E-DUANG : เงาสะท้อน “อาคาร” อันโอ่อ่า และอลังการ

เห็นแต่ละภาพ แต่ละมุม ระหว่างการเข้า”ตรวจค้น” วัดพระธรรม กายของ “ดีเอสไอ” แล้ว

นึกถึงท่าน เจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์

ไม่ว่าจะเป็นการเดินแถวเข้าไปในวันที่ 16 ไม่ว่าจะเป็นการเดินแถวเข้าไปในวันที่ 17 กุมภาพันธ์

หรือแม้กระทั่งในวันที่ 10 มีนาคม

“สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย”

ไม่ว่าจะเป็น “อาคารดาวดึงส์”

ไม่ว่าจะเป็น “อาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์” ไม่ว่าจะเป็น”อา คารบุญรักษา”

หรือแม้กระทั่ง “มหาเจดีย์”

สายตาของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน มองอย่างหนึ่ง สายตาของ นพ.มโน เลาหวณิช มองอย่างหนึ่ง

แต่ก็ต้องยอมรับในความอลังการ

 

ภายในความอลังการของแต่ละ”อาคาร” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่แห่งวัดพระธรรมกาย นำไปสู่”คำถาม”

คำถามที่ว่าได้มาอย่างไร

แน่นอน ย่อมมิใช่มาจากเงินมรดกส่วนตัวไม่ว่าของ พระไชยบูลย์ สุทธิผล ไม่ว่าของ พระเผด็จ ทัตตชีโว

เพราะ 2 ตระกูลนี้มิได้เป็น”มหาเศรษฐี”

หรือว่าจะเป็นเงินส่วนหนึ่งอันมาจาก “มหาเศรษฐี”อันอยู่ในตระกูลเบญจรงคกุล อันอยู่ในตระกูลจิรกิตติ อันอยู่ในตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ อันอยู่ในตระกูลอัศวโภคิน

อาจใช่

แต่กระนั้น หากประเมินมูลค่าของแต่ละ”อาคาร”อันปรากฏให้เห็นน่าจะเป็นเงินจำนวนหลาย”ล้านล้านบาท”

มิใช่มาจาก “เอกชน” คนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน

แต่กระนั้น มูลค่าจำนวนหลาย”ล้านล้านบาท”ที่ทุ่มเทไปกับแต่ละ “อาคาร”น่าจะมาจาก”เงินบริจาค”

อาคาร” คือรูปธรรมแห่งเงินบริจาค”มหาศาล

 

มีความข้องใจเป็นอย่างมากในเรื่องของ”การบริจาค” ไม่ว่าเป็นเงิน ไม่ว่าเป็นที่ดิน

เป็นความข้องใจต่อ “เจ้าอาวาส”

เป็นความข้องใจต่อ “วัด” เป็นความข้องใจต่อ”มูลนิธิ” ว่านำเอาของบริจาค รวมถึงเงินบริจาคไปใช้จ่ายอย่างไร

เพื่อการ “เสวยสุข” ในเชิง”ปัจเจก” อย่างนั้นหรือ

เพื่อเป็น “เครื่องมือ” ในการสร้างสถานะและเกียรติภูมิของสิ่งที่เรียกว่า “ลัทธิจานบิน” อย่างนั้นหรือ

หากมองผ่าน”อาคารบุญรักษา” ซึ่งก็คือ”โรงพยาบาล”

หากมองผ่าน “อาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์” หากมองผ่าน”มหาเจดีย์” ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

น่าคิดอย่างยิ่งกับ “มูลค่า”และ”ความหมาย” ของวัตถุในทางศาสนาทั้งหมดนี้