กาละแมร์ พัชรศรี : ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่

ชีวิตในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงง่วนเชียงอยู่กับการย้ายบ้านค่ะ

ง่วนถึงขนาดว่าแทบจะลืมส่งต้นฉบับเลยทีเดียว (ฮา)

เพราะวันๆ มัวแต่คิดว่า เราต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมบ้าง เราต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในบ้านหลังเดิมบ้างเพื่อให้เข้ากับตัวเรามากที่สุด

คอนโดฯ ที่ใหม่เป็นห้องใหญ่กว่าเดิม เพิ่มเติมคือมีระเบียงที่ใหญ่ขึ้น เพราะคือความฝันที่อยากมีสวนที่ระเบียง มีโซฟาใหญ่ๆ นุ่มๆ ไว้นอนอ่านหนังสือที่ระเบียง มีโต๊ะเก้าอี้นั่งกินอาหารที่ระเบียง (คือมรึงจะใช้ชีวิตที่ระเบียงตลอดเวลาเลยใช่ไหม)

เป็นคนชอบอยู่คอนโดฯ ชั้นสูงๆ เพดานสูง มีลมพัดผ่าน วิวสวย คนไม่พลุกพล่าน ไม่ไกลจากที่ทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิต คอนโดฯ ที่ใหม่จึงตอบโจทย์ฉันเป็นอย่างดี

และแน่นอนว่า บ้านใหม่ย่อมตามมาด้วย “หนี้ก้อนใหม่และใหญ่กว่าเดิม”

คนเราก็ประหลาด ชีวิตอยู่ดีๆ เรียบๆ ก็ดีอยู่แล้ว ดันอยากมาสร้างหนี้สินเพิ่ม!

แต่การมีหนี้สินทำให้เรามีแรงกระตุ้นในการขับเคลื่อนชีวิต ให้มีเรื่องตื่นเต้น เร้าใจ กดดันนิดๆ เครียดหน่อยๆ ให้สารอะดรีนาลินหลั่งให้เราพร้อมที่จะสู้ชีวิตเพื่อให้รอดและไปต่อ!!!

การพูดคุยกับแบงก์ ต่อรองเรื่องดอกเบี้ย วงเงินกู้ และเซ็นสัญญานับสิบหน้า เพื่อผูกมัดว่า คุณจะต้องจ่ายเงินเราไปเรื่อยๆ ทุกเดือนนะคะ

ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน ความกระตือรือร้นที่จะขยันทำงานโน่นนี่ประดังประเดขึ้นมาทันที ความอดทนต่อสิ่งเร้าที่อยากให้เราเสียเงินจะเพิ่มเป็นทวีคูณ แม้จะต้องปล่อยผ่านอย่างน่าเสียดายก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยที่เราต้องเสียไป เราจะเอามาเป็นค่างวดดีกว่าค่า

นอกจากจะวุ่นวายกับธนาคารและตัวเลขจนตาลายแล้ว ยังต้องมาดูบ้านให้ออกมาอย่างที่เราต้องการด้วยตัวของเราเอง

โชคดีที่เจอผู้รับเหมานิสัยดี มีน้ำใจ กว้างไกลวิสัยทัศน์ รับผิดชอบ พูดง่ายเข้าใจเร็ว ทำงานอย่างฉับไวแก้ไขปัญหาให้เราได้ทันที ทำให้เราเบาใจที่จะฝากงานตบแต่ง ซ่อมแซมไว้กับเขา

นี่ขนาดไม่ได้ทำใหม่ทั้งหมด เรายังต้องมาดูขนาดนี้ นี่ถ้าต้องทำทั้งหลัง ต้องบ้าและบานอย่างแน่นอน

เพราะปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ เราจึงต้องปรับข้าวของอุปกรณ์ในบ้านให้เป็นในแบบที่เราได้ใช้งานจริงและสะดวกสบาย โต๊ะไม้สักใหญ่ยักษ์อาจไม่จำเป็นกับเรา เท่ากับตู้ไม้สักไว้ใส่อุปกรณ์ทำสวน

ครัวใหม่อยากมีโต๊ะกลางไว้เตรียมอาหารและไว้ทำ Facebook live ถ่ายทอดสดจากบ้านของตัวเอง ก็ต้องยกเคาน์เตอร์ตัวเดิมออกไป

ชีวิตอยากมีพื้นที่โล่งๆ ไว้เล่นโยคะในบ้าน ก็ต้องยกโซฟาตัวใหญ่ยักษ์ออกไปให้ได้มีพื้นที่ว่างให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ต้องการ เพราะโซฟาที่เหลืออยู่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา

ข้าวของใช้เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องซื้อใหม่ เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม พรม ถังขยะ จาน ชาม เก้าอี้ โต๊ะแบบที่ชอบ ความสนุกมันอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ

ตอนเราได้เลือกในสิ่งที่เราชอบมาอยู่ในบ้านของเรา เพราะเมื่อเราเห็นสิ่งที่เราชอบ อยู่กับสิ่งที่เราชอบ เราก็มีความสุข

ฉันได้บทเรียนมาจากการตบแต่งบ้าน 2 ครั้งที่ผ่านมาว่า “ต้องใจเย็นๆ”

เราต้องค่อยๆ ดู ค่อยๆ ซื้อไป เพราะในภายภาคหน้า เราจะเจอของที่เราชอบเสมอ อย่าเพิ่งใจร้อนรีบซื้อ ของๆ เรา มันจะรอเราอยู่จริงๆ ขอให้เราชอบมันจริงๆ เถอะ เรื่องเสียเงินมันไม่หนีไปไหนเสีย

ก่อนย้ายบ้านก็ไปเดินอิเกีย ซึ่งดูเหมือนใครๆ ก็ไปกัน แต่เชื่อไหมฉันเพิ่งเคยไปครั้งแรก มันช่างตื่นตาตื่นใจจริงๆ เดินดูข้าวของอย่างเพลิดเพลิน แต่ลืมไปว่าเขาปิด 4 ทุ่ม พอได้ยินเสียงประกาศเตือน สติเข้าร่างทันที ดูของในลิสต์ว่าเราต้องการอะไรที่จำเป็น วิ่งหาจ้าละหวั่น แล้วยิ่งเป็นของใหญ่อย่างเก้าอี้ โต๊ะ ต้องวิ่งเข้าไปหาในโกดังตามเลขรหัส สนุกดีเหมือนเล่นแรลลี่ตามหาอาร์ซีทีเดียว

จ่ายเงินแม้คนเยอะก็ไม่ช้าอะไร อยากได้ใบกำกับภาษีก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เออระบบเขาดีจริงๆ แต่พูดเลยว่าเมื่อยร่างและปวดขามาก เพราะเดินเยอะเจริงๆ พื้นที่เขาใหญ่มาก แล้วพอซื้อเสร็จรุ่งขึ้นเจอผู้รับเหมาบอกว่า ความจริงไม่ต้องเดินให้เมื่อยก็ได้ แค่เลือกจากคอมพ์แล้วเขาจะไปเอามาให้ อยากให้ประกอบของให้ อยากให้ไปส่งบ้านก็จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อยเอง อ้าวววววว ไม่บอกก่อน ดีนะมีเด็กๆ ไปช่วยกันหลายคน ถ้าไปคนเดียวตายแน่นอน

การทำบ้านสักหลังไม่เคยมีเรื่องสบายๆ ง่ายๆ ชิลๆ หรอกค่ะ แต่ความสนุกสนาน ความชื่นใจ และความสุขใจมันอยู่ทุกก้าวที่เราเดินผ่านมาเสมอ

และสุดท้ายมันคือที่ที่เราจะกลับมาทิ้งตัวและเติมพลังให้ตัวเองได้ออกไปเผชิญกับโลกใหม่ได้อีกครั้ง ทุกๆ วัน…