เชิงบันไดทำเนียบ : สยบศึกสีกากี! ‘บิ๊กตู่’ คำราม ‘บิ๊กโจ๊ก’ ลงดาบ ‘บิ๊กต้อย’ งานนี้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ผบ.กึ่งทศวรรษ

งานเซ่นพิษ ‘คลิปเสียงหลุด’ หลังเกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่า ‘วงการสีกากี’ หลัง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ลงนามในคำสั่งสำนักนายกฯเด้ง ‘บิ๊กต้อย’พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. เข้ากรุสำนักนายกฯ หลังมีการตั้ง แต่งตั้ง คกก.สอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่ง สตช. หลังมีพฤติการณ์กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ในการอำนวยการยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของ สตช. และการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
.
อย่างไรก็ตามได้มีคำสั่งมอบหมายให้ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานด้านกฎหมายและคดีและงานปราบปรามด้านละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แทน พล.ต.อ.วิระชัย ด้วย
.
หลังคำสั่งเด้งออก ทุกเสียงต่างคาดว่ามาจากกรณี ‘คลิปเสียงหลุด’ ทันที โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ‘บิ๊กตู่’ สั่งตั้งกรรมการสอบปม ‘คลิปเสียงหลุด’ ที่เป็นบทสนทนาระหว่าง ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.วิระชัย ในคดียิงรถ ‘บิ๊กโจ๊ก’พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกฯ ท่ามกลางรอยร้าวระหว่าง ‘บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก’ ที่ ‘บิ๊กตู่’ ในฐานะ ปธ.ก.ตร. ต้องตั้งกรรมการสอบสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“แม้แต่การเอาเทปมาออกมันผิดหรือเปล่า มันบันทึกเสียงกันได้ไหม ใครเป็นคนเอาไปออก เขาสอบหมดนั่นแหล่ะ เขากำลังตั้งคณะกรรมการสอบอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 14ม.ค.63
.
แน่นอนว่าเป็นไปตามที่คาดทั้งหมด หลัง ‘บิ๊กแป๊ะ’ ออกมายืดอกยอมรับว่า “ใช่” หลังถูกถามว่าใช่เรื่อง ‘คลิปเสียงหลุด’ หรือไม่ แต่งานนี้ต้องมีการขยายความ โดย ‘บิ๊กแป๊ะ’ ระบุว่า กรณี พล.ต.อ.วิระชัย ตนได้เสนอไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีให้มีการ พิจารณากรณีนี้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องของการมีเอกภาพในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ รอง ผบ.ตร. ดังกล่าว หากดำรงตำแหน่งเกรงว่าจะมีอุปสรรคปัญหา

หากย้อนไปดูที่ ‘บิ๊กตู่’ เคยออกมาชี้แจงจะพบว่า ไม่ใช่ให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแค่เรื่อง ‘คลิปเสียงหลุด’ เท่านั้น แต่ให้ตรวจสอบทั้งหมด พร้อมปฏิเสธการทำหน้าที่ ‘กาวใจ’ ให้ทั้ง ‘บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก’ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ นายกฯ ที่จะต้องไปเคลียร์เรื่องนี้ แต่ถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้ เพราะเป็น ประธาน ก.ตร. ด้วย จึงทำให้ นายกฯ กล่าวเพียงว่า ตนรอฟังผู้บังคับบัญชาที่เขารับผิดชอบโดยตรงชี้แจงมา
.
“ผมได้ย้ำเตือนไปแล้วว่าต้องรักษาองค์กรของท่านด้วย เรื่องนี้มันอยู่ที่คนนั่นแหล่ะ ผมก็ต้องฟังผู้บังคับบัญชาที่เขารับผิดชอบโดยตรงชี้แจงมา และผมก็ให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ร้องเรียนมาต่างๆ เขามีคณะกรรมการวินัย คณะกรรมการกำลังพลทั้งหมด ถ้าใครไม่ได้รับความเป็นธรรมก็อุทธรณ์ได้ เขาก็มีคณะกรรมการอุทธรณ์ สามารถโอนย้ายได้หมด ผมไม่อยากให้มีการพูดผ่านสื่อ มันเสียหาย ใช่หรือไม่ใช่ บางทีประชาชนก็เข้ามาตัดสินไปด้วยมันก็เสียทั้งหมด เพราะฉะนั้น ต้องดูพฤติกรรมของแต่ละคนที่ออกมาร้องเรียนด้วยว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร เท่าที่ทราบก็มีปัญหาอยู่พอสมควร ดังนั้น อย่าเพิ่งไปตัดสินผิดถูกอะไรตอนนี้เลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 13ม.ค.63
.
“เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ซึ่งเขามีคณะกรรมการก็ควรไปประชุมกันใน ก.ตร. ซึ่งเขามีคณะกรรมการตรวจสอบวินัย เขาก็จะชี้แจงเองว่าคนนี้เป็นอย่างไร พฤติกรรมที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีความผิดอะไรอยู่บ้างหรือเปล่า และการออกมาร้องเรียนผิดวินัยหรือเปล่า แม้แต่การเอาเทปมาออกมันผิดหรือเปล่า มันบันทึกเสียงกันได้ไหม ใครเป็นคนเอาไปออก เขาสอบหมดนั่นแหละ เขากำลังตั้งคณะกรรมการสอบอยู่ ไม่เช่นนั้นก็วุ่นไปหมดทุกอย่าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 13ม.ค.63

ผ่านมา 2 สัปดาห์ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ได้นิ่งเงียบไป ส่วน ‘บิ๊กแป๊ะ’ ก็เลี่ยงการตอบเรื่องนี้ โดยลงพื้นที่ จ.ลพบุรี เคลียร์คดีปล้นร้านทอง จนสามารถจับผู้ต้องหาได้ เรียกได้ว่า เคลียร์คดีปล้นจบปุ๊บ เคลียร์เรื่องเก่าต่อปั๊บ ทำให้เก้าอี้ ผบ.ตร. ของ ‘บิ๊กแป๊ะ’ แข็งแรงกว่าเดิม หลังนั่งตำแหน่ง ‘พิทักษ์ 1’ มา 4 ปีกว่าแล้ว และจะเกษียณฯก.ย.63 เท่ากับว่า ‘บิ๊กแป๊ะ’ เป็น ผบ.ตร.เก้าอี้เหนียวยาว 5 ปี แม้ที่ผ่านมาจะมีกระแส ‘เลื่อยขาเก้าอี้’ อยู่ตลอดก็ตาม
.
ซึ่ง ‘บิ๊กแป๊ะ’ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ปี58 ยุค คสช. โดยขณะนั้นมี ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ประธาน ก.ตร. ที่ให้การสนับสนุน โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ชื่อว่าเป็น ‘น้องเลิฟ’ ของ พล.อ.ประวิตร ทำให้งานนี้ ‘บิ๊กป้อม’ ความลำบากใจไม่น้อย หลังเกิดรอยร้าวระหว่าง ‘บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก’ ขึ้นมา เพราะต่างเป็นน้องรักทั้งคู่ ทำให้งานนี้ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ขอเข้าไปเคลียร์ พร้อมโยนให้ทั้งคู่ไปคุยกันเอง เพราะเป็นพี่น้องกัน เชื่อว่าคุยกันได้ ไม่ต้องถึงมือตน พร้อมออกตัวว่า เพราะตนไม่ได้คุม ตร. แล้ว ทำให้ ‘บิ๊กตู่’ ต้องเคลียร์เองในฐานะผู้บังคับบัญชาของทั้ง 2 คนในเวลานี้ ซึ่งทั้ง ‘บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กโจ๊ก’ ถือเป็น ‘มือทำงาน’ ให้ ‘บิ๊กตู่’ มาตั้งแต่ยุค คสช. ด้วย
.
แต่ยังไม่จบเท่านี้ งานนี้ ‘พี่ตู่’ ได้ออกมาปราม ‘น้องโจ๊ก’ ชุดใหญ่ โดยออกคำสั่งนายกฯ ให้ข้าราชการรักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ ถึง ‘บิ๊กโจ๊ก’ คนเดียวเต็มๆ โดยย้ำในหลายเรื่อง เช่น ไม่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ไม่ทำทุจริต ไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ไม่ปฏิบัติราชการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน ไม่แสวงหาประโยชน์ ไม่กลั่นแกล้ง กดขี่ ข่มเหง ในการปฏิบัติราชการ รักษาความลับของราชการ มีความสุภาพ รักษาความสามัคคี เป็นต้น

เรียกได้ว่างานนี้ ‘บิ๊กตู่’ ปราม ‘บิ๊กโจ๊ก’ ตรงๆแรงๆ แม้ก่อนหน้านี้ ‘บิ๊กตู่’ จะสงวนท่าทีต่อเรื่องนี้ไม่น้อย แต่เมื่อทุกอย่างสุกงอมจึงออกคำสั่งทั้ง ‘เด้ง’ ทั้ง ‘ปราม’ ในวันเดียวกัน
.
เมื่อใช้ ‘พระเดช’ ก็ต้องควบคู่ ‘พระคุณ’ โดยยังคงให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ให้งดการมอบหมายงานพิเศษและสำคัญ และหากมีกรณีไม่รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย
.
งานนี้ ‘สยบคลื่นใต้น้ำ’ ก่อนถึงฝั่ง !