คอภาพยนตร์จำนวนหนึ่งคงทราบกันดีว่า “อินดีเพนเดนต์ สปิริต อวอร์ดส์” ถือเป็นงานมอบรางวัลสำหรับหนังอิสระ/หนังอินดี้ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกัน ในช่วงไม่กี่ปีหลัง งานมอบรางวัลดังกล่าวก็แทบจะกลายเป็นเวทีประจำของ “ผู้กำกับภาพฝีมือดีชาวไทย”

ตลอดสองปีที่ผ่านมา ผู้ได้รับรางวัล “ผู้กำกับภาพยอดเยี่ยม” ของ “อินดีเพนเดนต์ สปิริต อวอร์ดส์” ไม่ใช่ใครที่ไหน หากเป็น “สยมภู มุกดีพร้อม” ตากล้องระดับอินเตอร์ ที่คว้ารางวัลจากการฝากฝีมือ-มุมมองไว้ใน “Call Me by Your Name” และ “Suspiria” ภาพยนตร์โดย “ลูกา กัวดาญีโน”

ล่าสุด เพิ่งมีการประกาศรายชื่อผู้ได้เข้าชิงรางวัล “อินดีเพนเดนต์ สปิริต อวอร์ดส์” ประจำปี 2020 (สำหรับภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี 2019) ออกมา

เป็นที่น่ายินดีว่า ในสาขา “ผู้กำกับภาพยอดเยี่ยม” นั้น มีชื่อคนไทยก้าวเข้าสู่รอบสุดท้ายอีกหน

ตากล้องไทยรายนี้ไม่ใช่สยมภู ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจจากการกำกับภาพให้แก่หนังเรื่อง “Memoria” ของ “อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” ที่ประเทศโคลอมเบีย

หากเป็นตากล้องหญิงผู้มีนามว่า “ชนานันต์ โชติรุ่งโรจน์” ในฐานะผู้กำกับภาพของหนังเวียดนามเรื่อง “The Third Wife”

ชนานันต์จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาหนังสือพิมพ์ จากภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเคยทำงานเป็นช่างภาพนิ่งให้นิตยสารหลายฉบับ อาทิ โอเพ่น และ อิมเมจ

ต่อมาเธอตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านการกำกับภาพยนตร์ที่โรงเรียนศิลปะทิสช์ แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (เอ็นวายยู)

แต่ท้ายสุด ชนานันต์ก็ยังเลือกรับหน้าที่เป็นตากล้อง มากกว่าจะกำกับภาพยนตร์ของตนเอง

จนถึงปัจจุบัน เธอมีผลงานการกำกับภาพให้แก่หนังไทยและต่างประเทศมาแล้วหลายเรื่อง

เช่น “Karaoke Girl สาวคาราโอเกะ” (วิศรา วิจิตรวาทการ) ซึ่งส่งให้ชนานันต์ และ “แซนดี้ ซิสเซล” คว้ารางวัลผู้กำกับภาพยอดเยี่ยมประจำปี 2556 จากชมรมวิจารณ์บันเทิงและสตาร์พิคส์ ไทย ฟิล์ม อวอร์ดส์

รวมถึง “Motel Mist โรงแรมต่างดาว” (ปราบดา หยุ่น) “ป๊อปอาย มายเฟรนด์” (เคิร์สเตน ธาน) “Don”t Come Back From the Moon” (บรูซ เธียร์รี ชุง – นำแสดงโดย “เจมส์ ฟรังโก”) และ “The Nearest Human Being” (มาร์โก คอปโปลา)

ทั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่อง “The Third Wife” ที่ทำให้ชนานันต์เป็น “ตากล้องหญิงไทยคนแรกสุด” ซึ่งได้เข้าชิงรางวัล “อินดีเพนเดนต์ สปิริต อวอร์ดส์” นั้น คือผลงานการกำกับหนังยาวเรื่องแรกของ “แอช เมย์แฟร์”

เมย์แฟร์เกิดที่ประเทศเวียดนาม แต่มาเติบโตและเล่าเรียนที่สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา โดยจบการศึกษาปริญญาตรีสาขาวรรณคดีอังกฤษจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เข้ารับการอบรมด้านการกำกับละครเวทีที่ราชวิทยาลัยศิลปะการละคร ณ กรุงลอนดอน ก่อนจะจบปริญญาโทด้านการกำกับภาพยนตร์ ที่โรงเรียนศิลปะทิสช์ เช่นเดียวกับชนานันต์

หนังเล่าเรื่องราวในชนบทเวียดนามช่วงศตวรรษที่ 19 เมื่อเด็กสาววัย 14 ปีรายหนึ่ง ได้กลายเป็นภรรยาลำดับที่สามของเศรษฐีที่ดิน

เด็กสาวได้เรียนรู้ว่าสถานะ “ภรรยา” ของตนเองจะมั่นคง ก็ต่อเมื่อเธอสามารถให้กำเนิดลูกชายแก่สามี และความหวังดังกล่าวก็มีแนวโน้มจะเป็นจริง หลังจากเธอตั้งท้อง

อย่างไรก็ดี เด็กสาวต้องเผชิญหน้ากับความรักต้องห้ามและความจริงอันแสนเจ็บปวด จนนำไปสู่ทางเลือกในชีวิต ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่เส้นทาง

ก่อนหน้านี้ “The Third Wife” เคยเข้าฉายในเมืองไทยมาแล้วรอบหนึ่ง และกำลังจะกลับมาพบผู้ชมอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม ที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ คอนเน็คท์

ภาพประกอบจาก

https://www.facebook.com/DocumentaryClubTH/

ข้อมูลจาก

https://www.vulture.com/2019/11/indie-spirit-awards-2020-nominations-complete-list.html

https://thepeople.co/interview-chananun-chotrungroj-director-of-photography/

ชนานันท์ โชติรุ่งโรจน์

https://documentaryclubthailand.com/the-third-wife/

Ash Mayfair