ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
“บุนยัง วอละจิด” ประธานประเทศลาว เดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นเวลา 2 วัน
วาระสำคัญในระหว่างการเยือนคือการพบหารือกับ สมเด็จอัครมหาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
แม้ถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธว่าไม่ได้มีประเด็นหารือเรื่องปัญหาชายแดนระหว่างกัน
แต่นักสังเกตการณ์หลายฝ่ายเชื่อว่า ผู้นำทั้งสองคงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาทำความตกลงกันเป็นการส่วนตัวเพราะปัญหาขัดแย้งเรื่องเขตแดนดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน
ต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่เสียมปาง อำเภอ “ชนบทขนานแท้” ของจังหวัดสตึงเตรง ตอนเหนือสุดของประเทศติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ชายแดนส่วนหนึ่งของเสียมปาง ติดต่อกับพื้นที่ของแขวงอัตตะปือ อีกส่วนหนึ่งติดกับแขวงจำปาสัก ทางตอนใต้ของลาว พรมแดนส่วนหนึ่งอาศัยแนวแม่น้ำเสกอง ลำน้ำสาขาของแม่โขงเป็นเส้นเขตแดนธรรมชาติ
8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามรายงานทางการกัมพูชา ทหารลาว 400 นายข้ามฟากเสกองเข้ามาในเสียมปาง ยืนกรานเด็ดขาดให้กองทหารช่างกัมพูชายุติกิจกรรมใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างถนนสายใหม่จากตัวจังหวัดสตึงเตรงเชื่อมต่อกับเสียมปาง ความยาว 257 กิโลเมตรในทันที
ทหารลาวหน่วยนั้นระบุว่า เส้นทางถนนตัดใหม่ดังกล่าว บุกรุกเข้ามาในดินแดนของลาว
จนถึงวันเดินทางเยือน ลาวยังคงชุมนุมทหารไว้ราว 400 นายในอีกฟากหนึ่งของลำน้ำ ในขณะที่ทหารกัมพูชาจำนวนไม่น้อยก็ยึดที่มั่นในฝั่งตรงข้ามไว้เหนียวแน่นเช่นเดียวกัน
ชุม โสเชียต โฆษกกระทรวงป้องกันประเทศของกัมพูชาอธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
“เราทำถนนเส้นนั้นให้อยู่ในเขตแดนของกัมพูชา บนพื้นฐานของแผนที่ซึ่งทำเอาไว้โดยฝรั่งเศส แต่ฝ่ายลาวอ้างว่าเราสร้างถนนอยู่บนเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ” ก่อนยืนยันเจตนารมณ์ไม่ต้องการมีปัญหาขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน “ปกติแล้วการพกอาวุธเข้ามาถือเป็นเรื่องผิด แต่…เราไม่อยากให้ปัญหามันใหญ่โตไปกว่านี้”
วา กิมฮง รัฐมนตรีกระทรวงกิจการชายแดนบอกไว้ด้วยว่า “พอเราสร้าง เขาก็มาหยุดเรา พอเขาสร้าง เราก็ไปหยุดเขาเหมือนกัน แต่เราคุยกัน ทำความเข้าใจกัน”
ทั้งหมดนั้นสะท้อนความ “คุ้นเคย” กับความขัดแย้งเรื่องแนวเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งได้เป็นอย่างดี
เอียน แบร์ด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์การเมืองลาวบอกว่า แนวเขตแดนระหว่างประเทศทั้งสอง ยังมีอีกหลายส่วนที่ไม่มีการปักปันอย่างเป็นทางการ ทำให้ความตึงเครียดปะทุขึ้นมาเป็นครั้งคราว
หลายจุดที่ยังไม่มีการปักปัน อยู่ตามแนวลำน้ำเสกองในเขตสตึงเตรงของกัมพูชาและอัตตะปือของลาวนั่นเอง
ความขัดแย้งระดับท้องถิ่น จึงอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ไม่น่าที่จะลุกลามบานปลายกลายเป็น “ปฏิบัติการทางทหารในระยะยาว” ตราบใดที่ “นักการเมืองระดับสูงยังคงความสัมพันธ์อันดีไว้” เหมือนเช่นที่ท่านประธานประเทศลาวแสดงออกในการเยือนครั้งนี้
แต่นักวิชาการรายนี้เตือนเอาไว้ว่า ยังต้องระวังเงื่อนไขทางการเมืองในกัมพูชา โดยเฉพาะในยามนี้ที่กำลังใกล้กำหนดเลือกตั้งท้องถิ่นเข้ามาทุกที
พรรคการเมืองฝ่ายค้านอาศัยเรื่องเขตแดนกดดันต่อพรรคประชาชนกัมพูชาของ ฮุน เซน มาตลอดหลายปีมานี้ มีตั้งแต่การกล่าวหาว่า รัฐบาลไม่ดำเนินความพยายาม “อย่างเพียงพอ” ในการปกป้องรักษาแนวเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวียดนาม ที่กลายเป็นปัญหาคาราคาซัง ขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาหลายระลอก
ในฤดูเลือกตั้งของกัมพูชา ที่ทุกเรื่องไม่ว่าเล็กน้อยหรือใหญ่โตเพียงใด สามารถกลายเป็นปมประเด็นทางการเมืองได้ทั้งหมดนั้น
ปัญหาลิ้นกับฟันอย่างที่สตึงเตรงสามารถกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นพิเศษไปได้ภายในพริบตา!