียงมาแล้ว

สำทับด้วยนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พปชร. ก็เรียกร้องให้ ร.อ.ธรรมนัสลาออก เพื่อหวังกอบกู้รัฐบาล

จนเกิดความขัดแย้งกันเองในพรรคพลังประชารัฐ จนต้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคลียร์

 

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเรียกคะแนนสงสาร ด้วยการกล่าวว่า “เลิกว่าผมซะทีเถอะ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา งอมเต็มที ใจผมก็แย่ไปทุกวัน”

“จะว่าเหนื่อยก็คงเหนื่อย แต่ไม่มาก ยังทนไหว…” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวพร้อมทิ้งปริศนาให้คิด

“วันนี้อย่างน้อย ในช่วงที่ผมยังอยู่ ก็จะทำให้ดีที่สุด มากน้อยอยู่ที่ประชาชนจะเข้าใจผมหรือไม่”

ท่ามกลางกระแสกดดัน และข่าวลือลาออก ผสมกับกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหาร

รวมทั้งการกระพือข่าว พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้รับโอกาสในการเข้ารายงานกับบุคคลสำคัญ

เพื่อให้เข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มี “กองหนุนพิเศษ” ไม่มีกองหนุนสำคัญอีกต่อไปแล้ว

แถมทั้ง บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ก็เก็บตัวเงียบ ผิดปกติ ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เช่นที่เคย ในช่วงการเมืองร้อน

แม้แต่ช่วงที่นิสิตนักศึกษาชุมนุมกันเป็นดอกเห็ดในหลายมหาวิทยาลัย จน พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกมาเตือนจากกลางสภาว่า “อย่าหมิ่นสถาบัน”

เพราะปกติเป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นนายทหารสายรอยัลลิสต์ ที่ออกมาปกป้องสถาบันเสมอ

แต่ครั้งนี้กลับเก็บตัวเงียบ…

แม้จะเป็นช่วงที่เดินทางไปเยือน ทบ.สหรัฐอเมริกา และจนกลับมาแล้วก็ตาม พล.อ.อภิรัชต์ก็ยังเงียบ

และไม่ได้ชี้แจงกรณีที่ไปเจรจาลับกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล 2 ผู้นำพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกเปิดออกมาหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ แม้ฝ่ายนายปิยบุตรจะพูดอย่างไร แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็เงียบไม่ชี้แจง

ไม่ใช่แค่ พล.อ.อภิรัชต์ที่เงียบ แต่รวมทั้งบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และบิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. ที่งดแสดงความเห็นทางการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว

แต่ยังคงช่วยแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างเต็มที่ในทุกรูปแบบ และการดูแลกำลังพล

จึงยิ่งทำให้เกิดการปลุกกระแสข่าวลือการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมา

พร้อมทั้งกระแสลาออกและยุบสภา พร้อมๆ กับกระแสข่าวการตั้งรัฐบาลพิเศษ รัฐบาลแห่งชาติ หรือการมีนายกฯ พิเศษ

โดยยังมีชื่อของบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. สายรบพิเศษ น้องรักของบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี นายทหารผู้ประนีประนอม แต่แฝงไปด้วยพลังเงียบ เฉียบขาด แบบทหารรบพิเศษ

รวมถึงชื่อของบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และอดีต รมว.ยุติธรรม ยุค คสช. รวมอยู่ด้วย

ตามมาด้วยชื่อของพลเรือนอีกหลายคน ที่เคยมีชื่อเป็นนายกฯ สำรองมาแล้วก่อนหน้านี้

ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารที่เกิดขึ้น มักออกมาจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

ที่แม้จะเพรียกหารัฐประหาร เพื่อหวังล้ม พล.อ.ประยุทธ์ แต่พอนึกว่า พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ.จะมาเป็นนายกฯ ก็เกิดความหวาดหวั่นว่า จะหนักกว่า แรงกว่า พล.อ.ประยุทธ์

หรือหากจะให้มาตามระบอบ ให้ พล.อ.อภิรัชต์ลาออกจาก ผบ.ทบ. มาเป็นนายกฯ ก็ไม่ได้ เพราะเป็น ส.ว. ที่ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้ให้ความสนใจกระแสข่าวรัฐประหาร จึงได้บอกสื่อว่า “ถามที่มันมีสาระหน่อย”

เพราะแม้ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่มั่นใจในสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ก็มั่นใจว่า สถานการณ์แบบนี้ ใครก็เอาไม่อยู่ รับไม่ไหว แม้แต่คณะรัฐประหารก็ตาม

รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้สถานการณ์ สถานภาพของ พล.อ.อภิรัชต์เป็นอย่างดีว่า ไม่ได้ “ยืนหนึ่ง” เช่นที่ผ่านมา

หลังเหตุโศกนาฏกรรมที่โคราชจากน้ำมือของจ่าทหาร กำลังพลของ ทบ. ที่ทำให้เกิดแรงเสียดทานอย่างหนักต่อตัว พล.อ.อภิรัชต์

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ก็เช็กข่าวความเคลื่อนไหวของ พล.อ.อภิรัชต์ด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นนายทหารน้องรักสายตรงมาตลอดก็ตามที

แต่เพราะสถานภาพพิเศษที่ พล.อ.อภิรัชต์สวมหมวกหลายใบ จึงยิ่งต้องจับตามอง

ที่สำคัญ เป็นที่รู้กันดีว่า การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เพราะหน่วยทหารใน กทม. มีแค่กำลังทหารกับรถสายพานลำเลียงพล ส่วนรถถัง รถเกราะ ถูกย้ายไปอยู่ที่ตั้งหน่วยในต่างจังหวัดหมด

แถมทั้งกำลังหลัก ที่เคยเป็นขุมกำลังปฏิวัติของ ทบ. ก็ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่ได้อยู่ในสังกัด ทบ.อีกต่อไป

หากจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น ก็ต้องมี “ใบสั่ง” เท่านั้น

ทว่าสถานการณ์ไม่ได้สุกงอมถึงขั้นที่จะต้องรัฐประหาร แม้จะมีแรงเชียร์เพื่อให้ปิดประเทศชั่วคราว เพื่อปิดการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเข้ามาพร้อมเชื้อโรค ที่นำมาแพร่ต่อในประเทศ

แต่เพราะตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เด็ดขาด ไม่ตัดสินใจปิดประเทศ ห้ามนักท่องเที่ยวเข้ามา เพราะหวั่นเศรษฐกิจจะยิ่งทรุด และกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

จนต้องตามแก้ปัญหาแบบงูกินหางเช่นนี้

ในขณะเดียวกัน ฝ่ายกองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้อนศรกระแสปฏิวัติรัฐประหาร ด้วยการปลุกกระแสรัฐประหาร เพื่อให้ คสช.คืนชีพ ให้ พล.อ.ประยุทธ์เริ่มต้นใหม่ พร้อมมาตรา 44 มาแก้ปัญหาประเทศกันเลยทีเดียว

แล้วเมื่อตรวจแถวทหาร ผบ.หน่วยคุมกำลังในเวลานี้ ก็ล้วนเป็นนายทหารน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร

ทั้งบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ที่เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่ก็โตมาจากสายบูรพาพยัคฆ์ แม้วันนี้จะเป็นนายทหารคอแดงก็ตาม

บิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 ก็ยิ่งเป็นน้องรักทหารเสือราชินี สายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์เลยทีเดียว และได้รับการสนับสนุนให้เติบโตในไลน์ จ่อเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย

ส่วน ผบ.พล.1 รอ. ขุมกำลังหลักนั้น บิ๊กเนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน แม้จะไม้ใช่สายตรงของบิ๊กตู่ เพราะโตมาจากสายวงศ์เทวัญ แต่ทว่า พล.1 รอ.ในปัจจุบันก็ปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วย ขุมกำลังหลัก ไม่ได้อยู่ในส่วนของ ทบ.แล้ว

บิ๊กหนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผบ.พล.ร.2 รอ. ก็เป็นสายบูรพาพยัคฆ์ แต่ก็เป็นทหารคอแดงแล้ว

กำลังหลักที่เป็นของ ทบ. คือ พล.ร.9 ที่มีบิ๊กหลอด พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ เป็น ผบ.พล.ร.9 ท่ามกลางกระแสข่าวการเปลี่ยนตัว ผบ.คนใหม่ ในโผโยกย้ายทหารกลางปีที่กำลังจะออกมา เป็น พล.ต.วสุ เจียมสุ ผบ.มทบ.17 ที่เป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยงานทีมตึกไทยคู่ฟ้าด้วย

ส่วน พล.ร.11 ที่ ทบ. เสริมสร้างให้มาเป็นกองพลรบหลัก แทน พล.1 รอ. นั้น ก็มีบิ๊กปู พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เป็น ผบ.พล.ร.11 เป็นกองพลรถเกราะ Stryker ที่เป็นนายทหารที่ พล.อ.อภิรัชต์เลือกมาเอง และเป็นกองพลที่อยู่ฉะเชิงเทรา ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ ที่เป็น centerof gravity เท่าใดนัก

ส่วนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) นั้น มีบิ๊กยอง พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง เป็น ผบ.นสศ. ก็ถือเป็นสายของ พล.อ.เฉลิมชัย

แต่ทว่ากำลังรบหลักของรบพิเศษ อย่างกองพันจู่โจม และ ฉก.90 ที่เป็นระดับพระกาฬ และใช้เป็นทีมพิเศษในการรัฐประหารมาทุกครั้งนั้นก็ล้วนแปรสถานภาพ ไม่ได้ขึ้นโดยตรงกับ ทบ.แล้ว

นั่นหมายถึงว่า การรัฐประหาร จะตัดสินใจ หรือทำโดย พล.อ.อภิรัชต์ หรือ ผบ.ทบ. เพียงลำพัง ไม่ได้อีกต่อไป

    น้ำหนักของการรัฐประหาร จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แม้จะมีเสียงเพรียกหาจากบางฝ่ายก็ตาม…