อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : ปลาร้าเรื่องมาก

ฟาเดินยิ้มหวานขึ้นเรือนมาพร้อมกับถุง ไม่ต้องบอก ฉันก็เดาได้ แม่ของเขาเก็บผักรอบๆ บ้านมาฝาก เธอเป็นคนขยัน หากไม่ป่วย เธอไม่เคยอยู่นิ่ง เธอทำนา เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ทำงานตั้งแต่เช้ามืดจนค่ำ ถึงกระนั้น เธอก็ยังขัดสนเสมอ

เธอบอกฉันว่า เธอไม่เคยกลัวอด เพราะรอบๆ บ้านมีของกิน แต่ชีวิตไม่อาจอยู่รอดเป็นชีวิตด้วยการกินเท่านั้น เราต้องมีเงินจ่ายค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และอีกสารพัดค่า ซึ่งแม้ไม่ใช่ปัจจัยสี่ แต่ถือเป็นความจำเป็น

“ของกินมีเยอะแยะ เงินเท่านั้นล่ะ ที่หายาก” เธอว่า

ผักที่ลูกชายของเธอวางบนโต๊ะ คือสิ่งยืนยันคำว่า เยอะแยะ ของเธอ

มีทั้งมะเขือ แตงกวา กระเจี๊ยบ ผักเชียงดา พริก ข่า ตะไคร้

“ผมมาหายาย แม่เลยฝากผักมาให้พี่ครับ” ฟาบอกก่อนเดินลงเรือนไป

 

ปีนี้ฟาน่าจะอายุราว 22 ตอนที่แม่ของเขาใกล้คลอด เธอมาหาฉันที่บ้าน ขอให้ฉันตั้งชื่อลูกให้เธอ

ฉันกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ฉันเรียนบัญชีด้วยนะ จะเอาความสามารถในการตั้งชื่อมาจากไหน

ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง แต่แม่ของฉันเสียงแข็งกว่า แม่ว่า คนเขาอุตส่าห์มาหา อยากได้ชื่อ ตั้งให้หน่อยไม่ได้หรือ

ได้อยู่แล้วล่ะ แต่ฉันคิด-คนที่จะตั้งชื่อเด็กได้ดีที่สุดคือพ่อ-แม่ของเด็ก ไม่ใช่ฉัน-ผู้ยังไม่รู้จะอยู่ในสถานะใดของเด็ก น้าก็ไม่เชิง เป็นป้าก็ไม่ใช่ ฉันกับแม่ของฟาโตมาด้วยกัน อายุห่างกันสิบปี เธอคล้ายพี่สาวคนโต แต่ยายเลี้ยงดูเธอเหมือนคนทำงานบ้าน เธออยู่กับเรากระทั่งเธอเจอพ่อของฟา เธอจึงแยกเรือนออกไป

ฉันกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็ตั้งชื่อไปว่า ฟา ตั้งแบบไม่คิดอะไรเลย เผื่อเธอไม่ชอบ จะได้ตั้งชื่อลูกของเธอเอง

แล้วเวลาก็บินผ่าน ทารกที่ฉันตั้งชื่อให้ กลายเป็นหนุ่มน้อยผู้ขยันขันแข็งไม่แพ้แม่ของเขา

ฉันควรวานให้เขาทำอะไรดี เพื่อจะได้ให้เงินเขากลับไปบ้าง

ฉันไม่ได้ร่ำรวย ทั้งยังต้องซื้อผักกิน แต่เมื่อเทียบกับฟาและแม่ของเขา ฉันมีเงินมากกว่า เขาแบ่งผักให้ฉันได้ ฉันควรแบ่งเงินให้เขาได้เช่นกัน

แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะให้เงินโดยสบายใจทั้งสองฝ่าย ฟาทำไฟเป็น ซ่อมปั๊มน้ำได้ เป็นสารพัดช่างให้แม่ของฉันอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เขามา หมายถึงแม่มีอะไรให้เขาทำ และเขาคงค้างที่นี่ อย่างน้อยสองคืน ซึ่งหมายถึงฉันยังมีเวลาคิด

ที่ต้องทำก่อนอื่นใดทั้งหมด คือจัดการเปลี่ยนวัตถุดิบชั้นดีตรงหน้าให้กลายเป็นมื้อเย็น

 

ก้นถุงผักมีปลาร้าปลากระดี่ ซึ่งฉันเคยเอ่ยปากว่าหาอร่อยยาก

ดูสิ เธออุตส่าห์หามาให้ ฉันคงต้องทำน้ำพริกปลาร้าแบบที่เคยโม้กับเธอไว้ ในเมื่อเธอเตรียมเครื่องเคราพร้อมเพียงนี้

ฉันเคยกินน้ำพริกปลาร้าแบบเรื่องมากฝีมือน้องสาวชาวลาว ติดใจติดลิ้นเอามาก ไม่เคยกินปลาร้าอร่อยขนาดนั้นมาก่อน กลิ่นของปลาร้ากลายเป็นหอม เมื่อเจอสารพัดสมุนไพรและพริกที่เราประโคมใส่ในน้ำพริก

ใช้ปลาร้าราวสองช้อนโต๊ะกับน้ำครึ่งถ้วยตวง ต้มไฟอ่อนๆ โดยโยนตะไคร้ซอยละเอียดลงไปสองต้น

เปิดอีกเตา ตั้งกระทะเทฟล่อน ย่างพริก หอม กระเทียม ข่าหั่นแว่น ขิงหั่นแว่น ทั้งหมดนี้ ฉันย่างบนกระทะด้วยไฟอ่อนให้หอมและสุก พริกฉันใช้ทั้งพริกหนุ่มและพริกขี้หนู เพราะต้องการความเผ็ด

ครั้นหม้อปลาร้าเดือด ปลาร้าเละกลายเป็นน้ำปลาร้า ฉันใส่หมูลงไปนิดหน่อย รอหมูสุก ก็ปิดเตาพักไว้

ข่ากับขิงใช้เวลาย่างน้อยกว่าอย่างอื่น พอได้ที่ ฉันก็หยิบออกมาสับ ใส่ถ้วยรอ

หอมและกระเทียมต้องแน่ใจว่าสุก จึงจะอร่อย ลอกเปลือกออก ก่อนโยนลงถ้วยรวมกับข่าและขิง

พริกขี้หนู ฉันใส่ทั้งเมล็ด ส่วนพริกหนุ่ม ซึ่งสุกช้ากว่าใครเพื่อน ฉันค่อยๆ ลอกเปลือกที่ไหม้ออก แล้วจัดการฉีกเป็นเส้นๆ

เททุกอย่างกลับลงหม้อปลาร้า แล้วเปิดไฟอ่อนๆ

ครั้นเดือดอีกทีก็ชิม และปิดเตา

จำได้ว่า น้องสาวชาวลาวไม่ปรุงอะไรเพิ่มเลย ลำพังปลาร้ากับของย่างทั้งมวลและตะไคร้ซอย ก็อร่อยแล้ว

แล้วฉันก็ทำได้ ด้วยปลาร้าปลากระดี่ที่เธอหาให้

 

เอาเข้าจริง ฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ย่างทุกอย่างให้มากเข้าไว้ ใส่ลงในหม้อน้ำปลาร้า กลายเป็นน้ำพริกที่ไม่ต้องตำ หากเราใส่เครื่องเครามากพอ (โดยเฉพาะพริก) น้ำพริกจะเกือบแห้ง เหลือน้ำก็แค่นิดหน่อย

จัดลงจานรวมกับผักที่เธอให้มา และแบ่งน้ำพริกครึ่งหนึ่งใส่ถุงแช่ช่องแข็งไว้ วันที่ฟากลับ ค่อยฝากไปให้แม่ของเขาชิม

เธอควรได้รู้ ว่าฉันทำปลาร้าอร่อยมาก เธอควรได้เห็นว่าวัตถุดิบจากรอบๆ บ้านเธอ ได้กลายเป็นเมนูอะไร

ตอนที่ตักน้ำพริกใส่ถุง ฉันก็ระลึกได้ว่า เป็นเธอนั่นล่ะ ที่สอนให้ฉันกินปลาร้า

น้ำพริกปลาร้าที่ใส่พริก หอม และกระเทียมย่าง ตำให้ละเอียด กินกับข้าวเหนียวนึ่งใหม่ และแคบหมู ปูเสื่อกินด้วยกันในสวนของตา

ฉันติดใจปลาร้าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ปลาร้าเป็นวัตถุดิบพิเศษ ไม่มีอะไรแทนได้จริงๆ