แมลงวันในไร่ส้ม /MOU ปริศนา ‘ปารีณา’ ปิดไมค์หนี พิษที่ดินร้อน 1.7 พันไร่

แมลงวันในไร่ส้ม

MOU ปริศนา

‘ปารีณา’ ปิดไมค์หนี

พิษที่ดินร้อน 1.7 พันไร่

ชื่อของ “ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เกรียวกราวอีกครั้ง
ในการประชุมสภาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน น.ส.ปารีณาลุกขึ้นกล่าวในสภา ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบพูดจาดูถูกดูหมิ่นตนเอง ก่อนจะถูกนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ตัดบทว่าน่าจะไปคุยกันในกรรมาธิการมากกว่า
น.ส.ปารีณาโต้แย้งว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ และกล่าวอีกว่า การทำหน้าที่ประธาน กมธ.ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มีลักษณะดูถูก ดูหมิ่น ตนอยากให้นายชวนสอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และขอให้ช่วยเหลือเพราะการทำงานต้องทำด้วยกิริยาไม่ดูถูกหรือดูหมิ่นใคร ดังนั้น ต้องสอบ
วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา น.ส.ปารีณาแถลงข่าวว่าน้อยใจที่ถูกเลือกปฏิบัติ ในห้วงเวลาดังกล่าว ขนาด ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ขอหารือ แต่พูดจาดูถูกดูหมิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม รวมถึง ส.ส.พรรคอื่นๆ ขอหารือเรื่องห้องน้ำในสภา นายชวนยังอนุญาต แต่ขอให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับไม่อนุญาต แล้วบอกว่าเป็นเรื่องภายใน กมธ.
น.ส.ปารีณากล่าวอีกว่า ช่วงที่หารือในสภา ยืนอยู่ใกล้กับนายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง พรรค พปชร. ที่ชนะการเลือกตั้งในเขตบ้านนายชวนเอง ทำให้ท่านไม่พอใจอาจจะหงุดหงิดเรื่องนี้หรือไม่ แต่อยากให้แยกแยะเรื่องทั้งหมด ตนไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ไม่ได้เป็นอดีต ผบ.ตร.แต่เป็นสมาชิกรัฐสภา
อยากให้นายชวนหยุดตัดไมโครโฟนตนเสียที ที่ผ่านมาแม้ตนจะบ่นกับเพื่อนสมาชิกบ้างแต่ไม่เคยแถลงข่าว แต่วันนี้ที่ต้องมาแถลงเพราะเห็นว่านายชวนเยอะเกินไปแล้ว
หลังแถลงข่าวประเด็นดังกล่าวจบ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 1,700 ไร่ที่กำลังเป็นข่าว โดยถามว่า คุณปารีณาตรวจสอบคนอื่น แต่เรื่องที่ดินของตนเองจะไม่ชี้แจงได้หรือ
ทำเอา น.ส.ปารีณาหน้าเครียด ไม่ตอบคำถาม โดยกล่าวขอบคุณ พร้อมยกมือไหว้สื่อและเดินไปจากโพเดียมแถลงข่าว
พร้อมบอกว่า “ดิฉันทำ MOU กับนักข่าวไว้แล้ว” และไม่ยินยอมจะพูดออกไมค์ และไม่ได้ให้ความชัดเจนว่า ทำ MOU กับนักข่าวในลักษณะแบบไหน ให้นักข่าวสอบถามกับเพื่อนๆ
จนทำให้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่มาร่วมแถลงช่วยกล่าวตัดบท
ทำให้คำว่า MOU กระหึ่มออกไปทันที พร้อมกับคำถามว่า นักข่าวคนไหนไปทำความตกลงใดกับ น.ส.ปารีณา

วันเดียวกันนั้นเอง น.ส.ปารีณาได้แจกเอกสารข่าวให้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ระบุข้อความว่า เขียนที่รัฐสภา วันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เรื่องคำชี้แจงต่อสื่อมวลชนกรณีการให้สัมภาษณ์เรื่องปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.
เรียน พี่พี่สื่อมวลชนทุกๆ ท่าน ดิฉันขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์ในทุกประเด็นปัญหาที่ดิน เนื่องจากที่ดินดังกล่าวอยู่ในกระบวนการการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และการตรวจสอบดังกล่าว ส.ป.ก.ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ดิฉันทราบ หากมีเจ้าหน้าที่เข้ามาในที่ดินดังกล่าว
แต่โดยส่วนตัวดิฉันยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่างในการตรวจสอบ จึงขอกราบอภัยและขอความเห็นใจด้วยค่ะ
อีกทั้งขอแจ้งให้พี่ๆ ทราบว่าดิฉันไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีเพจมาประมาณหนึ่งเดือนเศษๆ แล้ว เนื่องจากเฟซบุ๊กปลิว จึงขอให้พี่ๆ สื่อมวลชนไม่นำเฟซปลอมมาในการนำเสนอข่าวต่างๆ จึงขอความเห็นใจในเรื่องนี้ด้วย ด้วยความเคารพอย่างสูง
อย่างไรก็ตาม การอ้างเอ็มโอยูยังไม่จบง่ายๆ วันที่ 23 พฤศจิกายน น.ส.ปารีณาออกมาเปิดเผยว่า ที่อ้างว่ามีการทำ MOU กับผู้สื่อข่าว ขอโทษพี่ๆ นักข่าวทุกคน ที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่านักข่าวมีผลประโยชน์อะไร จริงๆ มันเป็นเรื่องระหว่างตนกับพี่สื่อมวลชนคนหนึ่งที่ตกลงกัน เพราะพี่เขาขอมาสัมภาษณ์เรื่องที่ดิน ตนบอกว่าตนไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้แล้ว ตกลงกันนะ เราทำ MOU กันแล้วนะ เป็นการคุยเล่นกันลอยๆ เท่านั้น
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การทำ MOU กับนักข่าว ไม่ใช่การลงชื่อตกลงกันอย่างเป็นทางการกับสื่ออย่างที่มีการเข้าใจกันเป็นเพียงการพูดคุยกับสื่อมวลชนรายหนึ่งที่ต้องการสัมภาษณ์เรื่องที่ดิน ซึ่งตนปฏิเสธ เมื่อขอสัมภาษณ์เรื่องอื่น จึงตกลงที่จะให้สัมภาษณ์ โดยทำความเข้าใจกันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องที่ดิน
จึงคุยเล่นด้วยคำว่า “งั้นเราทำ MOU กันนะ” เป็นการพูดคุยกันปกติ และขอให้บอกนักข่าวคนอื่นด้วย เพราะเข้าใจว่าจะมีการส่งไลน์กลุ่มนักข่าวกัน
และขอโทษสื่อมวลชนทุกคนที่ทำให้เข้าใจผิด

ส่วนปัญหาที่ดิน 1,706 ไร่ พื้นที่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง ของ น.ส.ปารีณา วันที่ 24 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบ พบว่าบริเวณรอบเขาสนฟาร์ม เนื้อที่ประมาณ 600 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี นอกนั้นอยู่ในเขต ส.ป.ก.
วันที่ 26 พฤศจิกายน น.ส.ปารีณาทำหนังสือถึงอธิบดีกรมป่าไม้ ขอให้ตรวจสอบเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตปฏิรูปที่ดิน ระบุว่าได้ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวโดยสุจริตและเปิดเผยเป็นเวลานับสิบปีแล้ว โดยมีลักษณะการทำประโยชน์เป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการใดตรวจสอบหรือแจ้งว่าดิฉันกระทำผิด
จากการตรวจสอบตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บริเวณที่อาจอยู่นอกป่าสงวนแห่งชาติ ขอให้กรมป่าไม้และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตรวจสอบแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตปฏิรูปที่ดินโดยละเอียดรอบคอบก่อนการดำเนินคดีใดๆ
เนื่องจากบริเวณดังกล่าว นอกจากดิฉันยังมีราษฎรตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวด้วย จะได้รับความเดือดร้อนการกระทำ โดยยังไม่มีการตรวจสอบเขตที่ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
และกรมป่าไม้จะแจ้งความดำเนินคดี น.ส.ปารีณา กรณีเนื้อที่ 46 ไร่รุกป่าสงวนฯ
ขณะที่ ส.ป.ก.แจ้ง น.ส.ปารีณา ให้นำเอกสารมาชี้แจงภายใน 15 วัน หรือภายในวันที่ 4 ธันวาคม 2562 โดยเบื้องต้นพบว่าการเสียภาษีดอกหญ้า (ภ.บ.ท.5) ที่ น.ส.ปารีณาพูดถึง มีการเสียภาษีจริง 690 ไร่ ส่วนที่เหลือกว่า 1,000 ไร่ ส.ป.ก.ระบุว่า น.ส.ปารีณาต้องไปชี้แจงว่าอยู่ในบริเวณใด
เป็นศึกหนักที่ MOU ใดๆ ก็ยากจะช่วยได้