รายงานพิเศษ : เผยเคล็ดรับมือ “เกาเหลา” “เรื่องไม่สนุก” ของดารา เรื่อง “เฮฮา” ของแฟนๆ

บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

“เรื่องเกาเหลามันมาตั้งแต่สมัยไหนแล้วนะ นานมากน่ะ” ประสาคนอยู่วงการบันเทิงมานาน มด-ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ ย้อนลำดับความคิด ก่อนจะพูดถึงวิธีการรับมือเรื่อง “เกาเหลา” ที่หมอดูหลายสำนักพูดตรงกันว่า ปีนี้ในวงการบันเทิงจะมีถี่ๆ

โดยว่า “มดไม่รู้สึกตื่นเต้น ก็เห็นข่าวเกาเหลามาทุกปี” บอกอีก

“แต่ข่าวมันจะใหญ่แค่ไหน จะเป็นเรื่องบานปลายไหม ก็ต้องอยู่ที่คนในข่าว หรืออะไรหลายๆ อย่าง”

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่อยากบอกทุกคน คือ “ข่าวก็คือข่าว มันอาจจะมีเรื่องจริงด้วย หรืออาจจะเป็นแบบข่าวลอยด้วย เพราะฉะนั้น คนที่อ่านก็ต้องใช้วิจารณญาณ”

ที่แนะแบบนี้ โดยไม่ห้าม เป็นเพราะ “ให้มดพูดความจริงไหมล่ะ ไม่รู้ว่าจะแรงไปหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่เสพสื่อ เขาก็เสพแบบที่มันดราม่ากัน แล้วเราก็เถียงไม่ได้ เพราะเราก็เป็นคนหนึ่งที่เสพด้วยเหมือนกัน แต่เราเป็นคนที่ถ้าอ่านจะไม่ได้อ่านพาดหัวอย่างเดียว บางคนไม่อ่านรายละเอียดข้างใน ก็ตีความกันไปใหญ่โต พูดตามตรงนะ บางทีพาดหัวแรงมาก แต่ข้างในไม่มีอะไรเลยก็มีเหมือนกัน”

ในส่วนของเธอที่เคยตกเป็นข่าวเกาเหลากับอดีตคู่ดูโอ้ โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร มดก็ว่า ตอนนี้รู้สึกเฉยๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะรู้จักปลงแล้ว

“เคยเป็นคิดมากระดับหนึ่ง แล้วมีความรู้สึกว่าสุดท้ายเรื่องราวมันไม่มีอะไรเลย ดังนั้น ถ้าเราจะเก็บเรื่องเนกาทีฟ เรื่องที่ไม่ใช่เรื่องจริงเอาไว้คนเดียว ก็เครียดเปล่าๆ นะคะ”

ดังนั้น สมมุตินะ สมมุติว่ามีปัญหากับใคร “เราก็แมนมากพอที่จะมานั่งเคลียร์กันให้จบ มดไม่ชอบให้มีปัญหาค้างคา”

จะได้ไม่เกิดเกาเหลาตามมาให้วุ่นวาย

 

ที่ไม่อยากเจอเอาเสียเลยคือ แป้งโกะ-จินตนัดดา ลัมะกานนท์ ด้วยโดยส่วนตัวเวลามีปัญหากับใคร จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน ทางที่ดีที่สุดที่ตั้งใจไว้จึงไม่มีเสียดีกว่า

“แป้งมองว่า ถ้าเราไม่สร้างปัญหากับใคร มันก็จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น หรือถ้าอีกฝ่ายหนึ่งมีปัญหามา แล้วเราไม่มีปัญหากลับไป เราอยู่ของเราเฉยๆ ปัญหานั้นก็จะไม่เกิดขึ้น”

“แล้วไม่ใช่เฉพาะในวงการ ในสังคมทั่วไป ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือในที่ทำงาน เราก็มีทั้งเพื่อนสนิท ไม่สนิท ไม่รู้จัก หรือบางคนที่เราไม่ค่อยชอบ มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราว่าจะวางตัวยังไง แล้วปฏิบัติตัวกับคนเหล่านั้นยังไง ถ้าเราโอเค เป็นกลาง ใช้สติทุกเรื่องในการใช้ชีวิต ก็จะไม่มีปัญหา”

“หรือถ้ามีก็อยากจะรีบคุย รีบเคลียร์ เพราะสุดท้ายมันโอเคกว่าการไม่พูดกัน”

ประเด็นเรื่องทุกสังคมมีเกาเหลา กับสติคือทางแก้นั้น แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ เห็นด้วยเต็มๆ

“ต้องพยายามนึกเอาไว้ว่าจะต้องใจเย็นๆ นะ ต้องอดทนนะ จะไม่อารมณ์เสียนะ จะไม่มีเรื่องผิดใจกับใครนะ อะไรแบบนี้ก็เป็นการลดความเสี่ยงในการเกาเหลา แพนว่ามันช่วยได้ ถ้าเริ่มจากตัวเรา”

ส่วนที่คนจำนวนมากสนใจเรื่องทำนองนี้นัก แพนเค้กว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“เพราะข่าวดาราคนอ่านอ่านง่าย เข้าใจง่าย เพราะเขารู้จักกันอยู่แล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่งก็อยากให้ทุกคนอ่านข่าวที่เป็นประโยชน์หรือเป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้ แล้วตอนนี้เป็นยุคไทยแลนด์ 4.0 เป็นยุคที่มีเทคโนโลยีทุกอย่างพร้อมในมือ เพราะฉะนั้นก็อยากให้ใช้เทคโนโลยีนี้ให้เป็นประโยชน์ หรือว่าช่วยพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ของสังคม ของประเทศ มากกว่าการเสพอยู่แต่กับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง”

“ไม่ได้จะบอกว่าห้ามอ่านข่าวอื่นๆ ต้องอ่านแต่ข่าวที่มีสาระประโยชน์เท่านั้นนะคะ คือทุกข่าวมันมีอะไรในตัวมัน แต่เราต้องเลือกที่จะเชื่อ ต้องมีวิจารณญาณ ในการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ แล้วเราเสพมาก เราก็ทุกข์มาก ทั้งที่ความจริง มันไม่ใช่เรื่องของเราเลย เพราะฉะนั้น ทางที่ดีเอาแต่พอเหมาะพอควร”

เรื่องที่เคยโดนจับโยงให้เกาเหลากับคนนั้นคนนี้ แพนเค้กว่าเธอเองไม่กังวลอะไร

“ทุกคนที่เป็นข่าวด้วย คือคนที่เจอกันในชีวิตประจำวัน ชีวิตการทำงาน เป็นคนที่ร่วมงานด้วยตลอด บางทีก็ยังคุยขำกัน”

บางครั้งคนอ่านข่าวยังรู้สึกมากไปกว่าเสียด้วยซ้ำ

 

บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ก็ระวังเรื่องนี้สุดๆ

“เราเป็นคนที่ถูกเอาไปตั้งประเด็นง่าย จะกับคนในวงการ หรือประเด็นในสังคม แต่ประเด็นในวงการเราไม่อยากให้เกิด อายุก็ 40 กว่าแล้ว จะมานั่งทะเลาะกับใครมันไม่ใช่เรื่องนะคะ แต่อะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ลุยเหมือนกัน เพราะเราถือว่าการที่จะเป็นคนดี การที่จะวางตัวเป็นคนดี มันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องรอคนอื่นมาทำร้าย คนดีกับคนโง่ต่างกัน คนดีคือทำความดี คนโง่คือยอมให้เขาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก มันไม่ใช่เรื่อง”

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เธอเรียนรู้จากการตกเป็นคู่เกาเหลา คือ “เครียดนะ”

“คนบางคนก็ไม่รู้หรอกว่าคำพูดของเขา ที่มาเสพข่าวแล้วไม่ได้อ่านรายละเอียด แต่มาวิจารณ์ต่างๆ มันทำร้ายจิตใจมาก”

ขณะ จันจิ ไกอา-จันจิรา จันทร์พิทักษ์ชัย มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวของ “คู่กรณี” ดังนั้น จึงไม่ควรขยาย

“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่ว่าใครจะทะเลาะกัน เกาเหลากัน ก็เป็นเรื่องที่สนุกของคนอื่น เพราะทุกคนเขาชอบรู้เรื่องของคนอื่นมากกว่าเรื่องของตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของดารา”

“ถ้ารู้แบบนี้แล้ว ก็ไม่ควรทำให้เป็นเรื่องใหญ่”