ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต/ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

จาก ‘เมอร์เซเดส’ ถึง ‘วอลโว่’

‘สปอร์ตคูเป้’ ปะทะ ‘เก๋งหรู’

 

เหมือนนัดอวดโฉมในเวลาไล่เลี่ยกันของ 2 แบรนด์รถยุโรป ทั้ง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “วอลโว่”

ด้วยความรักพี่เสียดายน้องจึงถือโอกาสนำมาลงในฉบับเดียวกันเสียเลย

เริ่มกันที่ค่ายใหญ่ของฟากยุโรปที่ครองเบอร์ 1 ในเมืองไทยมายาวนานเหลือเกิน

“เมอร์เซเดส-เบนซ์” เปิดตัวรถใหม่รวดเดียวถึง 3 รุ่น เป็นสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู

รุ่นแรกเท่สุดๆ กับ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ E 300 Cabriolet AMG Dynamicž” สปอร์ตเปิดประทุน เด่นด้วยกระจังหน้าแบบ diamond grille และไฟหน้าสปอร์ต เทคโนโลยี MULTIBEAM ควบคุมด้วยหลอดไฟแบบ LED จำนวน 84 หลอด ปรับระดับความสว่างอย่างเป็นอิสระจากกัน

ทำงานร่วมกับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILSž Intelligent Light System) ปรับเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์การขับขี่และรูปแบบของถนน ระบบ ALSž Active Light System ปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย

ระบบ Cornering Light เพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง และระบบ Adaptive Highbeam Assist Plus ที่ช่วยปรับไฟสูงอัตโนมัติเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถยนต์ที่วิ่งอยู่ในเลนตรงข้าม

หลังคาแบบ Soft top fabric สามารถเปิด-ปิดได้ภายในระยะเวลาเพียง 20 วินาที ติดตั้ง AIRCAP เพื่อลดกระแสลมที่เข้ามาสู่ห้องโดยสารเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ออกแบบช่องระบบปรับอากาศใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงใบพัดของเครื่องยนต์อากาศยาน

เครื่องยนต์เบนซิน 1,991 ซีซี กำลังสูงสุด 258 แรงม้า ให้แรงบิด 370 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบ 9G-TRONIC ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ราคา 5,440,000 บาท

 

ถัดมาเป็น “E 200 Coupe AMG Dynamic” ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED รับกับกระจังหน้าแบบ diamond grille

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัดพร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัส และจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ widescreen cockpit กว้าง 12.3 นิ้ว รับกับดีไซน์คมเข้มของช่องระบบปรับอากาศใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงใบพัดของเครื่องยนต์อากาศยาน

พื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังที่กว้างขวางมากขึ้น เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของรถยนต์แบบสปอร์ตคูเป้

ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1,991 ซีซี กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร

มาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี MULTIBEAM LED ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (Dynamic Select) ระบบช่วยเบรกแบบแอ๊กทีฟ (Active Brake Assist) และระบบการช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot Including Active Parking Assist)

ราคา 4,440,000 บาท

ปิดท้ายด้วยน้องเล็ก “เมอร์เซเดส-เบนซ์ C 200 Coupe AMG Dynamic” ตกแต่งรอบคันแบบ AMG Bodystyling ไฟหน้าที่มาพร้อมเทคโนโลยี MULTIBEAM LED

ภายในดูสปอร์ตเรือนไมล์แบบ All-digital instrumental display กว้าง 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบได้มากถึง 3 รูปแบบ

ตรงกลางเป็นหน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว ควบคุมและสั่งการด้วย Touchpad ที่ทำงานร่วมกับระบบ MB Audio 20

เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,991 ซีซี กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ แบบ 9G-TRONIC

ราคา 3,450,000 บาท

 

ส่วนค่ายวอลโว่ส่งเก๋งกลางยอดนิยม “เอส 60” สปอร์ตซีดานเกรดพรีเมียม ภายใต้สโลแกน “Your Signature Drive” ออกแบบมาเพื่อนักขับผู้ต้องการความแตกต่างสื่อถึงตัวตนที่มาดมั่น

กระจังหน้าออกแบบอย่างสะดุดตา ติดตั้งตราวอลโว่ขนาดใหญ่ ส่วนฮู้ดหลังยาวและฝากระโปรงห้องเครื่องสื่อถึงพลังในการขับเคลื่อนอย่างชัดเจน

ไฟหน้าแอลอีดี ดีไซน์รูปลักษณ์ค้อนธอร์อันเป็นซิกเนเจอร์ของวอลโว่ พร้อมระบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Headlights)

ระบบไฟหน้า LED Headlights with ABL (Active Bending Lights) ออกแบบมาเพื่อมอบความสว่างสูงสุดเมื่อเจอทางโค้งหรือแยกบนถนน และระบบ High-Pressure Cleaning เพิ่มทัศนวิสัยในความมืดที่ชัดเจนที่สุด

มิติตัวถังถือเป็นรถยนต์ที่มีความยาวและหน้ากว้างที่สุดในรถยนต์กลุ่มเดียวกัน

ห้องโดยสารเน้นงานออกแบบแนวสแกนดิเนเวียน ให้ความสำคัญกับความสะอาดหมดจด จัดสรรพื้นที่ภายในอย่างเรียบง่าย โปร่งสบายตา บรรยากาศผ่อนคลายและหรูหรา

ห้องโดยสารรุ่น R-Design มาตรฐานขั้นสูงของงานฝีมือแบบสแกนดิเนเวียน มือจับประตูรถตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมและแผงไฟในโทนสีที่สอดประสานกลมกลืน แป้นเกียร์ และพวงมาลัยแบบ R-design

ระบบ Head-Up Display จะแสดงการเตือนและข้อมูลการขับขี่บนระดับการมองเห็นของผู้ขับพอดี ทั้งอัตราความเร็ว การทำงานต่างๆ ช่วยลดความถี่ในการละสายตาจากถนนของผู้ขับ ผ่านการฉายข้อมูลที่จำเป็นบนระดับการมองเห็นของผู้ขับโดยตรง จึงไม่ต้องละสายตาจากถนนในขณะขับรถ

ระบบนำทาง และ Apple Car Play & Android Auto Support ทำงานร่วมกับระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจากแบรนด์ “Harman Kardon”

 

ที่นั่งออกแบบรองรับส่วนโค้งของสรีระสบายมากขึ้นแม้เดินทางไกล กำหนดความสูงของเบาะนั่งระดับต่ำ สัมผัสถึงการเคลื่อนไหวบนพื้นถนนอย่างชัดเจน

เบาะด้านหลังของผู้โดยสารมาพร้อมระบบ 4-Way Power Lumbar Support เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า ผสานกับ Power Fold Rear Headrest และการปรับระยะหมอนรองได้ตามต้องการ

ขุมพลัง T8 TWIN ENGINE PLUG-IN HYBRID กำลังสูงสุด 407 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.4 วินาที

ความสะดวกสบายและไฮเทคแน่นคัน อาทิ ระบบกล้อง 360 องศา และกล้องช่วยจอด ทำงานด้วยเซ็นเซอร์ซึ่งติดตั้งบนกระจังหน้ารถและบนกันชนหลัง ร่วมกับกล้องอื่นๆ ทั้งที่ติดตั้งเข้ากับป้าย Volvo Iron Mark ด้านล่างกระจกหูช้าง และที่ประตูท้าย เพื่อการวัดระยะห่างของวัตถุรอบตัวรถ

เมื่อตรวจพบวัตถุในระยะใกล้ จะส่งสัญญาณเสียงเตือนและแสดงภาพบนหน้าจอแบบ Sensus Screen ในทันที

ระบบกล้องช่วยจอดยังช่วยในการถอยรถโดยมีเส้นนำทางและภาพแสดงพื้นที่ เพื่อช่วยให้คุณทราบระยะห่างระหว่างยานพาหนะและวัตถุรอบข้างได้ดีขึ้น

ระบบช่วยจอดโดยอัตโนมัติ (Park Assist Pilot) ถอยรถเข้าและออกจากที่จอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยระบบจะกำหนดระยะห่างสำหรับการจอดที่เหมาะสม ให้คำแนะนำการจอดทีละขั้นตอน โดยรถยนต์จะควบคุมการเลี้ยวโดยอัตโนมัติ ผู้ขับขี่เพียงควบคุมการเบรกและการเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น

เปิดประตูท้ายฝากระโปรงหลังปลดล็อกด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้มือ (Power-Operated Handsfree Tailgate Unlocking)

มีให้เลืก 2 รุ่นย่อย Momentum ราคา 2.19 ล้านบาท

และ R-DESIGN เริ่มต้นที่ 2.59 ล้านบาท