E-DUANG : แนวรบ”ออนไลน์”ในกรณี”ธรรมกาย”

หากถือเอาสถานการณ์”ธรรมกาย”เป็นเหมือนกับการสัประยุทธ์ ก็ต้องให้ความสนใจกับ “แนวรบ” อย่างเป็นพิเศษ

แม้ว่า “พื้นฐาน” จะเป็นเรื่องทาง”ศาสนา”

แน่นอน ในเมื่อตามแผนปฏิบัติการของ”ดีเอสไอ”มีการวางกำลังพลไม่ต่ำกว่า 4,000 คนโดยรอบพื้นที่ของวัดพระธรรมกายกว่า 2,000 ไร่

“แนวรบ” ด้านหลักย่อมอยู่ที่ “คลองหลวง”

ไม่มีใครรู้ว่า “ภายใน” พื้นที่กว่า 2,000 ไร่มี พระ เณรและฆราวาสอยู่จำนวนเท่าใด

“ดีเอสไอ”ระบุว่าไม่น่าจะเกิน 3,000

แต่หากสดับตรับฟังจากทางด้าน”คณะศิษยานุศิษย์”ยืนยันว่ามีเป็นจำนวน “เรือนหมื่น”

ยังมีที่เคลื่อนไหวไป มาที่”ตลาดกลาง” อีก

คล้ายกับว่าที่”คลองหลวง” คือแนวรบด้านหลักเพราะดำเนินไปในลักษณะ”ประจันหน้า”กัน

แต่ก็ยังมีอีกแนวรบที่เข้มข้น คือแนวรบด้าน”การข่าว”

 

ในด้านเปิดเผย ฝ่ายของ”ดีเอสไอ”ครองฐานะนำเหนือกว่าฝ่ายของ “ธรรมกาย”อยู่แล้ว

เพราะเป็น “กลไก” แห่ง”อำนาจรัฐ”

ไม่เพียงแต่จะมีกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง พร้อมอยู่ในมือหากแต่ยังได้อาญาสิทธิ์สำคัญมาด้วย

นั่นก็คือ “มาตรา 44”

การแถลงระหว่าง “โฆษก” ของดีเอสไอ กับ “โฆษก”ของวัดพระธรรมกาย

“น้ำหนัก” จึงเทมายัง “ดีเอสไอ”

ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าโฆษกอย่าง นายองอาจ ธรรมนิทา ไม่ว่าโฆษกอย่าง พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ล้วนต้อง”หมายเรียก”

จึงต้องถูก “ปิดปาก” ไปโดยอัตโนมัติ

แต่อีก “แนวรบ” 1 ซึ่ง”ดีเอสไอ”ยังไม่สามารถสกัด ขัดขวาง หรือปิดกั้นได้

คือ แนวรบทางด้าน”ออนไลน์”

 

มีความพยายามทางด้าน “กสทช.” ตัดสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต

ผลข้างเคียงก็คือ กรณีของ น.ส.พัฒนา เชียงแรง

ผลข้างเคียงก็คือ เว็บไซต์หรือการเฟซบุ๊คไลฟ์อาจจะมีอุปสรรค

แต่ก็ยังไม่สามารถยุติได้

หากใครที่ติดตามการเคลื่อนไหวทางด้าน”โซเชียล มีเดีย”จะเห็นว่าทั้ง 2 ฝ่ายสัประยุทธ์กันอย่างเข้มข้น

“ดีเอสไอ” ต้องการ “สกัด”แน่นอน

แต่ข่าวสารอันเป็นกระบอกเสียงให้กับทางด้าน”ธรรมกาย”ก็ยังปรากฏออกมาอย่างคึกคักและต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวจาก “ต่างประเทศ”