สงคราม “คลองหลวง” ทัพ “ดีเอสไอ-ตร.-ทหาร” ชู ม.44 ทะลวง “ธรรมกาย” ไม่เข้า ธัมมชโย “ล่องหน”

ปฏิบัติการบุกค้นวัดพระธรรมกาย ครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อสองครั้งที่ผ่านมา

การเดิมพันไม่ใช่แค่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และตำรวจเท่านั้น

แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลงมือเอง โดยประกาศใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ 5/2560 กำหนดให้วัดพระธรรมกาย ตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย ใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รวมถึงพื้นที่หมู่ 7 หมู่ 8 หมู่ 9 หมู่ 10 หมู่ 11 หมู่ 12 และหมู่ 13 ในตําบลคลองสอง และพื้นที่หมู่ 7 หมู่ 8 หมู่ 9 หมู่ 10 และหมู่ 11 ใน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ

เพื่อติดตามจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาส ผู้ต้องหาร่วมฟอกเงินและรับของโจรในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และคดีบุกรุกพื้นที่ป่าก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมในต่างจังหวัดอีกหลายแห่ง

คำสั่งดังกล่าวคือการส่งสัญญาณ “เอาจริง” และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลออกคำสั่งลงมือ!!

การปฏิบัติการครั้งนี้จึงเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตำรวจ ทหาร ดีเอสไอ รวมกำลังพลกว่า 4,000 นาย ที่ สภ.คลองหลวง นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนกำลังพลเข้าปิดล้อมทางเข้าออกวัดในประตูต่างๆ สั่งห้ามรถยนต์เข้า-ออก ปิดถนนโดยรอบวัด และนำป้ายมาตรการควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายมาติดตั้งไว้ที่หน้าประตูวัดด้วย

ขณะที่วัดพระธรรมกาย ก็เปิดเกมรุกสู้ไม่ถอย มีการประกาศระดมพลของคณะศิษยานุศิษย์ให้ร่วมต่อต้านการใช้มาตรา 44 และให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากวัด โดยมีพระสงฆ์ และลูกศิษย์วัดออกมาเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่ตามประตูต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าร่วมสวดมนต์และประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงถึงสิทธิเสรีภาพด้านต่างๆ ของประชาชนและการเข้ามาปฏิบัติธรรมในวัด

แต่ก่อนจะมีการตรวจค้นได้มีการเจรจาร่วมกัน จากนั้นจึงเริ่มเข้าตรวจค้นพื้นที่ภายใน แบ่งพื้นที่เป็น 3 จุด คือ โซนเอ บี และซี ซึ่งโซนเอ เป็นพื้นที่วัด จำนวน 196 ไร่ ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่เชื่อว่าพระธัมมชโย พักอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว

ส่วนพื้นที่โซนบี เป็นพื้นที่ของมูลนิธิต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย เช่น อาคาร 100 ปี อาคารอุบาสก และอาคารสงฆ์ ขณะที่โซนซี เป็นอาคารมหาธรรมกายเจดีย์ และอาคารรัตนวิหารคต

แต่การเข้าตรวจค้นก็ไม่พบตัวพระธัมมชโย

AFP PHOTO

การตรวจค้นยังคงยืดเยื้อข้ามสัปดาห์ ขณะที่ลูกศิษย์ยังมีการประกาศระดมพลและทยอยเข้ามาในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบริเวณประตู 5 และ 6 ทางเข้าวัดพระธรรมกาย ริมคลองแอล ซึ่งมีการตั้งเต็นท์กลางถนน และมีพระสงฆ์เป็นแนวหน้าร่วมกับลูกศิษย์ ตั้งป้อมเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่

บรรยากาศการเผชิญหน้าเป็นไปด้วยความตึงเครียดท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด

ในที่สุดคณะพระสงฆ์และลูกศิษย์วัดกว่า 500 คน พยายามเดินฝ่ากำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ด้วยอ้างว่าต้องการออกจากวัดพระธรรมกายไปรับพระสงฆ์และลูกศิษย์ที่ถูกตำรวจห้ามเข้าพื้นที่ซึ่งปักหลักรออยู่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง

แต่ตำรวจไม่อนุญาต จึงเป็นสาเหตุเกิดการปะทะกันขึ้น

เหตุการณ์ปะทะกันเป็นไปด้วยความชุลมุนยาวนานกว่า 10 นาที เป็นภาพที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นนักว่าพระจะปะทะกับตำรวจ

ภาพที่เห็นบางคนก็ถูกผลักจนตกลงไปในคลองแอล ส่งผลมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าเจรจาให้ถอยห่างออกจากกันฝั่งละ 10 เมตร เพื่อลดความตึงเครียดไม่ต้องนั่งจ้องหน้ากันอีก

แต่บรรยากาศบริเวณประตู 5 และ 6 ยังเกิดความวุ่นวายต่อเนื่อง หลังผู้พักอาศัยที่อยู่หลังแนวกั้นของตำรวจรวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าที่มีแผงขายของหน้าประตูวัดรวมกลุ่มกันชูป้ายคัดค้านการใช้มาตรา 44 ร่วมกับลูกศิษย์วัดด้วย เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปขายของในพื้นที่ด้านในได้ จนเกิดการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีพระสงฆ์ส่วนหนึ่งรวมตัวกันประท้วงการออกคำสั่งตามมาตรา 44 ในครั้งนี้ ด้วยมาตรการทำอารยะขัดขืนและอดอาหาร

ขณะเดียวกันก็มีคณะพระสงฆ์และลูกศิษย์อีกนับพันคนรวมตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่

แม้ว่าปฏิบัติการการเข้าตรวจค้นวัดของดีเอสไอที่เป็นแม่งานเจ้าภาพหลักจะไม่พบตัวพระธัมมชโย พบเพียงเตียงที่ใช้พักรักษาอาการป่วยของพระธัมมชโยในกุฏิดาวดึงส์ และของใช้บางส่วนรวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ และแคปซูลเครื่องไฮเปอร์แบริก แชมเบอร์ (Hyperbaric Chamber) ที่ถูกวิจารณ์ในโลกโซเชียลมีเดียว่าเป็นเครื่องทำเบบี้เฟซ

แต่มีแพทย์ยืนยันแล้วว่าเครื่องมือดังกล่าวไว้ใช้เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนเพื่อให้เนื้อเยื่อที่มีบาดแผลได้ซึมซับออกซิเจนมากขึ้นเท่านั้น

แต่เพื่อให้สังคมคลายสงสัยว่าพระธัมมชโย ยังหลบหนีอยู่ภายในวัดหรือไม่

ดีเอสไอยังคงเดินหน้าทุกวิถีทางในการร่วมมือกับหลายฝ่ายทั้งสำนักพระพุทธศาสนา เข้าเจรจาขอเข้าค้นวัดพระธรรมกายซ้ำอีก

แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากพระผู้ใหญ่ของวัดพระธรรมกาย

ขณะเดียวกันกับเจอปฏิบัติการตอบโต้จากกลุ่มไม่ทราบฝ่าย เมื่อถูกมือมืดแอบวางน็อต-ตะปูสภาพใหม่เอี่ยมที่หน้าล้อรถของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

ส่งผลให้รถบางคันเหยียบน็อต-ตะปู จนยางรั่ว

และยังพบวัตถุบางอย่างกระเด็นใส่หน้ารถกำลังพลของตำรวจตระเวนชายแดนจนกระจกร้าวในช่วงเวลากลางคืน

แต่ทางด้านสำนักสื่อสารองค์กรของวัดพระธรรมกายเอง ก็ได้ออกแถลงการณ์ต่อเนื่องว่าให้ระวังมือที่สามที่อาจแฝงตัวมาในรูปแบบของพระสงฆ์และลูกศิษย์วัด เข้ามาสร้างสถานการณ์ความรุนแรง

และมีการประกาศห้ามสื่อมวลชนบางสำนักข่าวเข้าพื้นที่โดยไม่มีการชี้แจงถึงสาเหตุ

จากการประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ ยังเกิดดราม่าโซเชียล ขึ้นหลายเรื่อง ทั้งการตัดต่อภาพของพระธัมมชโย และภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่วัดพระธรรมกาย จนเกิดข่าวลือสร้างความสับสนให้กับประชาชนผู้รับข่าวสาร รวมไปถึงวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่าแม้จะใช้มาตรา 44 แล้ว แต่ก็ไม่มีความหมายอะไร

บางรายวิจารณ์ถึงขั้นว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ตั้งใจจะจับพระธัมมชโยจริงๆ หรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่พิธีกรรมเท่านั้น

จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาตอบโต้ว่าการเชียร์ว่าใครจะชนะระหว่างพระกับเจ้าหน้าที่นั้นไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับบ้านเมือง และจะประกาศใช้มาตรา 44 จนกว่าจะจับตัวพระธัมมชโยได้

แต่กระแสดราม่าก็ยังเกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอาหารการกินของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีข่าวว่ามีราคาสูงถึงมื้อละ 80 บาท รวม 3 มื้อ ราคา 240 บาท หักจากเบี้ยเลี้ยงที่ได้วันละ 440 บาท

จนเฟซบุ๊กแฟนเพจต่างๆ ทำการ์ตูนภาพล้อเลียน กล่าวหาว่ามีการทุจริตอมเงินค่าข้าวหรือไม่

เรื่องนี้ร้อนไปจนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ต้องออกมาประกาศลั่นว่า “คนอย่างผมจะอมเงินลูกน้องได้อย่างไร”

หลังเกิดกระแสดราม่านี้ ผู้สื่อข่าวยังคงเกาะติดสอบถามตำรวจควบคุมฝูงชนซึ่งยอมรับว่าได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 440 บาท แต่บอกว่ากับข้าวมีรสชาติที่ดีขึ้น มีเมนูที่หลากหลาย และปริมาณก็มีความเหมาะสม

จนถึงขณะนี้แม้ว่าพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย จะถูกล้อมกรอบด้วยกฎหมายของบ้านเมืองอย่างเข้มงวด จากมาตรา 44 และทำให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอสามารถรุกคืบเข้าไปในวัดได้ แต่ก็ยังไร้เงาของพระธัมมชโยที่จะติดต่อเข้ามอบตัวหรือไม่

มีแค่เพียงกระแสข่าวลือต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ว่าพระธัมมชโยยังหลบอยู่ภายในวัด บางส่วนก็ว่าหนีออกไปนอกวัด หรือต่างประเทศแล้ว สร้างความสับสนและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่ประชาชนผู้รับข่าวสาร

ขณะที่การตรวจค้นก็ยังคงยืดเยื้อ งบประมาณในการใช้จ่ายของรัฐบาลก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย ท่ามกลางการรวมตัวกันของมวลชนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

ปฏิบัติการกระชับพื้นที่วัดพระธรรมกาย จับตัวพระธัมมชโยครั้งนี้ จึงยังคงต้องจับตาจะเป็นหนังสั้นม้วนเดียว หรือหนังยาวหลายซีรี่ส์!!!