เผยแพร่ |
---|
จากปรากฏการณ์การอ้าง MOU ของ ส.ส.ดาวเด่นแห่งพรรคพลังประชารัฐ มาสู่ปรากฏการณ์การเขียนข้อความบนแผ่นกระจกของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่
ก่อให้เกิดภาพเปรียบเทียบอันแหลมคมยิ่งของ”ระยะผ่าน”ในทางการเมือง
หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์การอ้าง MOU อาจรู้สึกขำ เพราะว่า MOU ย่อมมิได้เป็นสภาพอย่างที่เรียกว่า “ตบมือข้างเดียว” หากแต่ต้องเป็น 2 ฝ่าย 2 คน
กลายเป็นเรื่อง “ตลก” อย่างแน่นอนและเด่นชัด
ขณะเดียวกัน การใช้ปากกามัคเกอร์เขียนลงตรงสติกเกอร์สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกเปิดเผยต่อสาธารณะก็เป็นเรื่องแปลก
เป็นวัฒนธรรมในอีกแบบที่ดำรงอยู่ใน”อนาคตใหม่”
ต้องยอมรับว่าการเสนอตัวเข้ามาของพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้ง เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ มิติใหม่ในทาง การเมือง
ยิ่งเมื่อ ส.ส.ดาวดังจากพรรคพลังประชารัฐพยายามประกบคู่กับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ยิ่งมองเห็นจุดต่าง
จะว่าต่างเหมือน “ดำ” กับ “ขาว” ก็ออกจะเว่อ
แต่ก็อย่างที่ จิตร ภูมิศักดิ์ เคยว่าเอาไว้นั่นแหละ “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”
กาลเวลาจากการอ้าง MOU ก็เห็นอย่างเด่นชัด
ยิ่งการเกิดขึ้นของศูนย์ประสานการเมืองอนาคตใหม่จังหวัดแล้ว จังหวัดเล่า ยิ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่แทบไม่เคยเห็นมาก่อนในแวดวงการเมืองไทย
ไม่เชื่อลองไปเยือน”ศูนย์อนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี”ดูก็จะรู้
เมื่อเป็นเรื่องของการเมือง เมื่อเป็นเรื่องของพรรคการเมือง จุดต่างจึงน่าจะเป็นความต่างในทางการเมืองอย่างเป็นด้านหลัก
กระนั้น การเมือง กับ วัฒนธรรม ก็สัมพันธ์กัน
ในฐานะที่เป็นโครงสร้างส่วนบนอันเป็นผลสะเทือนมาจากโครง สร้างส่วนล่างที่ดำรงอยู่ในสังคม
เติบโตมาต่างกัน วัฒนธรรมการแสดงออกก็ต่างกัน
พรรคอนาคตใหม่ได้ผลิตคนแบบใหม่บนพื้นฐานแห่งวัฒนธรรมใหม่เพื่อนำไปสู่การเมืองอย่างใหม่
เป็นอนาคตใหม่ เป็นวัฒนธรรมใหม่