ต่างประเทศ : คำยืนยันของ “เจ้าชายแอนดรูว์” กรณีข่าวฉาวกับสาว 17

เจ้าชายแอนดรูว์ หรือดยุคแห่งยอร์ก พระโอรสองค์ที่ 3 ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษตกเป็นข่าวอื้อฉาว

หลังจากมีสาวนางหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า เธอเคยถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ ขณะที่เธออายุเพียง 17 ปีเท่านั้น

ทั้งนี้ เจ้าชายแอนดรูว์เคยเสกสมรสกับซาราห์ เฟอร์กูสัน เมื่อปี 2529 และมีพระธิดา 2 พระองค์ คือ เจ้าหญิงเบียทริซ และเจ้าหญิงยูจีน

ก่อนที่เจ้าชายแอนดรูว์จะหย่ากับเฟอร์กูสัน ในปี 2539

โดยพระองค์ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในหน้าที่ทหาร และยังทรงเป็นนักบินระหว่างร่วมในสงครามเกาะฟอล์กแลนด์

ชื่อของพระองค์อาจจะดูหายไปจากสื่อมานาน กระทั่งมีข่าวฉาวล่าสุด จากสาวนางหนึ่งที่ชื่อว่า “เวอร์จิเนีย จุฟเฟร” ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทก์ที่ยื่นฟ้อง “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสนิทของเจ้าชายแอนดรูว์

โดยจุฟเฟรอ้างว่า เธอถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ถึง 3 ครั้ง

 

เวอร์จิเนีย จุฟเฟร หรือชื่อในอดีตคือ เวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ ได้เปิดเผยว่า เธอถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ ตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งขณะนั้นเธออายุเพียง 17 ปี จนถึงปี 2545

โดยสถานที่ที่มีเพศสัมพันธ์กันคือที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และที่เกาะส่วนตัวของเอปสตีน ในหมู่เกาะเวอร์จิ้น สหรัฐอเมริกา

ข้อกล่าวหาดังกล่าว ทำให้เจ้าชายแอนดรูว์ตกเป็นเป้าของสื่อมวลชนมานานหลายเดือน กระทั่งล่าสุด พระองค์ได้ยอมที่จะประทานสัมภาษณ์ต่อรายการนิวส์ไนต์ของบีบีซี โดยมีเอมิลี เมทลิส เป็นพิธีกร

โดยประเด็นหลักที่เจ้าชายแอนดรูว์ประทานสัมภาษณ์คือ พระองค์ยืนยันว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับสาวอเมริกันคนนี้อย่างแน่นอน

และพระองค์ก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยพบหญิงคนนี้ที่ไหน

เจ้าชายแอนดรูว์ตรัสถึงคำกล่าวอ้างของฝ่ายหญิงที่อ้างว่า เธอได้กินข้าวเย็นกับเจ้าชาย เต้นรำกับพระองค์ที่ไนต์คลับ ก่อนที่จะไปมีเพศสัมพันธ์กันที่บ้านของกิสเลน แมกซ์เวลล์ พระสหายของเจ้าชายแอนดรูว์ ที่เขตเบนกราเวีย ตอนกลางของกรุงลอนดอน

ซึ่งเจ้าชายแอนดรูว์ตรัสว่า เรื่องนี้ก็มีสิ่งที่ไม่จริงอยู่หลายอย่าง เพราะในวันที่จุฟเฟรกล่าวอ้าง คือวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งขณะนั้นพระองค์ทรงพาเจ้าหญิงเบียทริซ พระธิดา ไปเสวยพิซซ่าที่ร้านพิซซ่าเอ็กซ์เพรส ที่โวกกิ้ง ในงานปาร์ตี้ ก่อนที่จะกลับบ้านและนอนอยู่ที่บ้านทั้งคืน

โดยเจ้าชายแอนดรูว์ตรัสว่า การไปร้านพิซซ่าเอ็กซ์เพรสที่โวกกิ้ง เป็นเรื่องที่ไม่ปกติสำหรับพระองค์ จึงจำได้เป็นอย่างดี

 

นอกจากนี้ จุฟเฟรยังบอกด้วยว่า เจ้าชายได้ยื่นแก้วที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เธอขณะอยู่ในไนต์คลับ แต่เจ้าชายตรัสว่า พระองค์เป็นคนไม่ดื่ม และไม่เคยคิดที่จะซื้อเครื่องดื่มที่ “แทรมป์ส ไนต์คลับ” ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเหงื่อที่ฝ่ายหญิงบอกว่า เจ้าชายเหงื่อท่วมตัวตอนที่เต้นรำด้วยกันที่คลับแห่งหนึ่ง ก่อนจะไปมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกัน ก็เป็นเรื่องไม่จริง เพราะพระองค์เป็นโรคประหลาดที่จะไม่มีเหงื่อออก เนื่องจากในช่วงที่ร่วมในสงครามฟอล์กแลนด์ ร่างกายของพระองค์หลั่งอะดรีนาลีนออกมามากจนเกินไป

เมื่อถูกถามถึงภาพที่พระองค์ถ่ายคู่กับจุฟเฟรที่บ้านของแมกซ์เวลล์ พระองค์ตรัสว่า จำเรื่องดังกล่าวไม่ได้เลย และได้มีการตรวจสอบภาพดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของปลอม เพราะเป็นภาพที่ถ่ายมาจากภาพถ่ายอีกทีหนึ่ง

และพระองค์ก็ยืนยันว่าจำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับบ้านหลังนั้น และภาพภาพนั้น

 

ในขณะที่ข้อกล่าวหาในเรื่องของจุฟเฟรนั้น เจ้าชายแอนดรูว์ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หากแต่ในเรื่องที่ทรงเกี่ยวข้องกับนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน บุคคลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานค้าประเวณีเด็ก จนถูกตัดสินจำคุก และแขวนคอตายที่เรือนจำในนิวยอร์กเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พระองค์กลับรู้สึกผิด

โดยเมื่อปี 2553 หรือ 2 ปีหลังจากเอปสตีนถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานล่อลวงผู้เยาว์ให้บริการทางเพศ ก็ปรากฏคลิปวิดีโอเป็นภาพของเจ้าชายแอนดรูว์ขณะเสด็จออกจากบ้านพักของเอปสตีนในนครนิวยอร์ก

ซึ่งเจ้าชายแอนดรูว์ตรัสว่า พระองค์รู้สึกเสียพระทัยกับการไปครั้งนั้น และรู้สึกโกรธตัวเองที่ทำเรื่องไม่เหมาะสม

แต่ในเวลานั้นพระองค์รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องผิด แต่ตอนนี้ยอมรับว่า การตัดสินใจในตอนนั้น มาจากนิสัยที่เป็นคนซื่อจนเกินไปของพระองค์

ซึ่งเจ้าชายแอนดรูว์ตรัสว่า เหตุที่ไปครั้งนั้น เพื่อที่ต้องการจะบอกกับเอปสตีนว่า พระองค์คงไม่สามารถพบกับเขาได้อีก แต่พระองค์ยอมรับว่า ไม่เสียพระทัยที่ได้รู้จักกับเอปสตีน เพราะได้มีโอกาสเรียนรู้ในเรื่องการค้าและธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม เอปสตีนได้ผูกคอตายในเรือนจำที่นิวยอร์กเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

ในการประทานสัมภาษณ์ครั้งนี้ ฝ่ายทนายของจุฟเฟรออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าชายแอนดรูว์ลุกขึ้นมาให้ข้อมูลที่พระองค์รู้แก่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ของสหรัฐ และหน่วยงานกฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องราวของเอปสตีนจะดีกว่า

เพราะเรื่องของเอปสตีนถือเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส และอยู่ระหว่างการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ

ขณะที่บทสัมภาษณ์ของเจ้าชายแอนดรูว์ครั้งนี้ นายจอนนี่ เดย์มอนด์ ผู้สื่อข่าวสารราชสำนักของบีบีซี มองว่าเป็นบทสัมภาษณ์ที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อตัวเจ้าชายแอนดรูว์

และทรงเสียโอกาสอย่างใหญ่หลวงที่จะแก้ต่างให้พระองค์เอง