มนัส สัตยารักษ์ | บ้านพักข้าราชการ

ข่าวฮือฮาช่วงที่ผ่านมา คือข่าว พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเกษียณอายุราชการมากว่า 4 ปีแล้ว ยังอยู่บ้านหลวง

ข่าวฮือฮาค่อนไปทางข่าวพลิกล็อก เนื่องจาก พล.ท.พงศกรเป็นรอง หน.พรรค และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พรรคที่เสนอปฏิรูปกองทัพ และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่เจ้าตัวคนเสนอเป็นอดีตนายทหารชั้นนายพล ดันอยู่บ้านหลวงอย่างไม่ยอมออกแม้เกษียณอายุแล้ว

น่าสนใจกว่าข่าว “สวัสดิการข้าราชการชั้นผู้น้อย” ที่คณะผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพถึงกับต้องประชุมร่วมกันกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดและปลัดกระทรวงกลาโหม ราวกับประเทศกำลังเกิดศึกสงคราม!

สื่อไม่ได้สนใจข่าวสวัสดิการข้าราชการชั้นผู้น้อย (อันเป็นเรื่องเก่าระดับโบราณ) โดยเฉพาะเรื่อง “บ้านพักหลวง” สักเท่าไร

อย่างไรก็ตาม ข่าวบ้านพักหลวงของ พล.ท.พงศกร กลายเป็นสีสันอย่างยิ่งในเชิงข่าวการเมือง ด้วยว่าถูกเผยแพร่ขึ้นในท่ามกลางกระแสต่อต้านการยุบพรรค อนค. ที่กำลังขับเคี่ยวกับการให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญของฝ่ายที่ต้องการให้ยุบพรรค

ฝ่ายที่ต้องการให้ยุบพรรคจึงเอาข่าว พล.ท.พงศกรอยู่บ้านหลวง หลังเกษียณอายุถึง 4 ปีมากระแหนะกระแหน ทำนองปากว่าตาขยิบ หรือ ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เป็นธรรมชาติของนักการเมืองที่เอาเปรียบประชาชน นักการเมืองที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่

นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช. เปิดเผยว่า พล.ท.พงศกรพ้นราชการทหารมาตั้งแต่เป็นรองเลขาธิการ สมช. (ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน) มาตั้งแต่ปี 2555 ดังนั้น จึงพ้นจากราชการทหารมารวมเวลา 7 ปีเศษ ไม่ใช่ 4 ปีจากที่เกษียณอายุราชการ ตามที่เป็นข่าว การแฉของนายถวิลจึงไม่เพียงแต่เปิดไต๋ พล.ท.พงศกรเท่านั้น แต่เท่ากับเปิดอีกมุมหนึ่งของพรรค อนค.อีกด้วย

ว่ากันตามที่จริงแล้ว พล.ท.พงศกรควรออกจากบ้านพักของทางราชการทหารที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) เมื่อ 7 ปีก่อน หรืออย่างน้อยก็ก่อนวันประกาศจะปฏิรูปกองทัพ

ใครจะไปเชื่อเล่าครับว่า เป็นถึง พล.โท เงินบำนาญร่วม 7 หมื่น เงินเดือน ส.ส.กับเบี้ยประชุมและสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกกว่าแสน จะไม่มีปัญญาผ่อนบ้าน

ผมฝังใจเรื่องบ้านพักหลวงมาตั้งแต่รับพระราชทานกระบี่เป็นว่าที่ ร.ต.ต.

ในประเทศไทยไม่มีใครรับรู้ว่าตำรวจไม่ได้เป็นเป็นข้าราชการประเภท “เช้าไป-เย็นกลับ” หลังจากหมดยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ มาเป็นยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ไม่มีใครดูแลเรื่องสวัสดิการของตำรวจอย่างจริงจังอีก ตำรวจเป็นอาชีพที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง

จำได้ว่าเคยเขียนเล่าปัญหาเรื่อง “บ้านพักหลวง” หลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่ได้รับการบรรจุครั้งแรกเป็นรองสารวัตรอยู่โรงพักบางเขน

เคยเขียนเล่าเรื่องจะเข้าหุ้นกับอาจารย์สุวรรณี สุคนธา เช่าบ้านอยู่ด้วยกันสองครอบครัว แต่ไม่สำเร็จเพราะเงินเดือนของเราน้อยเกินไป

เล่าเรื่องเพื่อนเก่าคนหนึ่งโกรธเราถึงขั้นตัดญาติขาดมิตร เพราะเราได้รับอนุมัติให้ได้ที่พักในแฟลตหลังกองปราบปรามสามยอด แต่เพื่อนไม่ได้

เล่าเรื่องที่ถูกย้ายจากกองปราบปรามไป สน.บางพลัด แล้วถูกนายตำรวจคนหนึ่งที่ได้รับอนุมติให้มาอยู่แฟลตลาดพร้าว (ซอยโชคชัย 4) แทนเรา ขนของของเรามากองไว้ใต้ถุนแฟลต

เขียนเล่าเรื่องไม่น่าเชื่อของตำรวจ…ผมได้รับอนุมัติให้อยู่แฟลตของหลวงส่วนกลางที่ทุ่งบางเขน พอพาลูกน้องไปทำความสะอาดห้องปรากฏว่าประตูห้องติดป้ายชื่อนายตำรวจรุ่นน้องคนหนึ่ง สอบถามจ่าคนดูแลอาคารได้ความว่าชื่อของผมถูกย้ายไปชั้นดาดฟ้าโดยพลการ

ผมบอกคนดูแลว่าผมรับไม่ได้ ผมจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้เพื่อสิทธิของผม

หลังจากนั้นไม่นานผมได้รับโทรศัพท์จากจ่าว่า รายงานของผมจะทำให้เขาถูกตั้งกรรมการสอบสวนและถูกลงทัณฑ์ ขอความกรุณาผมอย่าส่งรายงาน ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมยอมเรื่องนี้ไปด้วยเหตุผลอะไรทั้งๆ ที่โกรธจัด

นายตำรวจที่ชิงห้องพักของผมไปต่อมาได้เป็นนายพล แต่ไปพลาดอีท่าไหนไม่ทราบ ก่อนเกษียณอายุไม่นานถูกย้ายไปแขวนด้วยเรื่องที่ทำให้เสียหายไปถึงโคตรตระกูล

เรื่องที่พักของหลวงซึ่งฝังใจผม ส่วนมากเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องผิดหลักการที่นำมาเขียนหรือมาเล่าซ้ำซาก และผมก็อยากจะลืมอดีตอันน่าสมเพชเหล่านี้เสียที

มีเพียง 2 เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และยังไม่อยากลืมก่อนถึงเวลาอันควร

เรื่องแรกเป็นเรื่องที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีต อ.ตร.ยึดที่ดินโรงพักสามแยก (สน.พลับพลาไชย) สร้างอาคารธนาคารที่นายทองดุลย์ ธนะรัชต์ เป็นผู้จัดการ ที่ดินส่วนนี้เป็นที่ดินพระราชทานแก่กรมพระนครบาล ต่อมาเมื่อธนาคารล้มละลาย กรมธนารักษ์ผู้ดูแลที่ดินได้ให้ธนาคาร UOB เช่าต่อ

ถ้าสงสัยว่าเหตุใดผมไม่ลืมเรื่องนี้ โปรดไปดูที่ทำงานและที่พักของตำรวจ สน.พลับพลาไชย 1 และ 2 ที่เขาต้องทำงาน 24 ชั่วโมงสิครับ

อีกเรื่องเป็นเรื่อง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ทุจริตสร้าง 396 โรงพักทดแทน และแฟลตที่พักตำรวจ เมื่อ 22 กรกฎาคม 2562

ส่วนที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ขีดเส้นตาย “ทหารที่เกษียณแล้ว ต้องย้ายออกจากบ้านพักทหารในเดือนกุมภาพันธ์นี้” นั้น ไปๆ มาๆ ก็มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ

เป็นเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับประเทศของเราที่ได้ชื่อว่า “ประเทศแห่งการยกเว้น”

มีคำถามเพียงว่า ข้าราชการที่เหลือไม่ได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติหรืออย่างไร?

อีกคำถามคือ ใครจะเป็นผู้วินิจฉัยและชี้ว่าทำประโยชน์หรือไม่ทำประโยชน์?

อย่าคิดมากจนต้องประชุม ผบ.เหล่าทัพเลยครับ คนที่ออกมาแสดงตัวว่ายังจำเป็นต้องอยู่บ้านหลวงมีเพียง 2 ท่านเท่านั้นคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เจ้าของทฤษฎีแห่งการยกเว้น