เรือดำน้ำ “จี ทู จีน” “บิ๊กป้อม” ผุด “HUB” โรงซ่อม รองรับ “Yuan Class – VT4”

“เรือดำน้ำ” ถูกจับตามองอีกครั้ง หลัง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำ ผบ.เหล่าทัพ ตรวจพื้นที่ศูนย์การซ่อมบำรุงเรือดำน้ำ ที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช อ่าวสัตหีบ จ.ชลบุรี

พร้อมเปิดเผยแผนผังการจัดสร้างศูนย์ โดยมีความลึกน้ำ 13.5 เมตร โดยนำเรือเข้า Shiplift Area ขนาด 50×125 เมตร แล้วยกเลื่อนเข้า Submarine Zone Area พื้นที่ 40.78 ไร่ สามารถเลื่อนไปข้างๆ สร้างเรือได้อีก 2-3 ลำพร้อมกัน

เพื่อเข้าโรงซ่อมขนาด 50x100x25 เมตร ที่ประกอบด้วย เครน รถยกสำหรับซ่อมทำตัวเรือใต้แนวน้ำ เครื่องแล่นประสานท่อต่างๆ เครื่องมือทำความสะอาด ทาสีตัวเรือ อุปกรณ์เกี่ยวกับแบตเตอรี่ ฯลฯ

เป็นการปูทางซื้อเรือดำน้ำลำแรกจากจีน Yuan Class มูลค่า 13,500 ล้านบาท ใช้เวลาต่อเรือราว 6 ปี ในงบประมาณปี 2560 โดยเตรียมนำเข้า ครม. ขอผูกพันงบประมาณและอนุมัติจัดซื้อ

“บิ๊กป้อม” ยังเผยถึงภาพรวมทำศูนย์ซ่อมสร้าง ซึ่งเหล่าทัพจะยึดตามยุทโธปกรณ์ที่ซื้อจากต่างประเทศมา เช่น รถถัง TV-4 ของจีน ที่ต้องมี Spare part และที่ไทยผลิตเองด้วย

เบื้องต้นคาดว่าในส่วนกองทัพบก จะเป็นศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธกองทัพบก จ.นครราชสีมา เพื่อรองรับรถถัง VT-4 ที่ไทยสั่งซื้อจากจีน ที่ผ่านการลงนามไปแล้ว 28 คัน และจะจัดหาต่อในระยะ 2 จนครบ 1 กองพัน (กองพันละ 49 คัน) ในปีงบประมาณ 2560 โดยผูกพันงบประมาณ 3 ปี

ในส่วนของกองทัพเรือ จะเป็นในพื้นที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่จะสร้างโรงซ่อมบำรุงเรือดำน้ำ เป็นเรือดำน้ำ Yuan class จากจีนเช่นกัน

ในส่วนของกองทัพอากาศ ต้องดูว่าจะเป็นพื้นที่ใด ระหว่าง กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี หรือกองบิน 4 (ตาคลี) นครสวรรค์ ที่เป็นกองบินขนาดใหญ่ เป็นโรงงานซ่อมสร้าง-ซ่อมบำรุงอากาศยานอยู่แล้ว แต่พื้นที่ที่ถูกให้น้ำหนักคือ กองบิน 7 เพราะมีรายงานว่าไทยได้จัดซื้อปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานระยะปานกลาง KS-1C จากจีน เพื่อใช้ในการป้องกันฐานบินในภาคใต้ ที่มีฝูงบินรบ Gripen C/D และ Saab 340 AEW ประจำการด้วย

หากมองย้อนดูท่าทีของสหรัฐอเมริกาที่ดูอ่อนกับไทยมากขึ้น นับตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ก็กลับมาคึกคักในปีนี้ เช่น การฝึก Cobra Gold 2017 ที่เปิดให้สื่อเข้าทำข่าวมากกว่าเดิม และพยายามประชาสัมพันธ์งานคึกคักกว่าปี 2558-2559

อีกทั้ง พล.ร.อ.แฮร์รี บี แฮริส จูเนียร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสมาร่วมพิธีเปิดการฝึก Cobra Gold จ.ชลบุรี ได้กล่าวย้ำถึงการฝึก Cobra Gold ว่าเป็นการฝึกร่วม/ผสมขนาดใหญ่ระหว่างกองทัพกับกองกำลังสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิกและมิตรประเทศ โดยในปีนี้มีประเทศเข้าร่วมฝึก 29 ประเทศ

ที่น่าสนใจอีกคือ พล.ร.อ.แฮร์รี กล่าวหลังพิธีเปิดฝึก Cobra Gold ว่า เป็นการฝึกพหุภาคีระหว่างไทย-สหรัฐ ที่ใหญ่ที่สุดติด 1 ใน 5 ของโลก โดยนโยบายความสัมพันธ์ในภูมิภาคกับสหรัฐ ยังคงคล้ายเดิมหลังการเข้ามาของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่ยังมุ่งหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้าน นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย หลังเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองของไทยโดยมีถ้อยความที่ซอฟต์ลง โดยเน้นคำว่า “Hope (ความหวัง)” เป็นหลักต่อไทยหลายๆ เรื่อง

“ได้คุยเรื่องกระบวนการสร้างความปรองดอง และโรดแม็ปที่นำไปสู่ประชาธิปไตย ซึ่งไทยมีการพัฒนาและดำเนินการอยู่ตลอดเวลา โดย พล.อ.ประวิตร ก็บอกว่าเป็นไปตามแผนที่ประกาศไว้ สหรัฐก็ตั้งความหวังว่าโรดแม็ปจะสามารถเดินไปได้ตามแผนงานทั้งเรื่องการเดินไปสู่ประชาธิปไตย และการสร้างความปรองดอง โดยทั้งสองเรื่องควรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม” ทูตสหรัฐกล่าว

อีกทั้งกองทัพสหรัฐยังได้เชิญหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นศส.) นำโดย “บิ๊กเล็ก” พล.ท.ศิริชัย เทศนา ผบ.นสศ. ดูงานหน่วยรบพิเศษ Green Baret ซึ่งทหารรบพิเศษของไทย-สหรัฐมีฝึกร่วมทุกปีอยู่แล้ว รหัสฝึก “Balance Torch” และได้เชิญ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ไปเยี่ยมชมค่ายทหาร Fort Lewis และ Fort Benning ด้วย

สะท้อนบทบาทของกองทัพไทย-สหรัฐดีขึ้น นับจากรัฐประหาร 2557 ที่สหรัฐลดความสัมพันธ์ทางกองทัพเรื่องการศึกษาลงไป โดยมีสิ่งเร้ามาจากปัจจัยภายนอก คือ “จีน” แม้ “บิ๊กป้อม” จะย้ำเสมอว่าให้ความสำคัญทุกประเทศเท่ากันก็ตาม

แต่การจัดซื้อเรือดำน้ำ เป็นคำถามที่สื่อถาม “บิ๊กป้อม” มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเกรงว่าจะไม่ทันปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่าน สนช. ไปแล้ว ว่า จะนำเข้า ครม. เพื่ออนุมัติจัดซื้อเมื่อใด

โดย พล.อ.ประวิตรมักตีมึนเลี่ยงตอบคำถามสื่อถึงการจัดซื้อเสมอ เกรงจะเกิดแรงต้านจากสังคมเช่นที่ผ่านมา และดูเหมือนจะเป็นอาถรรพ์เมื่อโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจะเข้า ครม. ครั้งใด จะเกิดน้ำท่วม ฝนแล้ง ราคาสินค้าเกษตรตกตลอด ทำให้ถูกเบรกไป

พล.อ.ประวิตรกล่าวล่าสุดว่า ได้ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2560 จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว เหลือเพียงนำเข้า ครม. เพื่อขออนุมัติจัดซื้อและผูกพันงบประมาณ ตอนนี้ได้ประสานการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีน และการจัดทำทีโออาร์ก่อนเสนอเข้า ครม.

“ตามจริงกองทัพเรือเขาพร้อมตั้งนานแล้ว แต่เราไม่ซื้อสักที เพราะมีการพูดว่าดำไม่ได้ น้ำตื้น ซื้อมาไม่ได้ใช้ประโยชน์ เดี๋ยวเรือดำน้ำมา เราไม่เคยไปดูเลย 200 ไมล์ทะเล ฝั่งอันดามัน ว่ามีทรัพยากรธรรมชาติอะไรบ้าง โดนสื่อกระทุ้งจนไม่ได้ซื้อสักที” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ทั้งหมดอยู่ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะให้ผ่าน ครม. หรือไม่ แต่ก็มีสัญญาณบวกออกมาแล้วในการประชุม ครม. ล่าสุด ทำให้ราชนาวีไทยมีความหวังไม่น้อยเลย

“รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลและวางแผนการใช้จ่าย ตาม พ.ร.บ.งบประมาณ ผ่านแต่ละหน่วยงาน อีกทั้งในการพัฒนากองทัพ ตามขั้นตอนที่มีอยู่” นายกฯ กล่าว

ด้านแม่ทัพเรือ “บิ๊กณะ” พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. ก็ขอทำงานเงียบๆ และไม่ขอตอบเรื่องเรือดำน้ำ เกรงว่าการให้สัมภาษณ์จะส่งผลต่อการจัดซื้อได้ โดยให้ผู้เกี่ยวข้องทำหน้าที่ชี้แจงสังคมถึงข้อสงสัยต่างๆ แทน หลีกเลี่ยงการโต้ตอบไปมา

ที่สำคัญการที่ “บิ๊กป้อม” เปิดผังศูนย์ซ่อมบำรุงเรือดำน้ำครั้งนี้ ยิ่งประกันได้ว่า “เรือดำน้ำ” ได้มีการจัดซื้อแน่นอนในรัฐบาล “บิ๊กตู่” นั่นเอง

“มีใครไปพูด พล.อ.ประวิตร บอกซื้อเรือดำน้ำ ซื้อรถถัง อะไรๆ ใครพูดๆ” “บิ๊กป้อม” สงวนท่าที

ฝันที่เป็นจริงของ “ราชนาวีไทย” เหลืออีกอึดใจเดียว!!